Cดังนี้ 1. กลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านต้นทุน (Cost Leadership) โดยการลดต้น การแปล - Cดังนี้ 1. กลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านต้นทุน (Cost Leadership) โดยการลดต้น ไทย วิธีการพูด

Cดังนี้ 1. กลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านต

Cดังนี้

1. กลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านต้นทุน (Cost Leadership) โดยการลดต้นทุนการผลิต หรือดำเนินงานที่ไม่จำเป็น เพื่อทำให้สามารถตั้งราคาขายที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
1.1 วิเคราะห์ขั้นตอนการดำเนินงานทั้งหมด แล้วหาจุดบกพร่อง หรือความสูญเปล่า (Wastes) แล้วรีบดำเนินการปรับปรุง โดยปรับ หรือลดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก แล้วทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด เช่น ขั้นตอนการปฎิบัติงานที่ซ้ำซ้อน และไม่เกิดประโยชน์ ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ต่างๆ เป็นต้น
1.2 ส่งเสริมกิจกรรมการเพิ่มผลผลิต (Productivity)โดยเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานที่เป็นอยู่ในปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอ โดยการนำแนวคิด หรือเครื่องมือต่างๆ เช่น กิจกรรม 5ส. กลุ่มกิจกรรมส่งเสริมคุณภาพ หรือ QCC. (Quality Control Cycle) ,การบริหารคุณภาพ ทั่วทั้งองค์การ หรือ TQM (Total Quality Management) การบำรุงรักษาทวีผล ที่ทุกคนมีส่วนร่วม หรือ TPM. (Total Preventive Maintenance) การบริหารการผลิตแบบทันเวลา หรือ JIT (Just In Time) กิจกรรมข้อเสนอแนะ (Suggestion ) กิจกรรมการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Kaizen) ซึ่งควรเลือกให้เหมาะสม แล้วนำมาประยุกต์ใช้กับ หน่วยงาน อย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ทำแบบไฟไหม้ฟาง
1.3 ส่งเสริมทำให้พนักงานมีจิตสำนึกในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดความคุ้มค่า และเป็นประโยชน์สูงที่สุด ไม่ใช้แบบทิ้งๆขว้างๆ เช่น วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ก็ใช้ให้เกิดของเสียน้อยที่สุด หรือ การรณรงค์ช่วยกันปิดไฟ ปิดน้ำ เมื่อไม่ใช้งาน เป็นต้น
1.4 ส่งเสริมการสร้างจิตสำนึกในคุณภาพ (Quality Awareness)ให้เกิดขึ้นกับพนักงานทุกคน เพื่อลดปัญหาของเสีย หรือป้องกันปัญหาลูกค้าร้องเรียน (Customer Complain) เพราะถ้าหากพบปัญหาลูกค้าร้องเรียน นอกจากรายได้ไม่เกิดแล้วยังจะเสียลูกค้ารายได้ และชื่อเสียงของบริษัทอีกด้วย
1.5 เปลี่ยนใช้วัตถุดิบที่ราคาถูกลงโดยเป็นการค้นหา Suppliers รายใหม่ๆ ที่สามารถขายสินค้า หรือให้บริการ เช่น วัตถุดิบ (Raw Material) ที่ใช้ในการผลิต หรือให้บริการรถขนส่ง (Transportation Service) ที่มีราคาถูกว่าเดิม แต่ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพ เพราะถ้าหากมัวแต่คิดที่จะเลือกของถูกอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพแล้วละก็ อาจจะได้ ไม่คุ้มเสียนะครับ

2. กลยุทธ์ด้านการสร้างความแตกต่าง (Differentiation) โดยเป็นการสร้างความแตกต่างของสินค้า หรือบริการของเรา ให้มีความแตกต่างจากคู่แข่ง หรือของที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ๆให้กับลูกค้า และเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆในการขยายตลาด ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ได้ดังนี้
2.1 ส่งเสริมการวิจัย และพัฒนา ผลิตภัณฑ์ (Research and Development) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม หรือผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้ามากที่สุด เช่น สีใหม่ๆ รสชาดใหม่ ขนาดที่ใหญ่กว่า สะดวกกว่า ประหยัดกว่า เป็นต้น
2.2 ส่งเสริมการวิจัยตลาด (Marketing Research)
เพื่อเป็นการค้นหาความต้องการของใหม่ๆผู้บริโภค ที่มีการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
2.3 ส่งเสริมการเรียนรู้ในองค์การ (Learning Organization) เพื่อส่งเสริมให้คนในหน่วยงานแลกเปลี่ยนแนวคิด ประสบการณ์ วิธีการทำงาน หรือเรื่องที่เป็นประโยชน์ในการทำงาน ระหว่างกันและกัน เช่น การดำเนินกิจกรรมข้อเสนอแนะ (Suggestion) เพื่อการปรับปรุง และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement) ซึ่งสิ่งที่ได้อาจนำไปสู่การปรับปรุง ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต การบริหารงาน หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่แตกต่างจากเดิม
2.4 พัฒนาความสามารถให้เป็นจุดแข็ง (Strengths Point) โดยการพัฒนาปรับปรุงความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เป็นความสามารถที่ไม่มีใครมาลอกเลียนแบบได้ ซึ่งจะส่งผลทำให้สินค้าของเรามีความแตกต่างกับคู่แข่งอย่างชัดเจน เมื่อลูกค้านึกถึงผลิตภัณฑ์นี้เมื่อใด ต้องนึกถึงชื่อของเราเป็นรายแรก

3. กลยุทธ์มุ่งเน้นที่จุดสนใจ (Focus)เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เฉพาะกลุ่มซึ่งทำให้เกิดความชัดเจนในการเลือกใช้สินค้า ซึ่งสามารถจำแนกได้หลายประเภท ซึ่งส่วนใหญ่จำแนกตาม อายุ เพศ ลักษณะการใช้ชีวิต (Life Style) เช่น ผลิตภัฑ์สำหรับเด็ก กลุ่มอายุ 0-2 ขวบ ผลิตภัณฑ์เฉพาะผู้ชาย ผลิตภัณฑ์เฉพาะวัยรุ่น เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันมีการนิยมใช้กลยุทธ์นี้กันมากขึ้น ซึ่งสามารถเห็นได้จากโฆษณาตามสื่อต่างๆ ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ดังนี้
3.1 วิเคราะห์สามารถของตนเอง (Self Analysis) เพื่อค้นหาความสามารถ หรือศักยภาพที่มีอยู่ในปัจจุบัน แล้วทำการเปรียบเทียบกับคู่แข่ง เพื่อเลือกจุดที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด เช่น เน้นที่ผลิตภัณฑ์เด็ก อย่างเดียว หรือเน้นที่จะผลิตภัฑณ์เฉพาะผู้สูงอายุ เป็นต้น
3.2 ปรับปรุงกระบวนการให้สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ เพื่อปรับเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับ ผลิตภัฑ์ที่เราได้เลือกเอาไว้ เช่นปรับเปลียนระบบการผลิต การขนส่ง การบริการเป็นต้น
3.3 ทำจุดสนใจให้เด่นขึ้น เพื่อสื่อสารให้กับลูกค้าได้ทราบถึงความแตกต่าง หรือจุดเด่นที่มีในผลิตภัณฑ์ของเรา ทำให้ลูกค้านึกถึงสินค้าของเราทันที เมื่อความต้องการสินค้าชนิดนี้เกิดขึ้น ซึ่งในการโฆษณา หรือประชาสัมพันธ์นั้นควรเลือกใช้สื่อให้เหมาะสม และสอดคล้องกับกับผลิตภัฑ์ของเราด้วยนะครับ เพราะถ้าหากใช้ผิด จุดเด่นที่ต้องการอาจจะไม่โดดเด่นเหมือนที่คาดหวังเอาไว้ก็ได้
3.4 ติดตาม และประเมินผลงาน (Follow up and Evaluation)โดยติดตามผลการปฎิบัติงานที่ได้จาการดำเนินงาน แล้วทำการประเมินผลงานที่เกิดขึ้น แล้วปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะสมตามสถานกรณ์ต่างๆ ทีมีการเปลี่ยนแปลงไป
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
Cดังนี้ 1. กลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านต้นทุน (Cost Leadership) โดยการลดต้นทุนการผลิต หรือดำเนินงานที่ไม่จำเป็น เพื่อทำให้สามารถตั้งราคาขายที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้1.1 วิเคราะห์ขั้นตอนการดำเนินงานทั้งหมด แล้วหาจุดบกพร่อง หรือความสูญเปล่า (Wastes) แล้วรีบดำเนินการปรับปรุง โดยปรับ หรือลดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก แล้วทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด เช่น ขั้นตอนการปฎิบัติงานที่ซ้ำซ้อน และไม่เกิดประโยชน์ ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ต่างๆ เป็นต้น(ผลผลิต) 1.2 ส่งเสริมกิจกรรมการเพิ่มผลผลิตโดยเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานที่เป็นอยู่ในปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอโดยการนำแนวคิดหรือเครื่องมือต่าง ๆ เช่นกิจกรรม 5ส กลุ่มกิจกรรมส่งเสริมคุณภาพหรือ QCC (วงจรควบคุมคุณภาพ), การบริหารคุณภาพทั่วทั้งองค์การหรือ TQM (การจัดการคุณภาพโดยรวม) การบำรุงรักษาทวีผลที่ทุกคนมีส่วนร่วมหรือ TPM (งานบำรุงรักษารวม) การบริหารการผลิตแบบทันเวลาหรือจิต (ในเวลา) กิจกรรมข้อเสนอแนะ (แนะนำ) กิจกรรมการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (ไคเซ็น) ซึ่งควรเลือกให้เหมาะสมแล้วนำมาประยุกต์ใช้กับหน่วยงานอย่างเอาจริงเอาจังไม่ทำแบบไฟไหม้ฟาง1.3 ส่งเสริมทำให้พนักงานมีจิตสำนึกในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดความคุ้มค่าและเป็นประโยชน์สูงที่สุดไม่ใช้แบบทิ้งๆขว้าง ๆ เช่นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตก็ใช้ให้เกิดของเสียน้อยที่สุดหรือการรณรงค์ช่วยกันปิดไฟปิดน้ำเมื่อไม่ใช้งานเป็นต้นหรือป้องกันปัญหาลูกค้าร้องเรียนเพื่อลดปัญหาของเสียให้เกิดขึ้นกับพนักงานทุกคนส่งเสริมการสร้างจิตสำนึกในคุณภาพ (ความรู้คุณภาพ) 1.4 (ลูกค้าบ่น) เพราะถ้าหากพบปัญหาลูกค้าร้องเรียนนอกจากรายได้ไม่เกิดแล้วยังจะเสียลูกค้ารายได้และชื่อเสียงของบริษัทอีกด้วย1.5 เปลี่ยนใช้วัตถุดิบที่ราคาถูกลงโดยเป็นการค้นหาซัพพลายเออร์รายใหม่ ๆ ที่สามารถขายสินค้าหรือให้บริการเช่นวัตถุดิบ (ดิบ) ที่ใช้ในการผลิต (บริการ) หรือให้บริการรถขนส่งที่มีราคาถูกว่าเดิมแต่ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพเพราะถ้าหากมัวแต่คิดที่จะเลือกของถูกอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพแล้วละก็อาจจะได้ไม่คุ้มเสียนะครับ 2. กลยุทธ์ด้านการสร้างความแตกต่าง (Differentiation) โดยเป็นการสร้างความแตกต่างของสินค้า หรือบริการของเรา ให้มีความแตกต่างจากคู่แข่ง หรือของที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ๆให้กับลูกค้า และเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆในการขยายตลาด ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ได้ดังนี้2.1 ส่งเสริมการวิจัย และพัฒนา ผลิตภัณฑ์ (Research and Development) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม หรือผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้ามากที่สุด เช่น สีใหม่ๆ รสชาดใหม่ ขนาดที่ใหญ่กว่า สะดวกกว่า ประหยัดกว่า เป็นต้น2.2 ส่งเสริมการวิจัยตลาด (Marketing Research)เพื่อเป็นการค้นหาความต้องการของใหม่ๆผู้บริโภค ที่มีการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
2.3 ส่งเสริมการเรียนรู้ในองค์การ (Learning Organization) เพื่อส่งเสริมให้คนในหน่วยงานแลกเปลี่ยนแนวคิด ประสบการณ์ วิธีการทำงาน หรือเรื่องที่เป็นประโยชน์ในการทำงาน ระหว่างกันและกัน เช่น การดำเนินกิจกรรมข้อเสนอแนะ (Suggestion) เพื่อการปรับปรุง และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement) ซึ่งสิ่งที่ได้อาจนำไปสู่การปรับปรุง ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต การบริหารงาน หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่แตกต่างจากเดิม
2.4 พัฒนาความสามารถให้เป็นจุดแข็ง (Strengths Point) โดยการพัฒนาปรับปรุงความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เป็นความสามารถที่ไม่มีใครมาลอกเลียนแบบได้ ซึ่งจะส่งผลทำให้สินค้าของเรามีความแตกต่างกับคู่แข่งอย่างชัดเจน เมื่อลูกค้านึกถึงผลิตภัณฑ์นี้เมื่อใด ต้องนึกถึงชื่อของเราเป็นรายแรก

3. กลยุทธ์มุ่งเน้นที่จุดสนใจ (Focus)เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เฉพาะกลุ่มซึ่งทำให้เกิดความชัดเจนในการเลือกใช้สินค้า ซึ่งสามารถจำแนกได้หลายประเภท ซึ่งส่วนใหญ่จำแนกตาม อายุ เพศ ลักษณะการใช้ชีวิต (Life Style) เช่น ผลิตภัฑ์สำหรับเด็ก กลุ่มอายุ 0-2 ขวบ ผลิตภัณฑ์เฉพาะผู้ชาย ผลิตภัณฑ์เฉพาะวัยรุ่น เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันมีการนิยมใช้กลยุทธ์นี้กันมากขึ้น ซึ่งสามารถเห็นได้จากโฆษณาตามสื่อต่างๆ ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ดังนี้
3.1 วิเคราะห์สามารถของตนเอง (Self Analysis) เพื่อค้นหาความสามารถ หรือศักยภาพที่มีอยู่ในปัจจุบัน แล้วทำการเปรียบเทียบกับคู่แข่ง เพื่อเลือกจุดที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด เช่น เน้นที่ผลิตภัณฑ์เด็ก อย่างเดียว หรือเน้นที่จะผลิตภัฑณ์เฉพาะผู้สูงอายุ เป็นต้น
3.2 ปรับปรุงกระบวนการให้สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ เพื่อปรับเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับ ผลิตภัฑ์ที่เราได้เลือกเอาไว้ เช่นปรับเปลียนระบบการผลิต การขนส่ง การบริการเป็นต้น
3.3 ทำจุดสนใจให้เด่นขึ้น เพื่อสื่อสารให้กับลูกค้าได้ทราบถึงความแตกต่าง หรือจุดเด่นที่มีในผลิตภัณฑ์ของเรา ทำให้ลูกค้านึกถึงสินค้าของเราทันที เมื่อความต้องการสินค้าชนิดนี้เกิดขึ้น ซึ่งในการโฆษณา หรือประชาสัมพันธ์นั้นควรเลือกใช้สื่อให้เหมาะสม และสอดคล้องกับกับผลิตภัฑ์ของเราด้วยนะครับ เพราะถ้าหากใช้ผิด จุดเด่นที่ต้องการอาจจะไม่โดดเด่นเหมือนที่คาดหวังเอาไว้ก็ได้
3.4 ติดตาม และประเมินผลงาน (Follow up and Evaluation)โดยติดตามผลการปฎิบัติงานที่ได้จาการดำเนินงาน แล้วทำการประเมินผลงานที่เกิดขึ้น แล้วปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะสมตามสถานกรณ์ต่างๆ ทีมีการเปลี่ยนแปลงไป
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
C ดังนี้1 กลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านต้นทุน (เป็นผู้นำค่าใช้จ่าย) โดยการลดต้นทุนการผลิตหรือดำเนินงานที่ไม่จำเป็น ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้1.1 แล้วหาจุดบกพร่องหรือความสูญเปล่า (เสีย) แล้วรีบดำเนินการปรับปรุงโดยปรับหรือลดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกแล้วทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุดเช่นขั้นตอนการปฎิบัติงานที่ซ้ำซ้อนและไม่เกิดประโยชน์ค่าใช้จ่ายที่ ไม่จำเป็นต่างๆเป็นต้น1.2 ส่งเสริมกิจกรรมการเพิ่มผลผลิต โดยการนำแนวคิดหรือเครื่องมือต่างๆเช่นกิจกรรม 5 ส กลุ่มกิจกรรมส่งเสริมคุณภาพหรือ QCC (การควบคุมคุณภาพรอบ) การบริหารคุณภาพทั่วทั้งองค์การหรือ TQM (รวมการจัดการคุณภาพ) การบำรุงรักษาทวีผลที่ทุกคนมีส่วนร่วมหรือ TPM (รวมบำรุงรักษาเชิงป้องกัน) การบริหารการผลิตแบบทันเวลาหรือ JIT (Just In Time) กิจกรรมข้อเสนอแนะ (Suggestion) กิจกรรมการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Kaizen) ซึ่งควรเลือกให้เหมาะสมแล้วนำมาประยุกต์ใช้กับหน่วยงานอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ทำแบบไฟไหม้ฟาง1.3 และเป็นประโยชน์สูงที่สุดไม่ใช้แบบทิ้งๆขว้างๆเช่นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตก็ใช้ให้เกิดของเสียน้อยที่สุดหรือการรณรงค์ช่วยกันปิดไฟปิดน้ำเมื่อไม่ใช้งานเป็นต้น1.4 ส่งเสริมการสร้างจิตสำนึกในคุณภาพ (Quality ให้ความรู้) ให้เกิดขึ้นกับพนักงานทุกคนเพื่อลดปัญหาของเสียหรือป้องกันปัญหาลูกค้าร้องเรียน (ลูกค้าบ่น) เพราะถ้าหากพบปัญหาลูกค้าร้องเรียน และชื่อเสียงของ บริษัท อีกด้วย1.5 ซัพพลายเออร์รายใหม่ ๆ ที่สามารถขายสินค้าหรือให้บริการเช่นวัตถุดิบ (วัตถุดิบ) ที่ใช้ในการผลิตหรือให้บริการรถขนส่ง (Transportation Service) ที่มีราคาถูกว่าเดิม แต่ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพ โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพแล้วละก็อาจจะได้ไม่คุ้มเสียนะครับ2 กลยุทธ์ด้านการสร้างความแตกต่าง (Differentiation) หรือบริการของเราให้มีความแตกต่างจากคู่แข่งหรือของที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ได้ดังนี้2.1 ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (การวิจัยและการพัฒนา) เช่นสีใหม่ ๆ รสชาดใหม่ขนาดที่ใหญ่กว่าสะดวกกว่าประหยัดกว่าเป็นต้น2.2 ส่งเสริมการวิจัยตลาด (Marketing ส่งเสริมการเรียนรู้ในองค์การ (องค์การการเรียนรู้) ประสบการณ์วิธีการทำงาน ระหว่างกันและกันเช่นการดำเนินกิจกรรมข้อเสนอแนะ (Suggestion) เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง) ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตการบริหารงาน พัฒนาความสามารถให้เป็นจุดแข็ง (จุดแข็งจุด) ต้องนึกถึงชื่อของเราเป็นรายแรก3. กลยุทธ์มุ่งเน้นที่จุดสนใจ ซึ่งสามารถจำแนกได้หลายประเภทซึ่งส่วนใหญ่จำแนกตามอายุเพศลักษณะการใช้ชีวิต (ไลฟ์สไตล์) เช่นผลิตภัฑ์สำหรับเด็กกลุ่มอายุ 0-2 ขวบผลิตภัณฑ์เฉพาะผู้ชายผลิตภัณฑ์เฉพาะวัยรุ่นเป็นต้น ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ดังนี้3.1 วิเคราะห์สามารถของตนเอง (การวิเคราะห์ตัวเอง) เพื่อค้นหาความสามารถหรือศักยภาพที่มีอยู่ในปัจจุบันแล้วทำการเปรียบเทียบกับคู่แข่ง เช่นเน้นที่ผลิตภัณฑ์เด็กอย่างเดียว เป็นต้น3.2 ผลิตภัฑ์ที่เราได้เลือกเอาไว้เช่นปรับเปลียนระบบการผลิตการขนส่งการบริการเป็นต้น3.3 ทำจุดสนใจให้เด่นขึ้น หรือจุดเด่นที่มีในผลิตภัณฑ์ของเรา ซึ่งในการโฆษณา เพราะถ้าหากใช้ผิด ติดตามและประเมินผลงาน (ติดตามและ แล้วทำการประเมินผลงานที่เกิดขึ้น ทีมีการเปลี่ยนแปลงไป



















การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
C ดังนี้

1 กลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านต้นทุน ( ต้นทุน ) โดยการลดต้นทุนการผลิตหรือดำเนินงานที่ไม่จำเป็นเพื่อทำให้สามารถตั้งราคาขายที่ต่ำกว่าคู่แข่งซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
11 วิเคราะห์ขั้นตอนการดำเนินงานทั้งหมดแล้วหาจุดบกพร่องหรือความสูญเปล่า ( ของเสีย ) แล้วรีบดำเนินการปรับปรุงโดยปรับหรือลดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกแล้วทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุดเช่นและไม่เกิดประโยชน์ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นต่างๆเป็นต้น
1.2 ส่งเสริมกิจกรรมการเพิ่มผลผลิต ( การผลิต ) โดยเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานที่เป็นอยู่ในปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอโดยการนำแนวคิดหรือเครื่องมือต่างๆเช่นกิจกรรม 5 ส .กลุ่มกิจกรรมส่งเสริมคุณภาพค็อค QCC . ( วงจรควบคุมคุณภาพ ) , การบริหารคุณภาพทั่วทั้งองค์การค็อค TQM ( Total Quality Management ) การบำรุงรักษาทวีผลที่ทุกคนมีส่วนร่วมค็อค TPM .( การบำรุงรักษาเชิงป้องกันรวม ) การบริหารการผลิตแบบทันเวลาค็อค JIT ( Just In Time ) กิจกรรมข้อเสนอแนะ ( ข้อเสนอแนะ ) กิจกรรมการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ( ไคเซ็น ) ซึ่งควรเลือกให้เหมาะสมแล้วนำมาประยุกต์ใช้กับหน่วยงานอย่างเอาจริงเอาจัง
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: