Together with Caravaggio and Rubens

Together with Caravaggio and Rubens, Annibale Carracci was one of the creative geniuses of Baroque painting. In addition to his achievements as a painter of fresco cycles and altarpieces, he launched the vogue for carefully constructed landscapes in which nature is transformed by the imagination into an idyllic setting for biblical or mythological stories. The subject of this one is based on John 1:29: "The next day John seeth Jesus coming unto him, and saith, Behold the Lamb of God, who taketh away the sin of the world."
This beautifully preserved work was described by Annibale's biographer, Malvasia, in 1678, when it was in the famous Farnese collection in Parma. It seems to date to about 1600–1602, when Annibale was fascinated by Roman sculpture, as is evident in the figure of Saint John the Baptist. Annibale sometimes employed assistants to realize his ideas, and some scholars have suggested that this picture was painted by Francesco Albani, who assumed a dominant role in Annibale's workshop after about 1604 and who later painted versions of the theme. None of Albani's paintings, however, attains the quality of this one.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ร่วมกับคาราวัจโจและรูเบนส์ Annibale Carracci ถูก geniuses สร้างสรรค์ของจิตรกรรมยุคบาโรกอย่างใดอย่างหนึ่ง นอกจากความสำเร็จของท่านเป็นจิตรกรจิตรกรรมฝาผนังรอบและ altarpieces เขาเปิดตัวหญิงสำหรับภูมิประเทศที่สร้างขึ้นอย่างระมัดระวังซึ่งมีแปลงธรรมชาติ โดยจินตนาการเป็นที่งดงามในพระคัมภีร์ หรือตำนานเรื่องราว เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับจอห์น 1:29: "วันจอห์น seeth พระเยซูมาเขา และ ตรัสเถิดการแกะของพระเจ้า taketh บาปของโลก"นี้อย่างสวยงามเก็บงานได้อธิบายไว้ โดยของ Annibale ชีวประวัติ Malvasia ใน 1678 เมื่อมันอยู่ในคอลเลกชันฟาร์เนเซที่มีชื่อเสียงในปาร์มา เหมือนการประมาณ 1600 – 1602 เมื่อถูกหลง โดยประติมากรรมโรมัน Annibale เป็นเป็นในรูปของนักบุญยอห์นแบปติสต์ Annibale จ้างผู้ช่วยเพื่อทราบความคิดของเขาบางครั้ง และนักวิชาการบางคนได้แนะนำว่า ภาพนี้ถูกวาด โดยฟรานอัลบานี ที่ถือว่ามีบทบาทโดดเด่นในเวิร์กช็อปของ Annibale หลังประมาณ 1604 และภายหลังที่ทาสีรุ่นชุดรูปแบบ อย่างไรก็ตาม ไม่มีภาพวาดของอัลบานี attains คุณภาพนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ร่วมกับจิโอและรูเบนส์, เบลล์ Carracci เป็นหนึ่งในอัจฉริยะสร้างสรรค์ของการวาดภาพบาร็อค นอกเหนือไปจากความสำเร็จของเขาในฐานะจิตรกรรอบกลางแจ้งและ altarpieces เขาเปิดสมัยสำหรับสร้างภูมิทัศน์อย่างระมัดระวังในการที่จะเปลี่ยนธรรมชาติด้วยจินตนาการลงไปในการตั้งค่าที่งดงามสำหรับเรื่องราวในพระคัมภีร์หรือตำนาน เรื่องของคนนี้จะขึ้นอยู่กับจอห์น 1:29: "วันต่อมาจอห์นเห็นพระเยซูมาหาพระองค์จึงตรัสดูเถิดลูกแกะของพระเจ้าที่ชิงเอาความผิดบาปของโลก."
งานนี้เก็บรักษาไว้อย่างสวยงามถูกอธิบายโดย เบลล์ผู้เขียนชีวประวัติของ Malvasia ใน 1678, เมื่อมันอยู่ในคอลเลกชันเซ่ที่มีชื่อเสียงในปาร์มา มันดูเหมือนว่าจะวันที่ประมาณ 1600-1602 เมื่อเบลล์รู้สึกทึ่งกับรูปปั้นโรมันอย่างเห็นได้ชัดในรูปของนักบุญจอห์นแบ๊บติสที่ เบลล์ผู้ช่วยบางครั้งใช้ในการตระหนักถึงความคิดของเขาและนักวิชาการบางคนบอกว่าภาพนี้เป็นภาพวาดโดยฟรานอัลบาซึ่งสันนิษฐานว่ามีบทบาทที่โดดเด่นในการประชุมเชิงปฏิบัติการเบลล์หลังจากที่เกี่ยวกับ 1604 และผู้ที่ต่อมาทาสีรุ่นของชุดรูปแบบ ไม่มีภาพวาดอัลบาอย่างไรบรรลุคุณภาพของหนึ่งนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ด้วยกันกับคาราวัจโจ และรูเบนส์ , คริสตา ไวต์เป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่สร้างสรรค์ของศิลปะภาพวาด นอกเหนือไปจากความสำเร็จของเขาเป็นจิตรกรของรอบจิตรกรรมฝาผนังและ altarpieces เขาเปิดตัวโว้ค เพื่อสร้างทัศนียภาพที่ธรรมชาติจะถูกเปลี่ยนโดยจินตนาการในบรรยากาศงดงามสำหรับพระคัมภีร์ หรือ ตำนานเรื่องเล่าเรื่องของหนึ่งนี้จะขึ้นอยู่กับจอห์น 1 : 29 : " วันรุ่งขึ้นยอห์นเห็นพระเยซูกำลังตรัสแก่เขา และตรัสว่า " ดูเถิดลูกแกะของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย "
นี้สวยงามรักษางานอธิบายโดยนนิ Malvasia ในชีวประวัติของ , แถม , เมื่อมันอยู่ในคอลเลกชัน ฟาร์เนเซมีชื่อเสียงในปาร์ม่า มันอาจจะประมาณ 1600 1602 ) ,เมื่อนนิหลงใหลประติมากรรมโรมัน ดังที่ปรากฎในรูปของนักบุญยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา นนิบางครั้งจ้างผู้ช่วยทราบความคิดของเขาและนักวิชาการบางคนมีความเห็นว่าภาพนี้วาดโดยฟรันเชสโก ลบานี ที่ถือว่าเป็นบทบาทที่เด่นในการประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับ 1604 นนิหลังจากที่ภายหลังทาสีและรุ่นของชุดรูปแบบ ไม่มี ลบานีเป็นภาพวาด , อย่างไรก็ตามได้คุณภาพของตัวนี้