Many areas of cropland in Banglades

Many areas of cropland in Bangladesh are becoming unfit for farming. The land is becoming salty. It is a big problem for the small country. More than 155 million people live in Bangladesh. Growing crops is the most common way Bangladeshis support themselves.

Farmers in the country are learning to grow vegetables in so-called “vertical gardens.” The soil in these gardens is better because heavy rains have removed much of the salt.

The village of Chandipur is in southwestern Bangladesh. Pumpkins and other gourds grow on vines on top of small homes. The vegetables get the food they need from soil placed in containers on the ground.

Shobitha Debna is a 35-year-old farmer in the village. Her garden space is very small. But she is able to grow hundreds of kilograms of vegetables each season.

She says she grows gourds, including pumpkin, as well as green beans, red amaranth, beets, carrots, cauliflower and more.

Ms. Debna depends on the vegetables to earn money. She makes a few dollars a day.

This kind of farming is new in Chandipur. But it may spread across the country.

Most of Bangladesh is at or below sea level. Rising seawaters linked to climate change has severely affected the country. High water from storms in coastal areas also add salt to soil. High salt content makes crops less productive.

The flow of seawater from storms like Cyclone Aila in 2009 damage much of the soil in farm areas. The salty water flows into rivers, which then flood Chandipur and other villages. Vegetable crops fail. For three years now, hundreds of villagers have grown crops in vertical gardens. The international non-profit group WorldFish Center brought vertical gardens to Bangladesh.

Dr. Craig Meisner is the South Asia country director for WorldFish Center. He told VOA, “there is no country with such population density where natural resources are stretched to their very limits.”

He says if climate change adaptation fails in Bangladesh, it is sure to fail in many other countries. However, he says, if it succeeds “it gives hope for the world’s future.”

From July to October, about 1.5 meters of rain falls in Bangladesh. The seasonal rains remove salt from the soil. At the end of the rainy season, villagers collect the cleaned soil and place it in large containers. They use that soil to grow vegetables.

WorldFish Center has trained about 200 villagers in southwestern Bangladesh to make vertical gardens. Over the next two years, the center will train about 5,000 people.

There are some people who are not part of the WorldFish Center program. But they are still using vertical gardens. They made them after seeing their neighbors’ designs.

Nurun Nabi is a program officer at WorldFish Center. He says two farmers stopped him last year on a village road to talk about the vertical gardens. He said they demanded to be part of the training group.

A vertical garden is easy to make. Villagers fill containers with good soil and natural fertilizers. They put the containers on bricks so they are off the ground. They add pieces of the bricks to the soil to help water flow and drain.

The farmers cut small holes into the sides of the containers. This permits vegetables with short roots a place to grow. Vegetables with long roots grow on top of the container. One bag of soil can produce up to eight kilograms of vegetables in one season.

Villagers also grow vegetables in containers made from large, thin pieces of plastic supported by bamboo. This “vertical tower” measures more than a meter wide. Each of these towers can produce more than 100 kilograms of vegetables. It costs about $12-$13 to build.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หลายพื้นที่ของ cropland ในประเทศบังกลาเทศจะกลายเป็นไม่เหมาะสำหรับทำการเกษตร ที่ดินเป็นเค็ม มันเป็นปัญหาใหญ่สำหรับประเทศเล็ก กว่า 155 ล้านคนอาศัยอยู่ในประเทศบังกลาเทศ เจริญเติบโตพืชเป็นวิธีธรรมดาที่สุดที่ Bangladeshis ช่วยเหลือตัวเองเกษตรกรในประเทศกำลังเรียนรู้การปลูกผักในเรียกว่า "แนวตั้งสวน" ดินในสวนเหล่านี้จะดีกว่าเนื่องจากเกิดฝนตกหนักมีลบของเกลือหมู่บ้าน Chandipur อยู่ในบังกลาเทศตะวันตกเฉียงใต้ ฟักทองและอื่น ๆ รูปน้ำเต้าเติบโตบนนำบนบ้านเล็ก ผักได้รับอาหารพวกเขาต้องการจากดินที่อยู่ในภาชนะบนพื้นดินShobitha Debna อายุ 35 ปีชาวนาในหมู่บ้านได้ พื้นที่ของสวนมีขนาดเล็กมาก แต่เธอจะต้องเติบโตหลายร้อยกิโลกรัมของผักแต่ละฤดูกาลเธอกล่าวว่า เธอเติบโตขึ้นรูปน้ำเต้า ฟักทอง รวมทั้งเป็นการดีเป็นเมล็ดสีเขียว สีแดงทองทารีสอร์ท พืชบีทถูกทำ แครอท กะหล่ำดอกและอื่น ๆนางสาว Debna ขึ้นอยู่กับผักหาเงิน เธอทำให้ดอลลาร์กี่วันนาชนิดนี้เป็นใน Chandipur แต่มันอาจแพร่กระจายไปทั่วประเทศส่วนใหญ่ของประเทศบังกลาเทศเป็นที่ หรือต่ำ กว่าระดับน้ำทะเล เพิ่มขึ้น seawaters ที่เชื่อมโยงกับสภาพภูมิอากาศ เปลี่ยนแปลงรุนแรงผลกระทบประเทศ น้ำจากพายุในพื้นที่ชายฝั่งทะเลยังเพิ่มเกลือในดิน เนื้อหาเกลือสูงทำให้พืชมีประสิทธิภาพน้อยการไหลของน้ำทะเลจากพายุเช่นพายุที่ในปี 2552 สร้างความเสียหายของดินในพื้นที่ฟาร์ม น้ำเค็มไหลลงแม่น้ำ ที่แล้ว น้ำท่วม Chandipur และหมู่บ้านอื่น ๆ พืชผักไม่ ปีสามตอนนี้ หลายร้อยของชาวบ้านได้ปลูกพืชในสวนแนวตั้ง กลุ่มนิสิตนานาชาติศูนย์ WorldFish นำสวนแนวตั้งเพื่อบังกลาเทศดร.เคร็ก Meisner เป็นกรรมการศูนย์ WorldFish ประเทศเอเชียใต้ เขาบอกว่า VOA "มีเป็นประเทศไม่ มีความหนาแน่นประชากรดังกล่าวซึ่งยืดธรรมชาติกับขีดจำกัดของพวกเขามาก"เขากล่าวว่า ถ้าอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงปรับตัวล้มเหลวในประเทศบังกลาเทศ ก็ต้องล้มเหลวในประเทศอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า ถ้ามันสำเร็จ "ให้ความหวังสำหรับโลกในอนาคต"ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม ประมาณ 1.5 เมตรฝนตกในประเทศบังกลาเทศ ฝนตามฤดูกาลเอาเกลือจากดิน เมื่อสิ้นสุดฤดูฝน ชาวบ้านเก็บดินสะอาด และวางไว้ในภาชนะขนาดใหญ่ พวกเขาใช้ดินที่ปลูกผักศูนย์ WorldFish ได้อบรมชาวบ้านประมาณ 200 ในบังกลาเทศตะวันตกเฉียงใต้จะทำให้สวนแนวตั้ง สองปีถัดไป ตัวจะฝึกประมาณ 5000 คนมีบางคนที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมศูนย์ WorldFish แต่พวกเขายังคงใช้สวนแนวตั้ง พวกเขาทำให้พวกเขาหลังจากที่เห็นรูปแบบของบ้านของพวกเขาโปรแกรมเจ้าหน้าที่ศูนย์ WorldFish Nurun Nabi ได้ เขากล่าวว่า เกษตรกรสองหยุดเขาปีบนถนนหมู่บ้านเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสวนแนวตั้ง เขากล่าวว่า พวกเขาต้องการเป็น ส่วนหนึ่งของกลุ่มฝึกอบรมA vertical garden is easy to make. Villagers fill containers with good soil and natural fertilizers. They put the containers on bricks so they are off the ground. They add pieces of the bricks to the soil to help water flow and drain.The farmers cut small holes into the sides of the containers. This permits vegetables with short roots a place to grow. Vegetables with long roots grow on top of the container. One bag of soil can produce up to eight kilograms of vegetables in one season.Villagers also grow vegetables in containers made from large, thin pieces of plastic supported by bamboo. This “vertical tower” measures more than a meter wide. Each of these towers can produce more than 100 kilograms of vegetables. It costs about $12-$13 to build.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หลายพื้นที่เพาะปลูกในประเทศบังกลาเทศจะกลายเป็นที่ไม่เหมาะสำหรับการเลี้ยง ที่ดินกลายเป็นรสเค็ม มันเป็นปัญหาใหญ่สำหรับประเทศเล็ก ๆ มากกว่า 155,000,000 คนที่อาศัยอยู่ในประเทศบังกลาเทศ การปลูกพืชเป็นวิธีที่พบมากที่สุดบังกลาเทศสนับสนุนตัวเอง. เกษตรกรในประเทศที่มีการเรียนรู้ที่จะปลูกผักในที่เรียกว่า "สวนแนวตั้ง". ดินในสวนเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดีกว่าเพราะฝนตกหนักได้ลบมากของเกลือ. หมู่บ้าน Chandipur อยู่ในทิศตะวันตกเฉียงใต้บังคลาเทศ แตงและน้ำเต้าอื่น ๆ เติบโตในองุ่นที่ด้านบนของบ้านขนาดเล็ก ผักได้รับอาหารที่พวกเขาต้องการจากดินวางในภาชนะบรรจุที่อยู่บนพื้นดิน. Shobitha Debna เป็นเกษตรกร 35 ปีในหมู่บ้าน พื้นที่สวนของเธอมีขนาดเล็กมาก แต่เธอก็สามารถที่จะเติบโตหลายร้อยกิโลกรัมของผักแต่ละฤดูกาล. เธอบอกว่าเธอเติบโตน้ำเต้ารวมทั้งฟักทองเช่นเดียวกับถั่วเขียวผักโขมแดงหัวผักกาดแครอทกะหล่ำดอกและอื่น ๆ . นางสาว Debna ขึ้นอยู่กับผักจะได้รับเงิน เธอทำให้ไม่กี่ดอลลาร์วัน. ชนิดของการทำการเกษตรนี้เป็นใหม่ใน Chandipur แต่มันอาจแพร่กระจายไปทั่วประเทศ. ส่วนใหญ่ของบังคลาเทศเป็นที่หรือต่ำกว่าระดับน้ำทะเล น้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในประเทศ น้ำสูงจากพายุในพื้นที่ชายฝั่งทะเลยังเพิ่มเกลือลงไปในดิน ปริมาณเกลือสูงทำให้พืชผลผลิตน้อย. การไหลของน้ำทะเลจากพายุไซโคลน Aila เช่นในปี 2009 ความเสียหายมากของดินในพื้นที่ฟาร์ม เค็มน้ำไหลลงสู่แม่น้ำที่แล้วน้ำท่วม Chandipur และหมู่บ้านอื่น ๆ พืชผักล้มเหลว สำหรับสามปีแล้วหลายร้อยของชาวบ้านมีการเจริญเติบโตพืชในสวนแนวตั้ง กลุ่มที่ไม่แสวงหาผลกำไรระหว่างประเทศ WorldFish ศูนย์นำสวนแนวตั้งเพื่อบังคลาเทศ. ดร. เครก Meisner เป็นผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียใต้ของประเทศสำหรับศูนย์ WorldFish เขาบอก VOA "มีเป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่นเช่นทรัพยากรทางธรรมชาติที่ได้รับการขยายให้ข้อ จำกัด มากของพวกเขาไม่." เขากล่าวว่าหากการปรับตัวเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศล้มเหลวในบังคลาเทศก็มั่นใจว่าจะล้มเหลวในหลาย ๆ ประเทศ แต่เขาบอกว่าถ้ามันประสบความสำเร็จ "มันให้ความหวังสำหรับอนาคตของโลก." ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคมประมาณ 1.5 เมตรจากฝนตกในประเทศบังกลาเทศ ฝนตกตามฤดูกาลเอาเกลือจากดิน ในตอนท้ายของฤดูฝนชาวบ้านเก็บทำความสะอาดดินและวางไว้ในภาชนะที่มีขนาดใหญ่ พวกเขาใช้ดินที่จะปลูกผัก. WorldFish ศูนย์ได้รับการฝึกฝนประมาณ 200 ชาวบ้านในทิศตะวันตกบังคลาเทศที่จะทำให้สวนแนวตั้ง ต่อมาอีกสองปีที่ผ่านมาศูนย์จะอบรมประมาณ 5,000 คน. มีบางคนที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการศูนย์ WorldFish มี แต่พวกเขายังคงใช้สวนแนวตั้ง พวกเขาทำให้พวกเขาหลังจากที่ได้เห็นการออกแบบของเพื่อนบ้าน. Nurun บิเป็นเจ้าหน้าที่โปรแกรมที่ WorldFish ศูนย์ เขาบอกว่าสองเกษตรกรหยุดเขาปีที่ผ่านมาบนถนนในหมู่บ้านที่จะพูดคุยเกี่ยวกับสวนแนวตั้ง เขากล่าวว่าพวกเขาเรียกร้องที่จะเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มการฝึกอบรม. สวนแนวตั้งที่จะทำให้ง่าย ชาวบ้านกรอกภาชนะบรรจุด้วยดินที่ดีและปุ๋ยธรรมชาติ พวกเขาวางภาชนะในอิฐดังนั้นพวกเขาจะออกจากพื้นดิน พวกเขาเพิ่มชิ้นส่วนของอิฐดินที่จะช่วยให้การไหลของน้ำและท่อระบายน้ำ. เกษตรกรตัดรูเล็ก ๆ เป็นด้านข้างของตู้คอนเทนเนอร์ นี้ช่วยให้ผักที่มีรากสั้นสถานที่ที่จะเติบโต ผักที่มีรากยาวเติบโตด้านบนของภาชนะ ถุงหนึ่งของดินสามารถผลิตได้ถึงแปดกิโลกรัมผักในหนึ่งฤดูกาล. ชาวบ้านยังปลูกผักในภาชนะขนาดใหญ่ที่ทำจากชิ้นบาง ๆ ของพลาสติกได้รับการสนับสนุนจากไม้ไผ่ นี้ "หอแนวตั้ง" มาตรการมากกว่าเมตรกว้าง แต่ละอาคารเหล่านี้สามารถผลิตได้มากกว่า 100 กิโลกรัมของผัก มีค่าใช้จ่ายประมาณ $ 12- $ 13 ที่จะสร้าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลายพื้นที่ของพื้นที่เกษตรกรรมบังกลาเทศเป็นไม่เหมาะสมกับการเลี้ยง ที่ดินเป็นเค็ม มันเป็นปัญหาใหญ่สำหรับประเทศเล็ก ๆ มากกว่า 155 ล้านคนอาศัยอยู่ในบังคลาเทศ การปลูกพืชเป็นวิธีที่พบมากที่สุด Bangladeshis สนับสนุนตัวเอง

เกษตรกรในประเทศกำลังเรียนปลูกผักในที่เรียกว่า " สวนแนวตั้ง ." ดินในสวนเหล่านี้จะดีกว่าเพราะฝนตกหนักได้ลบมากของเกลือ

หมู่บ้านจันดิปุร์ อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบังคลาเทศ ฟักทองและบวบอีกเถาที่ด้านบนของบ้านขนาดเล็ก ผักที่ได้รับอาหารที่พวกเขาต้องการจากดินวางไว้ในภาชนะบนพื้นดิน

shobitha debna คือ อายุ 35 ปี เกษตรกรในหมู่บ้าน พื้นที่สวนของเธอมีขนาดเล็กมากแต่เธอสามารถที่จะเติบโตหลายร้อยกิโลกรัม ผักในแต่ละฤดูกาล

เธอบอกว่าเธอเติบโต ได้แก่ ฟักทอง บวบ เช่นเดียวกับถั่ว เขียวแดง ผักโขม , beets , แครอท , กะหล่ำและเพิ่มเติม

คุณ debna ขึ้นอยู่กับผักเพื่อหาเงิน เธอจะทำให้ไม่กี่ดอลลาร์วัน

แบบนี้เกษตรใหม่จันดิปุร์ . แต่มันอาจจะกระจายทั่วประเทศ

ที่สุดของบังคลาเทศที่หรือต่ำกว่าระดับน้ำทะเล เพิ่มขึ้น seawaters เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศได้ผลกระทบหนักประเทศ น้ำสูงจากพายุในพื้นที่ชายฝั่งยังเพิ่มเกลือในดิน ปริมาณเกลือสูง ทำให้พืชมีประสิทธิภาพน้อย

การไหลของน้ำทะเลจากพายุไซโคลนไอลาเหมือน 2009 ความเสียหายมากของดินในพื้นที่ฟาร์ม น้ำเค็มที่ไหลลงแม่น้ำ