Based on the data collected from th

Based on the data collected from the Taiwan Economics Journal database, in manufacturing industries group, the average ratio of accounts receivable to sales revenue is about 42% while accounts payable to cost of goods sold is about 41%. In the nonmanufacturing
industries group, the ratio of accounts receivable to sales revenue is about 29% while accounts payable to cost of goods sold is about 26%. It is obvious that themanufacturing industrieswill use more trade credit than non-manufacturing industries because the non-manufacturing industries include more retail and service firms,which are likely to usemore cash transaction instead of credit transaction. Therefore, the supply and demand of trade credit on non-manufacturing industries are less important than manufacturing industries, leading to the following hypothesis:

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตามข้อมูลที่รวบรวมจากฐานข้อมูลเศรษฐศาสตร์ไต้หวัน ในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต อัตราส่วนเฉลี่ยของลูกหนี้ไปขายรายได้อยู่ประมาณ 42% ในขณะที่เจ้าต้นทุนของสินค้าที่ขายเป็นประมาณ 41% ในที่ไม่ใช่การผลิตกลุ่มอุตสาหกรรม อัตราส่วนของลูกหนี้ไปขายรายได้อยู่ประมาณ 29% ในขณะที่เจ้าหนี้ต้นทุนสินค้าที่ขายมีประมาณ 26% เป็นที่ชัดเจน industrieswill themanufacturing ที่ใช้เพิ่มเติมค้าสินเชื่อมากกว่าไม่ใช่อุตสาหกรรมเนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตไม่รวมเพิ่มเติมขายปลีก และบริการบริษัท ซึ่งมีแนวโน้มที่ธุรกรรมเงินสด usemore ธุรกรรมเครดิตแทน ดังนั้น อุปสงค์และอุปทานของสินเชื่อทางการค้าในอุตสาหกรรมการผลิตไม่ใช่จะสำคัญน้อยกว่าการผลิตอุตสาหกรรม นำไปสู่การสมมติฐานต่อไปนี้:

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บนพื้นฐานของข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากฐานข้อมูลวารสารเศรษฐศาสตร์ไต้หวันในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตอัตราส่วนเฉลี่ยของลูกหนี้รายได้ยอดขายอยู่ที่ประมาณ 42% ในขณะที่เจ้าหนี้ค่าใช้จ่ายของสินค้าที่ขายเป็นเรื่องเกี่ยวกับ 41% ใน nonmanufacturing
กลุ่มอุตสาหกรรมอัตราส่วนของลูกหนี้รายได้ยอดขายอยู่ที่ประมาณ 29% ในขณะที่เจ้าหนี้ค่าใช้จ่ายของสินค้าที่ขายเป็นเรื่องเกี่ยวกับ 26% เป็นที่ชัดเจนว่าปราการสมุทร industrieswill ใช้บัตรเครดิตการค้ามากกว่าอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การผลิตเพราะอุตสาหกรรมการผลิตที่ไม่รวมถึง บริษัท ค้าปลีกและบริการมากขึ้นซึ่งมีแนวโน้มที่จะ usemore การทำธุรกรรมเงินสดแทนการทำธุรกรรมบัตรเครดิต ดังนั้นอุปสงค์และอุปทานของเครดิตการค้าในอุตสาหกรรมการผลิตที่ไม่ได้มีความสำคัญน้อยกว่าการผลิตอุตสาหกรรมที่นำไปสู่สมมติฐานต่อไปนี้:

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่รวบรวมจากไต้หวันเศรษฐศาสตร์วารสารฐานข้อมูล ในกลุ่มการผลิตอุตสาหกรรม อัตราส่วนเฉลี่ยของลูกหนี้ให้รายได้จากการขายประมาณ 42% ในขณะที่บัญชีเจ้าหนี้ต้นทุนของสินค้าที่ขายคือ ประมาณ 41 % ในกลุ่ม nonmanufacturing
อุตสาหกรรมอัตราส่วนบัญชีลูกหนี้ให้รายได้จากการขายประมาณ 29% ในขณะที่บัญชีเจ้าหนี้ต้นทุนของสินค้าที่ขายคือประมาณ 26 % มันเป็นที่ชัดเจนว่าผลิต industrieswill ใช้เครดิตการค้ามากขึ้นกว่าการผลิตอุตสาหกรรมไม่ใช่เพราะไม่ใช่การผลิตอุตสาหกรรมรวมถึง บริษัท ผู้ให้บริการค้าปลีกมากขึ้นและมีแนวโน้มที่จะ usemore ธุรกรรมเงินสดแทนของธุรกรรมสินเชื่อ ดังนั้นอุปทานและอุปสงค์ของสินเชื่อการค้าในอุตสาหกรรมการผลิตไม่สําคัญน้อยกว่าการผลิตอุตสาหกรรม นำไปสู่สมมติฐานดังต่อไปนี้