Market pricing by supply and demand

Market pricing by supply and demand
(This appendix is adapted from Worthington and Britton (2000). Pricing will be analysed further in Chapter 9.)

Introduction
In every market there will be a buyer and a seller who must be brought together so that a sale can take place. In a market economy this takes place through the market mechanism. In the product market the buyer is the household and the seller is the firm. Households demand the good or service that is supplied by a firm or firms.

The market is the place where buyers and sellers meet and demand and supply are brought together. Table 5.7 contains information on the level of supply and demand of a specific good. This information is presented graphically in Fig 5.22.

The equilibrium price
At a price of £ 1.20, the quantity demanded is the same as the quantity supplied at 48,000 pints per week. At this price the amount that consumers wish to buy is the same as the amount that producers wish to sell. This price is called the equilibrium price and the quantity being bought and sold is called the equilibrium quantity. The point of equilibrium can be seen on Figure 5.22 at the point where the demand and supply curves cross.

At price level above £1.20 the quantity that producers wish to supply is greater than quantity consumers wish to buy. There is excess supply and the market is a buyer’s market. At prices less than £1.20 consumers wish to buy more than producers wish to supply. There is excess demand and the market is a seller’s market.

In competitive markets, situations of excess demand or supply should not exist for long as forces are put into motion to move the market toward equilibrium. For example, if the price level is £1.30 per pint, there is excess supply and producers will be forced to reduce the price in order to sell their beer. Consumers may be aware that they are in a buyer’s market and offer lower prices, which firms might accept. For one or these reasons, there will be a tendency for prices to be pushed to be pushed back towards the equilibrium price. The opposite occurs at prices below equilibrium and price is pushed upwards towards equilibrium.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การกำหนดราคาในตลาดตามอุปสงค์และอุปทาน
(ภาคผนวกนี้ดัดแปลงมาจากวอร์ชิงตันและบริท (2000). การกำหนดราคาจะถูกวิเคราะห์ต่อไปในบทที่ 9.)


แนะนำในทุกตลาดจะมีผู้ซื้อและผู้ขายที่จะต้องนำมารวมกัน เพื่อให้การขายสามารถใช้สถานที่ ในระบบเศรษฐกิจตลาดนี้จะเกิดขึ้นผ่านกลไกตลาดในตลาดสินค้าที่ผู้ซื้อเป็นของใช้ในครัวเรือนและผู้ขายเป็น บริษัท ผู้ประกอบการมีความต้องการที่ดีหรือบริการที่จะจัดจำหน่ายโดย บริษัท หรือ บริษัท .

ตลาดเป็นสถานที่ที่ผู้ซื้อและผู้ขายตอบสนองและอุปสงค์และอุปทานจะนำมารวมกัน 5.7 ตารางมีข้อมูลเกี่ยวกับระดับของอุปสงค์และอุปทานของดีที่เฉพาะเจาะจง ข้อมูลนี้จะถูกนำเสนอในภาพกราฟิก 5.22.


ราคาสมดุลในราคา£ 1.20 ปริมาณเรียกร้องเป็นเช่นเดียวกับปริมาณจำหน่ายที่ 48,000 แก้วต่อสัปดาห์ ราคานี้จำนวนเงินที่ผู้บริโภคต้องการซื้อเป็นเช่นเดียวกับจำนวนเงินที่ผู้ผลิตต้องการขาย ราคานี้จะเรียกว่าราคาดุลยภาพและปริมาณการซื้อและขายที่เรียกว่าปริมาณสมดุลจุดสมดุลที่สามารถเห็นได้ในรูป 5.22 ที่จุดที่เส้นโค้งอุปสงค์และอุปทานข้าม.

ที่ระดับราคาดังกล่าวข้างต้น£ 1.20 ปริมาณที่ผู้ผลิตต้องการที่จะจัดหามีค่ามากกว่าปริมาณผู้บริโภคต้องการซื้อ มีอุปทานส่วนเกินและตลาดเป็นตลาดของผู้ซื้อ ในราคาที่น้อยกว่า 1.20 £ผู้บริโภคต้องการซื้อมากกว่าผู้ผลิตต้องการที่จะจัดหามีความต้องการส่วนเกินและตลาดเป็นตลาดของผู้ขาย.

ในการแข่งขันในตลาดสถานการณ์ของอุปสงค์อุปทานส่วนเกินหรือไม่ควรมีอยู่สำหรับตราบเท่าที่กองกำลังจะใส่ลงในการเคลื่อนไหวที่จะย้ายตลาดเข้าสู่สมดุล ตัวอย่างเช่นถ้าระดับราคาเป็น£ 1.30 ต่อแกลลอนมีอุปทานส่วนเกินและผู้ผลิตจะถูกบังคับให้ลดราคาเพื่อที่จะขายเบียร์ของพวกเขาผู้บริโภคอาจจะไม่ทราบว่าพวกเขาอยู่ในตลาดของผู้ซื้อและเสนอราคาที่ต่ำกว่าซึ่ง บริษัท อาจยอมรับ สำหรับหนึ่งหรือเหตุผลเหล่านี้จะมีแนวโน้มราคาที่จะผลักดันที่จะผลักดันกลับไปยังราคาดุลยภาพ ตรงข้ามกับที่เกิดขึ้นในราคาที่ต่ำกว่าความสมดุลและราคาที่ถูกผลักขึ้นไปสู่​​ความสมดุล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตลาดการกำหนดราคา โดยอุปสงค์และอุปทาน
(ภาคผนวกนี้ได้ดัดแปลงจากธธิง Britton (2000) ราคาจะเป็น analysed เพิ่มเติมในบทที่ 9.)

แนะนำ
ในทุกตลาด จะมีผู้ซื้อและผู้ขายที่ต้องนำเข้าด้วยกันเพื่อให้การขายสามารถทำ ในระบบเศรษฐกิจตลาด นี้จะทำผ่านกลไกตลาด ในตลาดผู้ซื้อมีครัวเรือน และผู้ขายเป็นบริษัท ครัวเรือนต้องดีหรือบริการที่จัดหา โดยบริษัทหรือบริษัท

ตลาดเป็นสถานที่ที่ผู้ซื้อ และผู้ขายพบ และอุปสงค์ และอุปทานจะมากัน ตาราง 5.7 ประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับระดับของอุปสงค์และอุปทานการดี ข้อมูลนี้จะแสดงภาพในฟิก 5.22 การ

ราคาสมดุล
ที่ราคา £ 1.20 ปริมาณที่ต้องการเหมือนกับปริมาณที่ให้มาที่ไพน์ต 48,000 ต่อสัปดาห์ ราคานี้ จำนวนเงินที่ผู้บริโภคต้องการซื้อจะตรงกับจำนวนเงินที่ผู้ผลิตต้องการขาย ราคานี้คือราคาสมดุล และเรียกว่าปริมาณการซื้อ และขายในปริมาณที่สมดุล จุดสมดุลจะได้พบรูป 5.22 จุดที่อุปสงค์และอุปทานโค้งข้ามได้

มีมากกว่าปริมาณที่ผู้บริโภคต้องการซื้อที่ระดับราคาสูงกว่า £1.20 ปริมาณที่ผู้ผลิตต้องจัดหาได้ มีอุปทานส่วนเกิน และตลาดเป็นตลาดของผู้ซื้อ ราคาน้อยกว่า £1.20 ผู้บริโภคต้องการซื้อมากกว่าที่ผู้ผลิตต้องจัดหา มีอุปสงค์ส่วนเกิน และตลาดเป็นตลาดของผู้ขาย

ในตลาดแข่งขัน สถานการณ์ของอุปสงค์ส่วนเกินหรือจัดหาควรไม่มีนานเป็นกองกำลังจะย้ายในการเคลื่อนไหวการย้ายตลาดไปสมดุลกัน ตัวอย่าง ถ้าระดับราคา £1.30 ต่อ pint มีอุปทานส่วนเกิน และจะบังคับผู้ผลิตต้องลดราคาเพื่อขายเบียร์ของพวกเขา ผู้บริโภคอาจทราบว่า พวกเขาอยู่ในตลาดของผู้ซื้อ และเสนอราคาต่ำ ซึ่งบริษัทอาจยอมรับ สำหรับหนึ่งหรือเหตุผลเหล่านี้ จะมีแนวโน้มที่ราคาจะถูกผลักไปผลักกลับไปราคาสมดุล ตรงข้ามเกิดขึ้นที่ราคาต่ำกว่าสมดุล และมีการผลักดันราคาขึ้นต่อสมดุล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การตั้งราคาตลาดโดยอุปทานและอุปสงค์
( ภาคผนวก นี้มีดัดแปลงจาก Worthington และ britton ( 2000 ) การตั้งราคาจะมีการวิเคราะห์เพิ่มเติมในบทที่ 9 )

แนะนำ
ซึ่งจะช่วยในทุกตลาดจะมีผู้ซื้อและผู้ขายที่จะต้องนำมารวมกันเพื่อให้การขายที่สามารถที่จะเกิดขึ้น ในระบบเศรษฐกิจแบบตลาดแห่งนี้จะเป็นสถานที่โดยผ่านกลไกการตลาดในตลาด ผลิตภัณฑ์ ที่ผู้ซื้อจะมีบ้านและผู้ขายที่เป็นบริษัทที่ ครัวเรือนความต้องการหรือการบริการที่ดีที่มีที่มาจากบริษัทหรือบริษัทที่.

ตลาดที่เป็นสถานที่ที่ผู้ซื้อและผู้ขายได้พบและอุปสงค์และอุปทานได้นำพามาด้วยกัน ตาราง 5.7 ประกอบด้วยข้อมูลในระดับของอุปทานและอุปสงค์ของดีเฉพาะที่ ข้อมูลนี้ได้รับการนำเสนอ ภาพ กราฟิกในรูปที่ 5.22 .

ราคาค่าบริการเข้าสู่จุดสมดุลที่
ซึ่งจะช่วยในราคาที่ถูกจับจองอยู่ 1.20 จำนวนที่ต้องการจะเท่ากับจำนวนที่ให้มาที่ 48,000 ไพนท์ต่อสัปดาห์ ในระดับราคานี้จำนวนเงินที่ ผู้บริโภค ต้องการที่จะซื้อเป็นเหมือนกับที่ผู้ผลิตต้องการขาย ราคานี้จะถูกเรียกว่าเข้าสู่จุดสมดุลที่ราคาและปริมาณการซื้อและขายเรียกว่าเป็นจำนวนที่เข้าสู่จุดสมดุลจุดที่มีการเข้าสู่จุดสมดุลสามารถเห็นได้ในรูปที่ 5.22 ที่จุดที่โค้งและความต้องการพาวเวอร์ซัพพลายที่ข้าม.

ในระดับราคาให้สูงกว่า 1.20 ล้านปอนด์จำนวนที่ผู้ผลิตต้องการพาวเวอร์ซัพพลายมีมากกว่าจำนวน ผู้บริโภค ต้องการซื้อ มีอุปทานส่วนเกินและตลาดที่เป็นตลาดของผู้ซื้อ ที่ราคาไม่น้อยกว่า 1.20 ล้านปอนด์ ผู้บริโภค ต้องการซื้อมากกว่าผู้ผลิตต้องการพาวเวอร์ซัพพลายมีความต้องการมากเกินความจำเป็นและตลาดที่เป็นตลาดของผู้ขายที่.

ในตลาดที่มีการแข่งขันสถานการณ์ของความต้องการมากเกินไปหรือพาวเวอร์ซัพพลายไม่ควรมีอยู่ในระยะยาวเป็นพลังอำนาจจะเข้าสู่การเคลื่อนไหวในการย้ายตลาดไปยังจุดสมดุล ตัวอย่างเช่นหากระดับราคา 1.30 ล้านปอนด์ที่มีต่อเครื่องดื่มครึ่งควอร์ตมีผู้ผลิตและอุปทานส่วนเกินจะถูกบังคับให้ลดราคาในการสั่งซื้อจะขายเบียร์ของพวกเขาผู้ใช้อาจจะรู้ว่าตนอยู่ในตลาดของผู้ซื้อและจัดให้บริการราคาที่ต่ำกว่าซึ่งบริษัทอาจจะยอมรับ สำหรับผู้ใช้บริการหนึ่งหรือด้วยเหตุผลเหล่านี้จะมีแนวโน้มที่ราคาจะส่งไปยังสามารถส่งข้อมูลกลับไปทางด้านราคาเข้าสู่จุดสมดุลได้ ทางฝั่งด้านตรงข้ามกับที่เกิดขึ้นที่มีราคาต่ำกว่าราคาและเข้าสู่จุดสมดุลคือส่งมาให้ขึ้นไปสู่จุดสมดุล