( ) is the reliability function, (

( ) is the reliability function, ( ) is the failure rate, ( ) is the failure density function and ( ) is the failure distribution function.
All these parameters are used in the maintenance optimization models, which are a good basis both for the choice between PM and CM, and to select the optimal interval time for the preventive maintenance activities.
A lot of maintenance optimization models have been studied and published in the literature [23], [24], [25], [26], [27]. They are based on some hypothesis related, for example, to the kind of maintenance (perfect, imperfect, minimal), to the failure distribution functions, and so on. There is not a best general model, but rather each real case may find one that is more appropriate.
In this paper some technical-economic models are considered, related to CM, PM and CBM. They are based on some mathematical formulations, taking into account the main cost and time items related to each maintenance policy.
The main cost and time items related to the maintenance activities are as follows:

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

()คือ ฟังก์ชันความน่าเชื่อถือ, ()เป็นอัตราความล้มเหลว, ()เป็นฟังก์ชันความหนาแน่นความล้มเหลว และ()เป็นฟังก์ชันการกระจายความล้มเหลวใช้พารามิเตอร์เหล่านี้ในรูปแบบของการบำรุงรักษาเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นฐานดีทั้งสองทางเลือกระหว่าง PM และ CM และเลือกเวลาช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับกิจกรรมบำรุงรักษาเชิงป้องกันจำนวนมากของรูปแบบการเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงรักษาได้รับการศึกษา และเผยแพร่ในวรรณคดี [23], [24], [25], [26], [27] พวกเขาจะขึ้นบนสมมติฐานบางอย่างที่เกี่ยวข้อง เช่น ชนิดของการบำรุงรักษา (สมบูรณ์ ไม่สมบูรณ์ น้อยที่สุด), ฟังก์ชันการกระจายความล้มเหลว และอื่น ๆ ไม่มีแบบจำลองทั่วไปที่ดีที่สุด แต่แต่ แต่ละคดีอาจพบที่ไม่เหมาะสมในกระดาษนี้บางรุ่นเทคนิคเศรษฐกิจจะพิจารณา เกี่ยวข้องกับ CM, PM และ CBM ตั้งอยู่บนบางสูตรทางคณิตศาสตร์ การเข้าบัญชีต้นทุนหลักและเวลารายการที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการบำรุงรักษาแต่ละต้นทุนหลัก และเวลารายการที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการบำรุงรักษามีดังนี้:

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

() เป็นฟังก์ชั่นความน่าเชื่อถือ () เป็นอัตราความล้มเหลว () เป็นฟังก์ชั่นความหนาแน่นของความล้มเหลวและ () เป็นฟังก์ชั่นการกระจายความล้มเหลว.
พารามิเตอร์ทั้งหมดเหล่านี้จะนำมาใช้ในรูปแบบการเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงรักษาซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีทั้งสำหรับการเลือก ระหว่างนายกรัฐมนตรีและ CM และเพื่อเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับกิจกรรมการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน.
จำนวนมากของรูปแบบการเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงรักษาได้รับการศึกษาและตีพิมพ์ในวรรณกรรม [23] [24], [25], [26] [27 ] พวกเขาจะอยู่บนพื้นฐานของสมมติฐานบางอย่างที่เกี่ยวข้องตัวอย่างเช่นชนิดของการบำรุงรักษา (ที่สมบูรณ์แบบไม่สมบูรณ์น้อยที่สุด) เพื่อฟังก์ชั่นการกระจายความล้มเหลวและอื่น ๆ ที่มีอยู่ไม่ดีที่สุดรูปแบบทั่วไป แต่แต่ละกรณีจริงอาจจะหาคนที่มีความเหมาะสมมากขึ้น.
ในกระดาษนี้บางรุ่นทางด้านเทคนิคเศรษฐกิจและได้รับการพิจารณาที่เกี่ยวข้องกับ CM, PM และ CBM พวกเขาจะขึ้นอยู่กับสูตรทางคณิตศาสตร์บางคำนึงถึงค่าใช้จ่ายและเวลารายการหลักที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการบำรุงรักษาแต่ละ.
ค่าใช้จ่ายและเวลาหลักของรายการที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการบำรุงรักษามีดังนี้:

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

( ) คือฟังก์ชันความน่าเชื่อถือ ( ) คืออัตราความล้มเหลว ( ) เป็นฟังก์ชันความหนาแน่นของความล้มเหลวและการกระจายฟังก์ชัน ( ) คือความล้มเหลว .พารามิเตอร์ทั้งหมดเหล่านี้จะใช้ในการรักษาเพิ่มประสิทธิภาพรูปแบบซึ่งจะเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ดีทั้งสำหรับการเลือกระหว่าง PM และ CM และเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม สำหรับกิจกรรมซ่อมบำรุงเชิงป้องกันนางแบบมากมายเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงรักษาได้ถูกศึกษา และตีพิมพ์ในหนังสือ [ 23 ] , [ 24 ] , [ 25 ] [ 26 ] [ 27 ] พวกเขาจะตามสมมติฐานที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น ชนิดของการบำรุงรักษา ( สมบูรณ์ ไม่สมบูรณ์ น้อยที่สุด ) , ความล้มเหลวของฟังก์ชันการกระจาย , และดังนั้นบน ไม่มีที่ดีที่สุด ทั่วไป รูปแบบ แต่แต่ละจริงกรณีอาจพบหนึ่งที่เหมาะสมมากขึ้นในกระดาษนี้แบบจำลองเศรษฐกิจทางเทคนิคบางอย่างจะพิจารณาที่เกี่ยวข้องกับ CM PM และ CBM . พวกเขาจะตามสูตรทางคณิตศาสตร์ โดยคำนึงถึงต้นทุนเป็นหลัก และรายการที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษาแต่ละนโยบายหลักเวลาและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมบำรุงรักษารายการมีดังนี้