The difference between what is real

The difference between what is really present physically (physical or objective reality) and what we actually experience mentally (subjective or phenomenal reality) has been an issue at least since the early greeks. Some accept naive realism,saying that what we experience mentally is exactly the same as what is present physically. Many others,however,say that at least something is lost or gained in the translation from physical to phenomenal experience. A discrepancy between the two types of experience can exist if the sense receptors can respond only partially to what is physically present for example, to only certain sounds or colors. A discrepancy can also exist if in formation is lost or distorted as it is being transmitted from the sence receptors to the brain. Also, the brain itself can transform sensory information, thus creating a discrepancy between physical and phenomenal reality.The important question here is, Given the fact that there is a physical world and a psychological world, how are the two related? A related question is, Given the fact that all we can ever experience directly is our own subjective reality, how can we come to know anything about the physical world? We are confronted here with the problem of reification, or the tendency to believe that because something has a name it also has an independent existence.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความแตกต่างระหว่างสิ่งที่มีอยู่จริง ๆ ร่างกาย (ความจริงทางกายภาพ หรือวัตถุประสงค์) และสิ่งที่เราจริงใจ (อัตนัย หรือปรากฎการณ์จริง) ได้รับปัญหาน้อยตั้งแต่ต้นชาวกรี บางแห่งรับไร้เดียงสาจริง บอกว่า สิ่งที่เราสัมผัสได้ทางจิตใจเป็นเหมือนเป็นสิ่งมีอยู่จริง อื่น ๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม ว่า ที่บางสิ่งบางอย่างที่สูญหาย หรือได้รับการแปลจากประสบการณ์จริงในปรากฎการณ์ ความขัดแย้งระหว่างสองชนิดของประสบการณ์ที่สามารถมีอยู่ถ้าตัวรับความรู้สึกสามารถตอบสนองเพียงบางส่วนกับสิ่งที่มีอยู่จริงเช่น เพื่อเฉพาะเสียงหรือสี ยังสามารถมีความขัดแย้งในกรณีเกิดสูญหาย หรือผิดเพี้ยน ตามมันจะถูกส่งจากตัวรับความรู้สึกไปยังสมองได้ ยัง สมองของตัวเองสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลทางประสาทสัมผัส สร้างความขัดแย้งระหว่างความจริงทางกายภาพ และปรากฏการณ์ คำถามสำคัญ ให้ความจริงที่ว่าโลกทางกายภาพและโลกทางจิต วิธีสองเกี่ยวข้อง คำถามที่เกี่ยวข้อง ให้ความจริงที่ว่า ทั้งหมดที่เราได้เคยสัมผัสโดยตรงเป็นความจริงส่วนตัวของเราเอง เราสามารถมารู้อะไรเกี่ยวกับโลกอย่างไร เราจะเผชิญนี่กับปัญหาของ reification หรือแนวโน้มที่จะเชื่อว่าเนื่องจากสิ่งที่มีชื่อมีอยู่เป็นอิสระ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เป็นปัจจุบันจริงๆร่างกาย (ทางร่างกายหรือวัตถุประสงค์ความเป็นจริง) และสิ่งที่เราได้สัมผัสจริงจิตใจ (ความเป็นจริงปรากฎการณ์หรืออัตนัย) ได้รับปัญหาอย่างน้อยก็ตั้งแต่กรีกต้น บางคนยอมรับความสมจริงไร้เดียงสาบอกว่าสิ่งที่เราพบคือจิตใจเหมือนกับสิ่งที่เป็นปัจจุบันทางร่างกาย อื่น ๆ อีกมากมาย แต่บอกว่าอย่างน้อยสิ่งที่สูญหายหรือได้รับในการแปลจากทางกายภาพเพื่อประสบการณ์เป็นปรากฎการณ์ ความแตกต่างระหว่างสองประเภทของประสบการณ์สามารถอยู่ได้ถ้าตัวรับความรู้สึกที่สามารถตอบสนองเพียงบางส่วนเท่านั้นกับสิ่งที่เป็นปัจจุบันทางร่างกายเช่นการเพียงเสียงบางอย่างหรือสี ความแตกต่างยังสามารถอยู่ถ้าในการก่อตัวจะหายไปหรือบิดเบี้ยวมันจะถูกส่งจากตัวรับความรู้สึกไปยังสมอง นอกจากนี้สมองของตัวเองสามารถเปลี่ยนข้อมูลทางประสาทสัมผัสดังนั้นการสร้างความแตกต่างระหว่าง reality.The คำถามที่สำคัญทางกายภาพและปรากฎการณ์ที่นี่คือความจริงที่ว่ามีความเป็นโลกทางกายภาพและโลกทางด้านจิตใจเป็นอย่างไรทั้งสองเกี่ยวข้อง? คำถามที่เกี่ยวข้องคือให้ความจริงที่ว่าทุกสิ่งที่เราเคยได้สัมผัสโดยตรงคือความเป็นจริงของเราเองอัตนัยวิธีการที่เราสามารถมารู้อะไรเกี่ยวกับโลกทางกายภาพ? เรากำลังเผชิญหน้าอยู่ที่นี่กับปัญหาของการทำให้เป็นจริงหรือมีแนวโน้มที่จะเชื่อว่าเพราะสิ่งที่มีชื่อก็ยังมีอิสระอยู่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เป็นร่างกายปัจจุบัน ( ทางกายภาพหรือวัตถุประสงค์จริง ) และสิ่งที่เราได้สัมผัสใจ ( อัตนัยหรือปรากฏการณ์ความเป็นจริง ) มีปัญหาอย่างน้อยตั้งแต่ต้นกรีก บางคนยอมรับแบบไร้เดียงสา บอกว่า สิ่งที่เราสัมผัสทางจิตก็เหมือนสิ่งที่เป็น ปัจจุบัน ทางร่างกาย คนอื่น ๆ , อย่างไรก็ตาม , กล่าวว่า อย่างน้อยก็มีอะไรที่สูญหายหรือได้รับการแปลจากทางกายภาพเพื่อประสบการณ์มหัศจรรย์ ความแตกต่างระหว่างสองประเภทของประสบการณ์ที่สามารถอยู่ได้ ถ้าความรู้สึกที่ผู้รับสามารถตอบสนองเพียงบางส่วนที่เป็นปัจจุบันทางร่างกายตัวอย่างเช่น เพียงหนึ่งเสียง หรือสี ความขัดแย้งยังสามารถอยู่ได้ถ้าข้อมูลสูญหายหรือผิดเพี้ยนก็จะถูกส่งผ่านจากตัวรับความรู้สึกไปยังสมอง นอกจากนี้ สมองตัวเองสามารถเปลี่ยนการรับรู้ จึงสร้างความขัดแย้งระหว่างการทางกายภาพ และปรากฏการณ์ที่เป็นจริง ที่สำคัญคำถามที่นี่คือ ให้ข้อเท็จจริงว่า มีโลกทางกายภาพและโลกจิต ว่าทั้งสองเกี่ยวข้องกันอย่างไร ? ที่เกี่ยวข้อง คำถามคือ ให้ข้อเท็จจริงว่า เราก็เคยมีประสบการณ์โดยตรงคือความเป็นจริงส่วนตัวของเราเอง แล้วเราจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับโลกทางกายภาพ ? เรากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาของการทำให้เป็นรูปธรรม หรือแนวโน้มที่จะเชื่อเพราะสิ่งที่มีชื่อก็ยังมี ชีวิตที่เป็นอิสระ