ประวัติปลานิลในประเทศไทย
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2508 สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต เมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศมกุฏราชกุมารแห่งประเทศญี่ปุ่น ได้น้อมเกล้าฯ ถวายปลาน้ำจืดในตระกูลทิลาเปีย (tilapia) จำนวน 50 ตัว แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในระยะแรกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำปลาดังกล่าวไปเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ บริเวณพระตำหนักสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ต่อจากนั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายปลาลงเลี้ยงในบ่อดิน และต่อมาในเวลาประมาณ 5 เดือนเศษ ปรากฏว่าในบ่อที่เลี้ยงมีลูกปลาเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขุดบ่อดินเพิ่มขึ้นเป็น 6 บ่อ เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2508 ได้ทรงปล่อยปลาลงเลี้ยงในบ่อเหล่านั้นด้วยพระองค์เอง และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหน้าที่กรมประมงทำการตรวจสอบการเจริญเติบโตของปลาทุกเดือน ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า ปลาชนิดนี้เจริญเติบโตได้รวดเร็วมาก มีขนาดเฉลี่ยถึง 178.8 กรัม ในระยะเวลา 6 เดือน
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต ได้น้อมเกล้าฯ ถวายปลานิล
แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานลูกปลานิลแก่กรมประมงเพื่อนำไปขยายพันธุ์
ในวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานลูกปลาดังกล่าว ขนาดความยาว 3–5 เซนติเมตร จำนวน 10,000 ตัว จากบ่อดินในบริเวณพระตำหนักสวนจิตรลดา แก่กรมประมงเพื่อนำไปขยายพันธุ์ ณ แผนกทดลองและเพาะเลี้ยงในบริเวณเกษตรกลางบางเขน จังหวัดพระนครและสถานีประมงต่างๆ 15 แห่ง ทั่วราชอาณาจักร เพื่อให้ดำเนินการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์พร้อมกัน และได้พระราชทานชื่อปลาชนิดนี้ว่า “ปลานิล”
เมื่อปลานิลแพร่ขยายพันธุ์ออกไปได้มากเพียงพอแล้ว กรมประมงจึงได้แจกจ่ายพันธุ์ปลานิลให้แก่ราษฎรเพื่อนำไปเพาะเลี้ยงตามความต้องการ และกรมประมงได้กำหนดให้วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ.2510 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดระยะเวลา 1 ปี 5 เดือน นับแต่วันที่กรมประมงได้รับพระราชทานปลานิลมาเป็นวันแจก “ปลานิลพระราชทาน” ให้แก่ราษฎร โดยในระหว่างวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ.2510 ถึงเดือนกันยายน พ.ศ.2513 รวมระยะเวลาประมาณ 3 ปี กรมประมงได้แจกจ่ายพันธุ์ปลานิลไปเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 5,093,900 ตัว
อนึ่ง หลังจากที่ได้พระราชทานปลานิลให้แก่กรมประมงเพื่อนำไปเพาะขยายพันธุ์แล้ว ยังได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมประมงนำพันธุ์ปลานิลที่ทรงเพาะไว้ไปแจกจ่ายแก่ราษฎรอีกเป็นประจำทุกเดือน จนถึงเดือนตุลาคม พ.ศ.2512 รวมเป็นพันธุ์ปลาทั้งสิ้น 92,269 ตัว แม้กระนั้นก็ดี จำนวนพันธุ์ปลานิลที่ได้ยังไม่เพียงพอแก่ความต้องการของพสกนิกรที่ต้องการนำพันธุ์ปลานี้ไปเพาะเลี้ยง โดยเฉพาะที่แผนกทดลองและเพาะเลี้ยงในบริเวณเกษตรกลางบางเขน ได้มีราษฎรมาติดต่อขอรับพันธุ์ปลานิลเดือนละไม่ต่ำกว่า 100,000 ตัว ความทราบถึงใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขุดบ่อขนาดใหญ่ในสวนจิตรลดาเพื่มขึ้นอีก 1 บ่อ เพื่อช่วยเร่งผลิตพันธุ์ปลานิลให้เพียงพอแก่ความต้องการของพสกนิกรของพระองค์ต่อไป
ต่อมาในปี พ.ศ.2527 ได้ทำการปรับปรุงบ่อให้มีขนาดใหญ่ขึ้นแต่จำนวนลดลงเหลือเพียง 7 บ่อ และได้ใช้ในการผลิตพันธุ์ปลานิล ซึ่งนับว่าเป็นปลานิลสายพันธุ์แท้พันธุ์หนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกในนามว่า “ปลานิลสายพันธุ์จิตรลดา”
ปลานิลแดง
นอกจากปลานิลสายพันธุ์ทั่วไปแล้ว ยังมีปลาที่มีลักษณะคล้ายปลานิลแต่มีสีแดง ซึ่งปัจจุบันนี้เกษตรกรโดยเฉพาะในภาคกลางและภาคเหนือได้ทำการเพาะเลี้ยงปลานิลควบคู่ไปกับปลานิลสีแดง ต้นกำเนิดปลานิลแดงของไทยนั้นได้มีการพบครั้งแรกในราวปี พ.ศ.2511 ณ จังหวัดอุบลราชธานี โดยนักวิชาการประมงของสถานีประมงจังหวัดอุบลราชธานีและเกษตรกรในจังหวัดนั้นได้ปลานิลแดงปะปนอยู่ในบ่อเลี้ยงปลานิล นักวิชาการประมงประจำสถานีฯ จึงได้ทำการคัดเลือกปลานิลที่มีสีแดงทั้งตัวแยกเพาะเลี้ยงไว้ต่างหากจากปลานิลพันธุ์ปกติ โดยในขณะนั้นยังไม่มีการศึกษาด้านพันธุกรรมของปลานิลชนิดนี้
ต่อมาในปี พ.ศ.2525 กลุ่มวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ สถาบันประมงจ้ำจืดแห่งชาติ ได้นำลูกปลานิลสีแดงขนาด 2–3 เซนติเมตร จำนวน 1,000 ตัว จากสถานีประมงจังหวัดอุบลราชธานีมาเลี้ยงไว้เพื่อทำการคัดพันธุ์และศึกษาวิจัยด้านพันธุกรรม ภายใต้โครงการ “พันธุกรรมปลา” ในปี พ.ศ.2527 กรมประมงได้ส่งตัวอย่างปลานิลแดงนี้ไปตรวจสอบพันธุ์ ณ มหาวิทยาลัยสเตอร์ริง สหราชอาณาจักร และมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ จากการศึกษาสายพันธุ์โดยการวิเคราะห์ในระดับโปรตีนที่ถูกควบคุมด้วยยีนบางชนิด สรุปได้ว่า ปลานิลแดงเป็นปลาลูกผสมระหว่างปลานิลกับปลาหมอเทศ ซึ่งมีความถึ่ของยีนที่ศึกษาในครั้งนั้นเป็นของปลานิล 78 เปอร์เซ็นต์ ปลาหมอเทศ 22 เปอร์เซ็นต์ และมีลักษณะของโครโมโซมใกล้เคียงกับปลาหมอเทศและปลานิล ซึ่งสอดคล้องกับลักษณะภายนอกของปลานิลแดงที่ปรากฏว่าคล้ายคลึงกับปลานิลและปลาหมอเทศ คือ มีปากเฉียงขึ้นคล้ายปลาหมอเทศและลักษณะลำตัวคล้ายปลานิล ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามมกุฏราชกุมารี ได้ทรงพระราชทานชื่อปลาชนิดนี้ว่า “ปลานิลสีแดง” แต่มักจะเรียกกันว่า “ปลานิลแดง”
ชีววิทยาของปลานิล
ปลานิล มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Oreochromis niloticus (Linn.) มีริมฝีปากบนและล่างเสมอกัน บริเวณแก้มมีเกล็ด 4 แถว ลำตัวมีสีเขียวปนน้ำตาลและมีลาดพาดขวาง 9–10 แถบ ครีบหลัง ครีบก้นและครีบหางมีจุดขาวและเส้นสีดำตัดขวาง ครีบหลังมีอันเดียวประกอบด้วยก้านครีบแข็ง 15–18 อัน และก้านครีบอ่อน 12–14 อัน ครีบก้นมีก้านครีบแข็ง 3 อัน และก้านครีบอ่อน 12–14 อัน บนแถบเส้นข้างลำตัวมีเกล็ด 33 เกล็ด และจากเส้นข้างลำตัวลงมาถึงแนวส่วนหน้าของครีบก้น 13 เกล็ด ลำตัวมีสีเขียวปนน้ำตาล ตรงกลางเกล็ดมีสีเข้ม ที่กระดูกแก้มมีจุดสีเข้มอยู่ 1 จุด ปลานิลมีนิสัยชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง มีความอดทนและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดี มีอุปนิสัยกินอาหารทั้งพืชและสัตว์ สามารถกินแพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์ ซากอินทรีย์และอนินทรีย์ที่เน่าเปื่อย รวมทั้งจุลินทรีย์และพืชน้ำต่างๆ เป็นปลาที่กินอาหารในเวลากลางวันและอยุดกินอาหารในเวลากลางคืน กินอาหารได้ทั้งที่ผิวน้ำ กลางน้ำ และก้นบ่อ
ความแตกต่างระหว่างเพศแล
ประวัติปลานิลในประเทศไทย เมื่อวันที่ 25 มีนาคมพ.ศ. 2508 สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตเมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศมกุฏราชกุมารแห่งประเทศญี่ปุ่นได้น้อมเกล้าฯ ถวายปลาน้ำจืดในตระกูลทิลาเปีย (ปลานิล) จำนวน 50 ตัวแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในระยะแรกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำปลาดังกล่าวไปเลี้ยงในบ่อซีเมนต์บริเวณพระตำหนักสวนจิตรลดาพระราชวังดุสิตต่อจากนั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายปลาลงเลี้ยงในบ่อดินและต่อมาในเวลาประมาณ 5 เดือนเศษปรากฏว่าในบ่อที่เลี้ยงมีลูกปลาเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขุดบ่อดินเพิ่มขึ้นเป็น 6 บ่อเมื่อวันที่ 1 อำลาพ.ศ. 2508 ได้ทรงปล่อยปลาลงเลี้ยงในบ่อเหล่านั้นด้วยพระองค์เองและได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหน้าที่กรมประมงทำการตรวจสอบการเจริญเติบโตของปลาทุกเดือนซึ่งผลการตรวจสอบพบว่าปลาชนิดนี้เจริญเติบโตได้รวดเร็วมากมีขนาดเฉลี่ยถึง 178.8 น.ในระยะเวลา 6 เดือน สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตได้น้อมเกล้าฯ ถวายปลานิลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานลูกปลานิลแก่กรมประมงเพื่อนำไปขยายพันธุ์ ในวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานลูกปลาดังกล่าวขนาดความยาว 3-5 เซนติเมตรจำนวน 10,000 ตัวจากบ่อดินในบริเวณพระตำหนักสวนจิตรลดาแก่กรมประมงเพื่อนำไปขยายพันธุ์ณแผนกทดลองและเพาะเลี้ยงในบริเวณเกษตรกลางบางเขนจังหวัดพระนครและสถานีประมงต่าง ๆ 15 แห่งทั่วราชอาณาจักรเพื่อให้ดำเนินการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์พร้อมกันและได้พระราชทานชื่อปลาชนิดนี้ว่า "ปลานิล" เมื่อปลานิลแพร่ขยายพันธุ์ออกไปได้มากเพียงพอแล้วกรมประมงจึงได้แจกจ่ายพันธุ์ปลานิลให้แก่ราษฎรเพื่อนำไปเพาะเลี้ยงตามความต้องการและกรมประมงได้กำหนดให้วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ.2510 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดระยะเวลา 1 ปี 5 เดือนนับแต่วันที่กรมประมงได้รับพระราชทานปลานิลมาเป็นวันแจก "ปลานิลพระราชทาน" ให้แก่ราษฎรโดยในระหว่างวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ.2510 ถึงเดือนกันยายน พ.ศ.2513 รวมระยะเวลาประมาณ 3 ปีกรมประมงได้แจกจ่ายพันธุ์ปลานิลไปเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 5,093,900 ตัว อนึ่งหลังจากที่ได้พระราชทานปลานิลให้แก่กรมประมงเพื่อนำไปเพาะขยายพันธุ์แล้วยังได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมประมงนำพันธุ์ปลานิลที่ทรงเพาะไว้ไปแจกจ่ายแก่ราษฎรอีกเป็นประจำทุกเดือนจนถึงเดือนตุลาคม พ.ศ.2512 รวมเป็นพันธุ์ปลาทั้งสิ้น 92,269 ตัวแม้กระนั้นก็ดีจำนวนพันธุ์ปลานิลที่ได้ยังไม่เพียงพอแก่ความต้องการของพสกนิกรที่ต้องการนำพันธุ์ปลานี้ไปเพาะเลี้ยงโดยเฉพาะที่แผนกทดลองและเพาะเลี้ยงในบริเวณเกษตรกลางบางเขนได้มีราษฎรมาติดต่อขอรับพันธุ์ปลานิลเดือนละไม่ต่ำกว่า 100,000 ตัวความทราบถึงใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขุดบ่อขนาดใหญ่ในสวนจิตรลดาเพื่มขึ้นอีก 1 บ่อเพื่อช่วยเร่งผลิตพันธุ์ปลานิลให้เพียงพอแก่ความต้องการของพสกนิกรของพระองค์ต่อไป ต่อมาในปี พ.ศ.2527 ได้ทำการปรับปรุงบ่อให้มีขนาดใหญ่ขึ้นแต่จำนวนลดลงเหลือเพียง 7 บ่อและได้ใช้ในการผลิตพันธุ์ปลานิลซึ่งนับว่าเป็นปลานิลสายพันธุ์แท้พันธุ์หนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกในนามว่า "ปลานิลสายพันธุ์จิตรลดา" ปลานิลแดง นอกจากปลานิลสายพันธุ์ทั่วไปแล้วยังมีปลาที่มีลักษณะคล้ายปลานิลแต่มีสีแดงซึ่งปัจจุบันนี้เกษตรกรโดยเฉพาะในภาคกลางและภาคเหนือได้ทำการเพาะเลี้ยงปลานิลควบคู่ไปกับปลานิลสีแดงต้นกำเนิดปลานิลแดงของไทยนั้นได้มีการพบครั้งแรกในราวปี พ.ศ.2511 ณจังหวัดอุบลราชธานีโดยนักวิชาการประมงของสถานีประมงจังหวัดอุบลราชธานีและเกษตรกรในจังหวัดนั้นได้ปลานิลแดงปะปนอยู่ในบ่อเลี้ยงปลานิลนักวิชาการประมงประจำสถานีฯ จึงได้ทำการคัดเลือกปลานิลที่มีสีแดงทั้งตัวแยกเพาะเลี้ยงไว้ต่างหากจากปลานิลพันธุ์ปกติโดยในขณะนั้นยังไม่มีการศึกษาด้านพันธุกรรมของปลานิลชนิดนี้ ต่อมาในปี พ.ศ.2525 กลุ่มวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสถาบันประมงจ้ำจืดแห่งชาติได้นำลูกปลานิลสีแดงขนาด 2 – 3 เซนติเมตรจำนวน 1,000 ตัวจากสถานีประมงจังหวัดอุบลราชธานีมาเลี้ยงไว้เพื่อทำการคัดพันธุ์และศึกษาวิจัยด้านพันธุกรรมภายใต้โครงการ "พันธุกรรมปลา" ในปี พ.ศ.2527 กรมประมงได้ส่งตัวอย่างปลานิลแดงนี้ไปตรวจสอบพันธุ์ณมหาวิทยาลัยสเตอร์ริงสหราชอาณาจักรและมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์สาธารณรัฐฟิลิปปินส์จากการศึกษาสายพันธุ์โดยการวิเคราะห์ในระดับโปรตีนที่ถูกควบคุมด้วยยีนบางชนิดสรุปได้ว่าปลานิลแดงเป็นปลาลูกผสมระหว่างปลานิลกับปลาหมอเทศซึ่งมีความถึ่ของยีนที่ศึกษาในครั้งนั้นเป็นของปลานิล 78 เปอร์เซ็นต์ปลาหมอเทศ 22 เปอร์เซ็นต์และมีลักษณะของโครโมโซมใกล้เคียงกับปลาหมอเทศและปลานิลซึ่งสอดคล้องกับลักษณะภายนอกของปลานิลแดงที่ปรากฏว่าคล้ายคลึงกับปลานิลและปลาหมอเทศคือมีปากเฉียงขึ้นคล้ายปลาหมอเทศและลักษณะลำตัวคล้ายปลานิลซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามมกุฏราชกุมารีได้ทรงพระราชทานชื่อปลาชนิดนี้ว่า "ปลานิลสีแดง" แต่มักจะเรียกกันว่า "ปลานิลแดง"ชีววิทยาของปลานิล ปลานิลมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Oreochromis niloticus (ชัน) มีริมฝีปากบนและล่างเสมอกันบริเวณแก้มมีเกล็ดลำตัวมีสีเขียวปนน้ำตาลและมีลาดพาดขวาง 4 แถว 9-10 แถบครีบหลังครีบก้นและครีบหางมีจุดขาวและเส้นสีดำตัดขวางครีบหลังมีอันเดียวประกอบด้วยก้านครีบแข็ง 15-18 อันและก้านครีบอ่อน 12-14 อันครีบก้นมีก้านครีบแข็ง 3 อันและก้านครีบอ่อน 12 – 14 อันบนแถบเส้นข้างลำตัวมีเกล็ด 33 เกล็ดและจากเส้นข้างลำตัวลงมาถึงแนวส่วนหน้าของครีบก้น 13 เกล็ดลำตัวมีสีเขียวปนน้ำตาลตรงกลางเกล็ดมีสีเข้มที่กระดูกแก้มมีจุดสีเข้มอยู่1 จุดปลานิลมีนิสัยชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงมีความอดทนและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดีมีอุปนิสัยกินอาหารทั้งพืชและสัตว์สามารถกินแพลงก์ตอนพืชแพลงก์ตอนสัตว์ซากอินทรีย์และอนินทรีย์ที่เน่าเปื่อยรวมทั้งจุลินทรีย์และพืชน้ำต่าง ๆ เป็นปลาที่กินอาหารในเวลากลางวันและอยุดกินอาหารในเวลากลางคืนกินอาหารได้ทั้งที่ผิวน้ำกลางน้ำและก้นบ่อความแตกต่างระหว่างเพศแล
การแปล กรุณารอสักครู่..

ปลานิลประวัติในห้างหุ้นส่วนจำกัดประเทศไทย
เมื่อการธนาคารวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2508 สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตเมื่อ ครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศมกุฏราชกุมารแห่งประเทศญี่ปุ่นได้น้อมเกล้าฯถวายปลาน้ำจืดในตระกูลทิลาเปีย (ปลานิล) จำนวน 50 ตัวแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในระยะแรก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯให้นำปลาดัง กล่าวไปเลี้ยงในบ่อซีเมนต์บริเวณพระตำหนักสวนจิตรลดาพระราชวังดุสิตต่อจากนั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ย้ายปลาลงเลี้ยงในบ่อดินและต่อมาในเวลาประมาณ 5 เดือนเศษปรากฏว่าใน บ่อที่เลี้ยงมีลูกปลาเกิดขึ้นเป็น จำนวนมากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ขุดบ่อดินเพิ่มขึ้นเป็น 6 บ่อเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. พ.ศ. 2508 ได้ทรงปล่อยปลาลงเลี้ยงในบ่อ เหล่านั้นด้วยพระองค์เองและได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เจ้าหน้าที่กรมประมงทำการตรวจสอบการเจริญเติบโตของปลาทุกเดือนซึ่งผลการตรวจสอบพบว่าปลาชนิดนี้เจริญเติบโตได้รวดเร็วมาก มีขนาดเฉลี่ยถึง 178.8 กรัมในระยะเวลา 6 เดือนระเบียน
สมเด็จที่คุณพระจักรพรรดิคุณอากิฮิโตได้น้อมเกล้าฯถวายปลานิล
แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคุณทรงที่คุณพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานลูกปลานิลแก่ผู้แต่ง: กรมประมงเพื่อนำไปขยายออกพันธุ์
ในห้างหุ้นส่วนจำกัดการธนาคารวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานลูกปลาดังกล่าวขนาดความยาว 3-5 เซนติเมตรจำนวน 10,000 ตัวจากบ่อดินในบริเวณพระตำหนัก สวนจิตรลดาแก่กรมประมงเพื่อนำไปขยายพันธุ์ ณ แผนกทดลองและเพาะ เลี้ยงในบริเวณเกษตรกลางบางเขนจังหวัดพระนคร และสถานีประมงต่างๆ 15 แห่งทั่วราชอาณาจักรเพื่อให้ดำเนินการ เพาะเลี้ยงขยายพันธุ์พร้อมกันและได้พระราชทานชื่อปลาชนิดนี้ว่า "ปลานิล"
เมื่อปลานิลแพร่ขยายพันธุ์ออกไป ได้มากเพียงพอ แล้วกรมประมงจึงได้แจกจ่ายพันธุ์ปลา นิลให้แก่ราษฎรเพื่อนำไปเพาะเลี้ยงตามความต้องการและกรมประมงได้กำหนดให้วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2510 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดระยะเวลา 1 ปี 5 เดือนนับ แต่วัน ที่กรมประมงได้รับพระราชทานปลานิล มาเป็นวันแจก "ปลานิลพระราชทาน" ให้แก่ราษฎรโดยในระหว่างวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2510 ถึงเดือนกันยายน พ.ศ. 2513 รวมระยะเวลาประมาณ 3 ปีกรมประมงได้แจกจ่าย พันธุ์ปลานิลไปเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 5,093,900 คุณตัว
อนึ่งหลังจากที่ได้พระราชทานปลานิลให้แก่ผู้แต่ง: กรมประมงเพื่อนำไปเพาะขยายออกพันธุ์แล้วยังได้คุณทรงที่คุณพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ผู้แต่ง: กรมประมงนำออกพันธุ์ปลานิลที่คุณทรงเพาะไว้ไปแจกจ่ายแก่ราษฎร อีกเป็นประจำทุกเดือนจนถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2512 รวมเป็นพันธุ์ปลาทั้งสิ้น 92,269 ตัวแม้กระนั้นก็ดีจำนวนพันธุ์ปลานิล ที่ได้ยังไม่เพียงพอแก่ความต้องการของพสกนิกรที่ต้องการนำพันธุ์ปลานี้ไปเพาะเลี้ยงโดยเฉพาะที่แผนก ทดลองและเพาะเลี้ยงในบริเวณเกษตรกลาง บางเขนได้มีราษฎรมาติดต่อขอรับพันธุ์ปลานิลเดือนละไม่ต่ำกว่า 100,000 ตัวความทราบถึงใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจึงได้ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ขุดบ่อขนาดใหญ่ในสวนจิตรลดาเพื่มขึ้นอีก 1 บ่อ ช่วยเร่งเพื่อผลิตออกพันธุ์ปลานิลให้เพียงพอแก่ความสามารถต้องการของพสกนิกรของพระองค์ต่อไป
ต่อมาในห้างหุ้นส่วนจำกัดปี พ.ศ. 2527 ได้ทำการปรับปรุงบ่อให้มีขนาดใหญ่ ขึ้น แต่จำนวนลดลงเหลือเพียง 7 บ่อและได้ใช้ในการผลิต พันธุ์ปลานิลซึ่งนับว่าเป็นปลา นิลสายพันธุ์แท้พันธุ์หนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกในนามว่า "ปลานิลสายพันธุ์จิตรลดา"
ปลานิลแดง
นอกจากปลานิลคุณสายออกพันธุ์ทั่วไปการแล้วยังมีปลาที่มีลักษณะคล้ายปลานิล แต่มีสีแดงซึ่งปัจจุบันนี้เกษตรกร โดยเฉพาะในภาคกลางและภาคเหนือได้ทำการเพาะเลี้ยงปลานิลควบคู่ไปกับปลานิลสีแดงต้นกำเนิดปลานิลแดงของไทยนั้นได้มีการพบครั้งแรกในราวปี พ.ศ. 2511 ณ จังหวัดอุบลราชธานีโดยนักวิชาการประมงของ สถานีประมงจังหวัดอุบลราชธานีและเกษตรกรในจังหวัดนั้นได้ปลานิลแดงปะปนอยู่ในบ่อเลี้ยงปลานิลนักวิชาการประมงประจำสถานีฯ จึงได้ทำการคัดเลือกปลานิลที่มีสีแดงทั้งตัวแยกเพาะเลี้ยง ต่างหากจากเนชั่ไว้ปลานิลออกพันธุ์ปกติโดยในห้างหุ้นส่วนจำกัดขณะนั้นยังไม่มีหัวเรื่อง: การศึกษาเป็นด้านพันธุกรรมของปลานิลชนิดนี้
ต่อมาในห้างหุ้นส่วนจำกัดปี พ.ศ. 2525 กลุ่มวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสถาบัน ประมงจ้ำจืดแห่งชาติได้นำลูกปลานิลสีแดง ขนาด 2-3 เซนติเมตรจำนวน 1,000 ตัวจากสถานีประมงจังหวัดอุบลราชธานีมาเลี้ยง ไว้เพื่อทำการคัดพันธุ์และศึกษาวิจัยด้านพันธุกรรมภายใต้โครงการ "พันธุกรรมปลา" ในปี พ.ศ. 2527 กรมประมงได้ส่งตัวอย่างปลานิลแดง นี้ไปตรวจ สอบพันธุ์ ณ มหาวิทยาลัยสเตอร์ริง สหราชอาณาจักรและมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์สาธารณรัฐฟิลิปปินส์จากการศึกษาสายพันธุ์โดยการวิเคราะห์ในระดับโปรตีนที่ถูกควบคุมด้วยยีนบางชนิดสรุปได้ว่าปลานิลแดงเป็นปลาลูกผสมระหว่างปลานิลกับปลาหมอเทศซึ่ง มีความถึ่ของยีนที่ศึกษาใน ครั้งนั้นเป็นของปลานิล 78 เปอร์เซ็นต์ปลาหมอเทศ 22 เปอร์เซ็นต์และมีลักษณะของโครโมโซมใกล้เคียง กับปลาหมอเทศและปลานิลซึ่งสอดคล้องกับลักษณะภายนอกของปลานิลแดงที่ปรากฏว่าคล้ายคลึงกับปลานิลและ ปลาหมอเทศคือมีปากเฉียงขึ้นคล้าย ปลาหมอเทศและลักษณะลำตัวคล้ายปลานิลซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามมกุฏราชกุมารีได้ทรงพระราชทานชื่อปลาชนิดนี้ว่า "ปลานิลสีแดง" แต่มักจะเรียกกัน ว่า "ปลานิลแดง"
ชีววิทยาของปลานิล
ปลานิลมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าปลานิล (Linn.) มีริมฝีปากบนและล่างเสมอกันบริเวณ แก้มมีเกล็ด 4 แถวลำตัวมีสีเขียวปน น้ำตาลและมีลาดพาดขวาง 9- 10 แถบครีบหลังครีบก้นและครีบหาง มีจุดขาวและเส้นสีดำตัดขวางครีบหลังมีอันเดียวประกอบด้วยก้านครีบแข็ง 15-18 อันและก้านครีบอ่อน 12-14 อันครีบก้นมีก้านครีบแข็ง 3 อันและก้านครีบ อ่อน 12-14 อันบนแถบเส้นข้างลำตัวมี เกล็ด 33 เกล็ดและจากเส้นข้างลำตัวลง มาถึงแนวส่วนหน้าของครีบก้น 13 เกล็ดลำตัวมีสีเขียวปน น้ำตาลตรงกลางเกล็ดมีสีเข้มที่กระดูกแก้มมี จุดสีเข้มอยู่ 1 จุดปลานิลมีนิสัยชอบอยู่รวม กันเป็นฝูงมีความอดทนและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆได้ดีมีอุปนิสัยกินอาหารทั้งพืชและสัตว์สามารถกินแพลงก์ตอนพืชแพลงก์ตอนสัตว์ซากอินทรีย์และ คุณนินทหนังสืออรีย์ที่เน่าเปื่อยรวมทั้งจุลินทรีย์และพืชต่างๆคุณน้ำเป็นปลาที่กินอาหารในห้างหุ้นส่วนจำกัดเวลากลางวันและหนังสืออยุดกินอาหารในห้างหุ้นส่วนจำกัดเวลากลางคืนกินอาหารได้ทั้งที่ผิวน้ำกลางและคุณน้ำก้นบ่อ
ความสามารถแตกต่างระหว่างเพศแล
การแปล กรุณารอสักครู่..
