Henry Ford's first attempt at a car

Henry Ford's first attempt at a car company under his own name was the Henry Ford Company on November 3, 1901, which became the Cadillac Motor Company on August 22, 1902, after Ford left with the rights to his name. The Ford Motor Company was launched in a converted factory in 1903 with $28,000 in cash from twelve investors, most notably John and Horace Dodge (who would later found their own car company). During its early years, the company produced just a few cars a day at its factory on Mack Avenue and later its factory on Piquette Avenue in Detroit, Michigan. Groups of two or three men worked on each car, assembling it from parts made mostly by supplier companies contracting for Ford. Within a decade the company would lead the world in the expansion and refinement of the assembly line concept; and Ford soon brought much of the part production in-house in a vertical integration that seemed a better path for the era.

Henry Ford was 39 years old when he founded the Ford Motor Company, which would go on to become one of the world's largest and most profitable companies. As one of the largest family-controlled companies in the world, the Ford Motor Company has been in continuous family control for over 100 years.

After the first gasoline powered automobile was created in the year 1885 by German inventor Carl Benz (Benz Patent-Motorwagen), more efficient production methods were needed to make the automobile affordable for the middle-class; which Ford contributed to, for instance by introducing the first moving assembly line in 1913 at its factory in Highland Park.

Between 1903 and 1908 Ford produced the Models A, B, C, F, K, N, R, and S, most of which sold in the hundreds or few thousands a year. In 1908 Ford introduced the mass-produced Model T, which would sell in the millions. In 1927, Ford replaced the T with the Model A, the first car with safety glass in the windshield.[12] Ford launched the first low priced V8 engine powered car in 1932.

In an attempt to compete with General Motors' mid-priced Pontiac, Oldsmobile and Buick, Ford created the Mercury in 1939 as a higher-priced companion car to Ford. Henry Ford purchased the Lincoln Motor Company in 1922, in order to compete with such brands as Cadillac and Packard for the luxury segment of the automobile market.

In 1929 Ford was contracted by the government of the Soviet Union to setup the Gorky Automobile Plant in Russia initially producing Ford Model A and AAs thereby playing an important role in the industrialisation of that country.[13]

The creation of a scientific laboratory in Dearborn, Michigan in 1951, doing unfettered basic research, led to Ford's unlikely involvement in superconductivity research. In 1964 Ford Research Labs made a key breakthrough with the invention of a superconducting quantum interference device or SQUID.[14]

Ford offered the Lifeguard safety package from 1956, which included such innovations as a standard deep-dish steering wheel, optional front, and, for the first time in a car, rear seatbelts, and an optional padded dash.[15] Ford introduced child-proof door locks into its products in 1957, and in the same year offered the first retractable hardtop on a mass-produced six-seater car.

In late 1955, Ford established the Continental division as a separate luxury car division. This division was responsible for the manufacture and sale of the famous Continental Mark II. At the same time, the Edsel division was created to design and market that car starting with the 1958 model year. Due to limited sales of the Continental and the Edsel disaster, Ford merged Lincoln, Mercury and Edsel into "M-E-L," which reverted to "Lincoln-Mercury" after Edsel's November 1959 demise.

The Ford Mustang was introduced in 1964. In 1965 Ford introduced the seat belt reminder light.

With the 1980s, Ford introduced several highly successful vehicles around the world. During the 1980s, Ford began using the advertising slogan, "Have you driven a Ford, lately?" to introduce new customers to their brand and make their vehicles appear more modern. In 1990 and 1994 respectively, Ford also acquired Jaguar Cars and Aston Martin.[16] During the mid- to late 1990s, Ford continued to sell large numbers of vehicles, in a booming American economy with a soaring stock market and low fuel prices.

With the dawn of the new century, legacy healthcare costs, higher fuel prices, and a faltering economy led to falling market shares, declining sales, and diminished profit margins. Most of the corporate profits came from financing consumer automobile loans through Ford Motor Credit Company.[17]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เฮนรีฟอร์ดความพยายามครั้งแรกที่บริษัทรถภายใต้ชื่อของเขาเองเฮนรี่ฟอร์ด บริษัท 3 พฤศจิกายน 1901 ซึ่งกลายเป็นคาดิลแลคมอเตอร์ บริษัทบน 22 สิงหาคม 1902 หลังฟอร์ดสิทธิชื่อของเขา ได้ บริษัทฟอร์ดมอเตอร์ถูกเปิดในโรงงานแปลงใน 1903 กับ $28,000 เงินทุนสิบสอง สะดุดตาที่สุดจอห์นและดอดจ์ฮอเรซ (ที่ภายหลังจะพบว่าบริษัทรถเอง) ในช่วงปีแรก ๆ ของ บริษัทผลิตรถยนต์เพียงไม่กี่วันที่โรงงาน บน ถนนแม็ค และภายหลังโรงงานบนถนน Piquette ในดีทรอยต์ มิชิแกน กลุ่มของสอง หรือสามคนทำงานในแต่ละ รถประกอบจากชิ้นส่วนที่ผลิตส่วนใหญ่ โดยบริษัทผู้ผลิตที่ทำสัญญาสำหรับฟอร์ด ภายในทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทจะนำโลกในการขยายตัวและความประณีตของแนวคิดสายการประกอบ และฟอร์ดเร็วมากของการผลิตส่วนในบ้านในรวมแนวตั้งที่ดูเหมือนเส้นทางดีสำหรับยุคนี้เฮนรีฟอร์ดอายุ 39 ปีเมื่อเขาก่อตั้งฟอร์ดมอเตอร์ บริษัท ไปจนกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุด และกำไรมากที่สุดในโลกได้ เป็นหนึ่งในครอบครัวที่มีควบคุมบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริษัทฟอร์ดมอเตอร์ได้รับควบคุมครอบครัวต่อเนื่องกว่า 100 ปีหลังจากรถยนต์เบนซินขับเคลื่อนแรกถูกสร้างขึ้นในปี 1885 โดยนักประดิษฐ์เยอรมัน Carl Benz (เบนซ์สิทธิบัตร Motorwagen), เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่จำเป็นเพื่อทำให้รถยนต์ราคาไม่แพงสำหรับชั้นกลาง ซึ่งฟอร์ดส่วนการ เช่น โดยการแนะนำสายการประกอบเคลื่อนไหวแรกในปี 1913 ที่โรงงานในสวนไฮแลนด์ระหว่าง 1903 และ 1908 ฟอร์ดผลิตรุ่น A, B, C, F, K, N, R และ S ซึ่งขายดีในหลายร้อยหรือพันสองสามปี ในปีพ.ศ. 2451 ฟอร์ดแนะนำ T รุ่นมวลผลิต ซึ่งจะขายในล้าน ในปี 1927 ฟอร์ดแทน T กับรุ่น A รถคันแรกกับกระจกนิรภัยในกระจกหน้ารถ [12] ฟอร์ดเปิดตัวแรกต่ำราคา V8 เครื่องยนต์ขับเคลื่อนรถยนต์ในปี 1932ในความพยายามที่จะแข่งขันกับ General Motors ปานกลางพันเทียค Oldsmobile และบูอิค ฟอร์ดสร้างปรอทใน 1939 เป็นสหายที่ราคาสูงกว่ารถยนต์ฟอร์ด เฮนรีฟอร์ดซื้อ บริษัทลินคอล์นมอเตอร์ใน 1922 เพื่อแข่งขันกับแบรนด์ดังกล่าวเป็นคาดิลแลคและแพคการ์ดสำหรับเซ็กเมนต์ของตลาดรถยนต์หรูใน 1929 ฟอร์ดรับสัญญาจากรัฐบาลสหภาพโซเวียตต้องการตั้งค่า Gorky รถยนต์โรงงานในรัสเซียเริ่มผลิตฟอร์ดรุ่น A และ AAs จึงมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมของประเทศ [13]การสร้างห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ใน Dearborn มิชิแกนในปี 1951 ห้องวิจัย นำไปสู่การมีส่วนร่วมน่าของฟอร์ดในการนำยวดยิ่งวิจัยทำ ใน ห้องปฏิบัติการวิจัยฟอร์ดทำความก้าวหน้าสำคัญกับประดิษฐ์อุปกรณ์รบกวนสัญญาณควอนตัมคลุ่มหรือปลาหมึก [14]ฟอร์ดเสนอแพคเกจความปลอดภัยยามจาก 1956 ซึ่งรวมนวัตกรรมดังกล่าว เป็นแบบมาตรฐาน deep-dish มาลัย เสริมหน้า และ เป็นครั้งแรกในรถ เบาะนั่งด้านหลัง และประเบาะเสริม [15] ฟอร์ดนำล็อกกันเด็กประตูเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ในปี 1957 และในปีเดียวกันมีหลังคาพับเก็บได้ครั้งแรกไฟเบอร์มวลผลิตรถหกที่นั่งในช่วงปลายปี 1955 ฟอร์ดก่อตั้งแผนกคอนติเนนทัลเป็นรถหรูแยกส่วน แผนกนี้รับผิดชอบการผลิตและการขายของ Mark II มีชื่อเสียงของยุโรป ในเวลาเดียวกัน ฝ่าย Edsel สร้างการออกแบบ และตลาดรถยนต์ที่เริ่มต้น ด้วยรุ่นปี 1958 เนื่องจากยอดขายที่จำกัดของทวีปและภัยพิบัติ Edsel ฟอร์ดผสานลินคอล์น ปรอท และ Edsel เป็น "M-E-L ซึ่งเปลี่ยนกลับเป็น"ลินคอล์นปรอท"หลังจากการตายของ Edsel 1959 พฤศจิกายนฟอร์ดมัสแตงถูกนำมาใช้ในปี 1964 ในปี 1965 ฟอร์ดแนะนำไฟเตือนเข็มขัดกับปี 1980 ฟอร์ดนำรถหลายอย่างประสบความสำเร็จทั่วโลก ในช่วงทศวรรษ 1980 ฟอร์ดเริ่มใช้สโลแกนโฆษณา "คุณขับฟอร์ด เมื่อเร็ว ๆ นี้" จะแนะนำลูกค้าใหม่ให้แบรนด์ของตน และทำให้รถของพวกเขาปรากฏสมัยใหม่ ในปี 1990 และปี 1994 ตามลำดับ ฟอร์ดยังได้รับรถยนต์จากัวร์และแอสตันมาร์ติน [16] ในช่วงกลาง-ถึงปลายปี 1990 ฟอร์ดยังคงขายยานพาหนะ ในระบบอเมริกันเฟื่องฟูเศรษฐกิจกับตลาดหุ้นทะยานและราคาน้ำมันต่ำจำนวนมากกับยามเช้าของศตวรรษใหม่ ต้นทุนสุขภาพดั้งเดิม ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และเศรษฐกิจติดขัดที่นำสายตลาดหุ้น ขาย ที่ลดลง และกำไรลดลง ผลกำไรของบริษัทส่วนใหญ่มาจากเงินผู้บริโภคสินเชื่อรถยนต์ผ่านบริษัทฟอร์ดมอเตอร์เครดิต [17]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความพยายามครั้งแรกของเฮนรี่ฟอร์ดที่ บริษัท รถยนต์ภายใต้ชื่อของตัวเองเป็น บริษัท เฮนรี่ฟอร์ดเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 1901 ซึ่งกลายเป็น บริษัท คาดิลแลมอเตอร์วันที่ 22 สิงหาคม 1902 หลังจากที่ฟอร์ดทิ้งให้อยู่กับสิทธิที่จะชื่อของเขา บริษัท ฟอร์ดมอเตอร์เปิดตัวในโรงงานแปลงในปี 1903 ด้วย $ 28,000 เงินสดจากสิบสองนักลงทุนที่สะดุดตาที่สุดจอห์นและฮอเรซดอดจ์ (ซึ่งต่อมาจะพบว่า บริษัท รถยนต์ของตัวเอง) ในช่วงปีแรกของ บริษัท ผลิตรถยนต์เพียงไม่กี่วันที่โรงงานของตนในแม็คอเวนิวและต่อมาโรงงานใน Piquette ถนนในดีทรอยต์รัฐมิชิแกน กลุ่มของสองหรือสามคนทำงานในรถแต่ละคันประกอบจากชิ้นส่วนที่ทำโดยส่วนใหญ่เป็น บริษัท ผู้จัดจำหน่ายฟอร์ดจัดจ้าง ภายในหนึ่งทศวรรษ บริษัท จะนำไปสู่ระดับโลกในการขยายตัวและการปรับแต่งของแนวคิดสายการประกอบนั้น และฟอร์ดในเร็ว ๆ นี้นำมากของการผลิตส่วนหนึ่งในบ้านในแนวผสมผสานที่ดูเหมือนเส้นทางที่ดีกว่าสำหรับยุค.

เฮนรี่ฟอร์ดอายุ 39 ปีเมื่อเขาก่อตั้ง บริษัท ฟอร์ดมอเตอร์ซึ่งจะไปในที่ที่จะกลายเป็นหนึ่งของโลกที่ใหญ่ที่สุด และ บริษัท มีกำไรมากที่สุด ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน บริษัท ที่ใหญ่ที่สุดในครอบครัวที่มีการควบคุมในโลกของ บริษัท ฟอร์ดมอเตอร์ได้รับในการควบคุมของครอบครัวอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 100 ปี.

หลังจากที่น้ำมันเบนซินแรกรถยนต์ขับเคลื่อนถูกสร้างขึ้นในปี 1885 โดยนักประดิษฐ์ชาวเยอรมันคาร์ลเบนซ์ (Benz สิทธิบัตร Motorwagen ) วิธีการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะทำให้รถยนต์ราคาไม่แพงสำหรับชนชั้นกลาง; ซึ่งฟอร์ดมีส่วนทำให้ตัวอย่างเช่นโดยการแนะนำครั้งแรกที่สายการประกอบการเคลื่อนย้ายในปี 1913 ที่โรงงานในไฮแลนด์พาร์ค.

ระหว่าง 1903 และ 1908 ฟอร์ดผลิตรุ่น A, B, C, F, K, N, R และ S ส่วนใหญ่ของ ซึ่งขายในหลายร้อยหรือหลายพันไม่กี่ปี ในปี 1908 ฟอร์ดเปิดตัวมวลผลิตรุ่น T ซึ่งจะขายในล้าน ในปี 1927 ฟอร์ดแทนที่ T กับรุ่น A, รถคันแรกกับกระจกด้านความปลอดภัยในกระจกหน้ารถ. [12] ฟอร์ดเปิดตัวครั้งแรกต่ำราคาเครื่องยนต์ V8 รถขับเคลื่อนในปี 1932

ในความพยายามที่จะแข่งขันกับ บริษัท General Motors 'ราคากลางรถปอนเตี๊ยก Oldsmobile และบูอิคฟอร์ดสร้างเมอร์ในปี 1939 เป็นรถสหายที่ราคาสูงกว่าฟอร์ด เฮนรี่ฟอร์ดที่ซื้อ บริษัท ลินคอล์นมอเตอร์ในปี 1922 เพื่อที่จะแข่งขันกับแบรนด์เช่นดิลแลคและแพคการ์ดสำหรับส่วนที่หรูหราของตลาดรถยนต์.

ใน 1,929 ฟอร์ดได้ทำสัญญาโดยรัฐบาลของสหภาพโซเวียตในการติดตั้งโรงงาน Gorky รถยนต์ในรัสเซีย ในขั้นต้นการผลิตฟอร์ดรุ่น A และ AAS จึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศนั้น. [13]

การสร้างห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ในเดียร์บอร์นมิชิแกนในปี 1951 การทำวิจัยพื้นฐานอิสระนำไปสู่การมีส่วนร่วมไม่น่าฟอร์ดในการวิจัยยิ่งยวด ในปี 1964 ฟอร์ดห้องปฏิบัติการวิจัยทำให้การพัฒนาที่สำคัญกับการประดิษฐ์ของอุปกรณ์ยิ่งยวดควอนตัมสัญญาณรบกวนหรือปลาหมึก. [14]

ฟอร์ดนำเสนอแพคเกจความปลอดภัยของทหารรักษาพระองค์จากปี 1956 ซึ่งรวมถึงนวัตกรรมเช่นพวงมาลัยมาตรฐานจานลึกด้านหน้าตัวเลือกและ เป็นครั้งแรกในรถ, เข็มขัดนิรภัยด้านหลังและรีบเบาะตัวเลือก. [15] ฟอร์ดแนะนำล็อคประตูเด็กหลักฐานลงในผลิตภัณฑ์ของ บริษัท ในปี 1957 และในปีเดียวกันที่มีให้ hardtop หดตัวครั้งแรกในมวลผลิตรถหกที่นั่ง.

ในช่วงปลายปี 1955 ฟอร์ดเป็นที่ยอมรับในส่วนคอนติเนนเป็นส่วนรถหรูที่แยกต่างหาก ส่วนนี้เป็นผู้รับผิดชอบสำหรับการผลิตและการขายที่มีชื่อเสียงของคอนติเนน Mark II ในเวลาเดียวกันส่วน Edsel ถูกสร้างขึ้นเพื่อการออกแบบและการตลาดรถยนต์ที่เริ่มต้นด้วยรุ่นปี 1958 เนื่องจากยอดขายที่ จำกัด ของคอนติเนนและภัยพิบัติ Edsel ฟอร์ดรวมลินคอล์นปรอทและ Edsel เข้า "เมล" ซึ่งหวนกลับไป "ลิงคอล์นเมอร์" หลังจาก Edsel ของพฤศจิกายน 1959 การตาย.

ฟอร์ดมัสแตงได้รับการแนะนำในปี 1964 ในปี 1965 ฟอร์ดแนะนำ ไฟแจ้งเตือนเข็มขัดนิรภัย.

กับปี 1980 ฟอร์ดแนะนำหลายคันที่ประสบความสำเร็จทั่วโลก ในช่วงทศวรรษ 1980 ฟอร์ดเริ่มใช้สโลแกนโฆษณา "คุณขับเคลื่อนฟอร์ดเมื่อเร็ว ๆ นี้?" ที่จะแนะนำลูกค้าใหม่ให้กับแบรนด์ของพวกเขาและทำให้รถของพวกเขาปรากฏที่ทันสมัยมากขึ้น ในปี 1990 และ 1994 ตามลำดับฟอร์ดยังได้รับจากัวร์และรถ Aston Martin. [16] ในช่วงกลางถึงปลายปี 1990 ฟอร์ดยังคงขายจำนวนมากของยานพาหนะในเศรษฐกิจอเมริกันเฟื่องฟูกับตลาดหุ้นทะยานและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต่ำ.

รุ่งอรุณของศตวรรษใหม่ที่ค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพแบบเดิมราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและ เศรษฐกิจเที่ยงนำไปสู่การลดลงของส่วนแบ่งการตลาดลดลงของยอดขายและอัตรากำไรที่ลดลง ที่สุดของผลกำไรของ บริษัท มาจากการจัดหาเงินทุนสินเชื่อผู้บริโภครถยนต์ผ่านฟอร์ดมอเตอร์เครดิต บริษัท . [17]