The bird egg is a fertilized [or, i

The bird egg is a fertilized [or, in the case of some birds (such as chickens) possibly unfertilized] gamete located on the yolk surface and surrounded by albumen, or egg white. The albumen in turn is surrounded by two shell membranes (inner and outer membranes) and then the eggshell. The chicken eggshell is 95-97% calcium carbonate crystals, which are stabilized by a protein matrix.Without the protein, the crystal structure would be too brittle to keep its form and the organic matrix is thought to have a role in deposition of calcium during the mineralization process.The structure and composition of the avian eggshell serves to protect the egg against damage and microbial contamination, prevention of desiccation, regulation of gas and water exchange for the growing embryo, and provides calcium forembryogenesis. Eggshell formation requires gram amounts of calcium being deposited within hours, which must be supplied via the hen’s diet. The fibrous chicken shell membranes are added in the proximal (white) isthmus of theoviduct.In the distal (red) isthmus mammillae or mammillary knobs are deposited on the surface of the outer membrane in a regular array pattern.The mammillae are proteoglycan-rich and are thought to control calcification. In the shell gland (similar to a mammalian uterus), mineralization starts at the mammillae. The shell gland fluid contains very high levels of calcium and hydrogen carbonate. The thick calcified layer of the eggshell forms in columns from the mammillae structures, and is known as the palisade layer. Between these palisade columns are narrow pores that traverse the eggshell and allow gaseous exchange. The cuticle forms the final, outer layer of the eggshell.While the bulk of eggshell is made of calcium carbonate, it is now thought that the protein matrix has an important role to play in eggshell strength.These proteins affect crystallization, which in turn affects the eggshell structure. Moreover, the concentration of eggshell proteins decreases over the life of the laying hen, as does eggshell strength.In an average laying hen, the process of shell formation takes around 20 hours. Pigmentation is added to the shell by papillae lining the oviduct, coloring it any of a variety of colors and patterns depending on species. Since eggs are usually laid blunt end first, that end is subjected to most pressure during its passage and consequently shows the most color.(Melcous.2555)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไข่ของนกเป็นแบบ fertilized [หรือ ในกรณี ของนกบางอย่าง (เช่นไก่) อาจ unfertilized] gamete อยู่ผิวแดง และล้อมรอบ ด้วย albumen หรือไข่ขาว Albumen จะล้อมรอบ ด้วยเยื่อหุ้มเปลือกสอง (เยื่อหุ้มภายใน และภายนอก) แล้วเปลือกไข่ เปลือกไข่ไก่ 95-97% แคลเซียมคาร์บอเนตผลึก ซึ่งเสถียร โดยโปรตีนเมทริกซ์ได้ โดยไม่มีโปรตีน โครงสร้างผลึกจะเปราะเกินไปเพื่อให้รูปแบบ และเมตริกซ์อินทรีย์เป็นความคิดที่มีบทบาทในการสะสมของแคลเซียมในระหว่างกระบวนการ mineralization โครงสร้างและองค์ประกอบของเปลือกไข่นกทำหน้าที่ปกป้องไข่จากความเสียหายและปนเปื้อนจุลินทรีย์ ป้องกัน desiccation ควบคุมการแลกเปลี่ยนก๊าซและน้ำสำหรับตัวอ่อนเจริญเติบโต และให้แคลเซียม forembryogenesis เปลือกไข่ผู้แต่งต้องการจำนวนกรัมของแคลเซียมที่ถูกส่งภายในชั่วโมง ซึ่งต้องให้ทางอาหารของไก่ เยื่อหุ้มเชลล์ไก่ข้อจะถูกเพิ่มในคอคอด (สีขาว) proximal ของ theoviduct ในคอคอด (สีแดง) ที่กระดูก mammillae หรือลูกบิด mammillary จะฝากบนพื้นผิวของเยื่อหุ้มภายนอกในรูปแบบอาร์เรย์ปกติ Mammillae จะรวย proteoglycan และคิดว่า ควบคุม calcification ในเปลือกต่อม (คล้ายกับมดลูก mammalian), mineralization เริ่มที่ mammillae เปลือกต่อมน้ำประกอบด้วยระดับสูงของแคลเซียมและไฮโดรเจนคาร์บอเนต ชั้น calcified หนาของเปลือกไข่ฟอร์มในคอลัมน์จากโครงสร้างของ mammillae และเป็นที่รู้จักกันเป็นชั้น palisade ระหว่างนี้ palisade คอลัมน์มีรูขุมขนแคบที่ข้ามเปลือกไข่ และสามารถแลกเปลี่ยนเป็นต้น กำพร้าแบบชั้นสุดท้าย ภายนอกของเปลือกไข่ ในขณะที่กลุ่มของเปลือกไข่ทำจากแคลเซียมคาร์บอเนต ตอนนี้คิดว่า จะว่า เมทริกซ์โปรตีนมีบทบาทสำคัญในความแข็งแรงของเปลือกไข่ โปรตีนเหล่านี้มีผลต่อการตกผลึก ซึ่งจะมีผลต่อโครงสร้างของเปลือกไข่ ยิ่งไปกว่านั้น ความเข้มข้นของโปรตีนเปลือกไข่ลดอายุของไก่ laying กับความแข็งแรงของเปลือกไข่ ในเฉลี่ยวางไก่ กระบวนการก่อตัวเปลือกใช้เวลาประมาณ 20 ชั่วโมง ผิวคล้ำจะถูกเพิ่มกับ shell โดย papillae ซับ oviduct ระบายสีมีหลากหลายสีและลวดลายขึ้นอยู่กับพันธุ์ เนื่องจากไข่จะมักจะวางปลายทื่อก่อน จะต้องกดดันมากที่สุดในระหว่างทางของ และจึง แสดงสีมากที่สุด (Melcous.2555)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ไข่นกเป็นปฏิสนธิ [หรือในกรณีของนกบางส่วน (เช่นไก่) อาจ unfertilized] เซลล์สืบพันธุ์ที่ตั้งอยู่บนพื้นผิวไข่แดงและล้อมรอบด้วยไข่ขาวหรือไข่ขาว ไข่ขาวในทางกลับถูกล้อมรอบด้วยสองเยื่อเปลือก (เยื่อภายในและภายนอก) แล้วเปลือกไข่ เปลือกไข่ไก่เป็น 95-97% ผลึกแคลเซียมคาร์บอเนตซึ่งมีเสถียรภาพโดยโปรตีน matrix.Without โปรตีนโครงสร้างผลึกจะเปราะเกินไปที่จะให้รูปแบบและเมทริกซ์อินทรีย์เป็นความคิดที่มีบทบาทในการสะสมของแคลเ​​ซียมในช่วง โครงสร้าง process.The แร่และองค์ประกอบของเปลือกไข่นกทำหน้าที่ในการปกป้องไข่กับความเสียหายและการปนเปื้อนจุลินทรีย์ป้องกันการผึ่งให้แห้ง, การควบคุมการแลกเปลี่ยนก๊าซและน้ำตัวอ่อนเจริญเติบโตและให้ forembryogenesis แคลเซียม การสร้างเปลือกไข่ต้องใช้จำนวนกรัมแคลเซียมถูกฝากภายในไม่กี่ชั่วโมงซึ่งจะต้องจัดทำผ่านทางอาหารของไก่ เยื่อเปลือกไก่เส้นใยมีการเพิ่มในใกล้ชิดนี้ (สีขาว) คอคอด theoviduct.In ปลาย (สีแดง) คอคอด mammillae หรือลูกบิด mammillary จะฝากบนพื้นผิวของเยื่อหุ้มชั้นนอกในอาร์เรย์ปกติ pattern.The mammillae มี proteoglycan ที่อุดมด้วยและ มีความคิดที่จะควบคุมการกลายเป็นปูน ในต่อมเปลือก (คล้ายกับการเลี้ยงลูกด้วยนมมดลูก) แร่เริ่มต้นที่ mammillae ของเหลวต่อมเปลือกมีระดับที่สูงมากของแคลเ​​ซียมคาร์บอเนตและไฮโดรเจน ชั้นหนาจนใจในรูปแบบที่เปลือกไข่ในคอลัมน์จากโครงสร้าง mammillae และเป็นที่รู้จักกันเป็นชั้นทิว ระหว่างคอลัมน์เหล่ารั้วเหล็กมีรูขุมขนแคบ ๆ ที่ตัดผ่านเปลือกไข่และอนุญาตให้มีการแลกเปลี่ยนก๊าซ หนังกำพร้ารูปแบบสุดท้ายที่ชั้นนอกของ eggshell.While กลุ่มของเปลือกไข่ทำจากแคลเซียมคาร์บอเนตมันเป็นความคิดตอนนี้ที่เมทริกซ์โปรตีนมีบทบาทสำคัญในการเล่นในโปรตีน strength.These เปลือกไข่ส่งผลกระทบต่อการตกผลึกซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ โครงสร้างเปลือกไข่ นอกจากนี้ความเข้มข้นของโปรตีนที่เปลือกไข่ลดลงตลอดอายุของไก่วางเช่นเดียวกับเปลือกไข่ strength.In เฉลี่ยวางไก่กร​​ะบวนการของการสร้างเปลือกจะใช้เวลาประมาณ 20 ชั่วโมง สีจะถูกเพิ่มเปลือกโดย papillae เยื่อบุท่อนำไข่สีใด ๆ ของความหลากหลายของสีและรูปแบบขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ตั้งแต่ไข่มักจะวางปลายทู่แรกสิ้นสุดที่อยู่ภายใต้ความกดดันมากที่สุดในระหว่างการเดินและจึงแสดงให้เห็นสีที่มากที่สุด. (Melcous.2555)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นกไข่เป็นไข่ ( หรือในกรณีของนกบางชนิด เช่น ไก่ ) อาจจะ unfertilized ] เซลล์สืบพันธุ์ ตั้งอยู่บนผิวหน้าด้วยไข่ขาวและไข่แดงหรือไข่ขาว ไข่ขาวจะล้อมรอบด้วยสองเปลือกหุ้ม ( ภายในและภายนอก membranes ) แล้วเปลือกไข่ ส่วนเปลือกไข่ไก่ คือ 95-97 % และผลึกแคลเซียมคาร์บอเนตซึ่งจะมีความเสถียรโดยโปรตีนเมตริกซ์โดยไม่มีโปรตีน โครงสร้างคริสตัลก็เปราะ เพื่อให้รูปแบบและเมทริกซ์อินทรีย์เป็นความคิดที่จะมีบทบาทในการสะสมของแคลเซียมในกระบวนการทางเคมี โครงสร้างและส่วนประกอบของเปลือกไข่นกทำหน้าที่ในการปกป้องไข่ต่อความเสียหายและการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ การป้องกันส่วนระเบียบของก๊าซและน้ำแลกเปลี่ยน การเจริญเติบโตเอ็มบริโอและมีแคลเซียม forembryogenesis . การสร้างเปลือกไข่ต้องกรัม ปริมาณของแคลเซียมที่ถูกฝากภายในชั่วโมง ซึ่งต้องให้ผ่านอาหารของไก่ เยื่อเปลือกไข่ไก่ เส้นใยจะถูกเพิ่มในการทำงาน ( สีขาว ) คอคอด theoviduct ในส่วนปลาย ( สีแดง ) คอคอด mammillae หรือ mammillary ลูกบิดจะฝากบนพื้นผิวของเยื่อหุ้มชั้นนอกในรูปแบบปกติเรยการ mammillae เป็นโปรตีนโอไกลแคน รวย และความคิดที่จะควบคุมหินปูน . ในกะลา ( คล้ายกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมต่อมมดลูก ) , การเริ่มต้นที่ mammillae . เปลือกต่อมของเหลวมีระดับที่สูงมากของแคลเซียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต ความหนาหลายชั้นของเปลือกไข่แบบในคอลัมน์จาก mammillae โครงสร้าง และเป็นที่รู้จักกันเป็นรั้วไม้ชั้นระหว่างเสารั้วเหล่านี้แคบรูขุมขนที่เข้าไปในเปลือกไข่ และอนุญาตให้แลกเปลี่ยนก๊าซ หนังกําพร้า รูปแบบสุดท้าย ชั้นนอกของเปลือกไข่ ในขณะที่กลุ่มของเปลือกไข่มีแคลเซียม คาร์บอเนต คือตอนนี้คิดว่าโปรตีนเมตริกซ์ที่มีบทบาทสำคัญที่จะเล่นในเปลือกไข่มีความแข็งแรง โปรตีนเหล่านี้มีผลต่อการตกผลึก ซึ่งจะมีผลต่อโครงสร้างของเปลือกไข่นอกจากนี้ความเข้มข้นของโปรตีนเปลือกไข่ลดมากกว่าชีวิตของไก่ไข่ เหมือนเปลือกไข่แข็งแรง เฉลี่ยไก่ไข่ กระบวนการในการสร้างเปลือก ใช้เวลาประมาณ 20 ชั่วโมง สีเพิ่มเปลือกโดย 2 เยื่อบุท่อนำไข่ การระบายสี มันมีหลากหลายสีและรูปแบบ ขึ้นอยู่กับชนิด ตั้งแต่ไข่มักจะวางปลายทู่ก่อนที่สิ้นสุดอยู่ภายใต้ความดันมากที่สุดในเส้นทางของมัน และจากนั้นจะแสดงสีที่สุด ( melcous 2555 )