Twin and adoption studies indicate

Twin and adoption studies indicate that both conduct disorder and oppositional defiant disorder are heritable.

For example, one study of 1,116 pairs of 5-year-old twins found that 82 percent of the variability in conduct disorder was due to genetic factors.

Genetics appears to play a particularly strong role in conduct disorder that begins in early childhood.

Several specific genes have been associated with an increased risk of conduct disorder and oppositional defiant conduct, primarily genes involved in the regulation of the neurotransmitters dopamine, serotonin, and norepinephrine.

One study found an interaction between childhood maltreatment (including physical and sexual abuse as well as neglect) and the MAOA gene, which encodes an enzyme that metabolizes dopamine, serotonin, and norepinephrine.

Children who both were maltreated and had the abnormal variant of the MAOA gene were especially likely to develop conduct disorder.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คู่และยอมรับการศึกษาระบุว่า ความประพฤติผิดปกติและโรค oppositional defiant heritable ตัวอย่าง 1,116 คู่แฝด 5 ปีการศึกษาหนึ่งพบว่า ร้อยละ 82 ของความแปรผันในโรคปฏิบัติได้เนื่องจากปัจจัยทางพันธุกรรมพันธุศาสตร์ปรากฏบทบาทแข็งแกร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งระเบียบปฏิบัติที่เริ่มต้นในปฐมวัย ยีนหลายเฉพาะได้สัมพันธ์กับความเสี่ยงของโรคความประพฤติและจรรยาบรรณ defiant oppositional ยีนเกี่ยวข้องกับระเบียบของโดพามีน neurotransmitters, serotonin และ norepinephrine เป็นหลัก การศึกษาหนึ่งพบการโต้ตอบระหว่าง maltreatment วัยเด็ก (รวมถึงการถูกล่วงละเมิดทางเพศ และทางกายภาพตลอดจนละเลย) และยีน MAOA ซึ่งเอนไซม์ที่ metabolizes โดปามีน serotonin และ norepinephrine จแมปเด็กที่ถูก maltreated และมีตัวแปรที่ผิดปกติของยีน MAOA ดังกล่าวอาจพัฒนาดำเนินโรคได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คู่และการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมทั้งความผิดปกติของพฤติกรรมและความผิดปกติท้าทายตรงข้ามมีทางพันธุกรรมตัวอย่างเช่นการศึกษาหนึ่งใน 1,116 คู่ฝาแฝด 5 ปีพบว่า 82 เปอร์เซ็นต์ของความแปรปรวนในความผิดปกติของการปฏิบัติที่เป็นผลมาจากปัจจัยทางพันธุกรรมพันธุศาสตร์ปรากฏ มีบทบาทที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในความผิดปกติของการปฏิบัติที่จะเริ่มขึ้นในวัยเด็กยีนที่เฉพาะเจาะจงหลายคนได้รับการเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของความผิดปกติของพฤติกรรมและความประพฤติท้าทายฝ่ายตรงข้ามมียีนส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับกฎระเบียบของสารสื่อประสาทโดปามีน, serotonin และ norepinephrine หนึ่งการศึกษา พบปฏิสัมพันธ์ระหว่างการกระทำผิดในวัยเด็ก (รวมถึงการทำร้ายร่างกายและทางเพศรวมทั้งการละเลย) และยีน MAOA ซึ่งเข้ารหัสเอนไซม์ที่ metabolizes dopamine, serotonin และ norepinephrine เด็กที่ทั้งสองกำลังประทุษร้ายและมีความแตกต่างที่ผิดปกติของยีน MAOA มี โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวโน้มที่จะพัฒนาความผิดปกติของการปฏิบัติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แฝด และการยอมรับจากการศึกษาพบว่า ทั้งสองและต่อต้านโรคความประพฤติผิดปกติตรงข้ามจะสามารถ .

เช่น การศึกษาหนึ่งพบว่า คู่ฝาแฝด วัย 5 ขวบ และ 82 เปอร์เซ็นต์ของความแปรปรวนในความประพฤติผิดปกติเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรม .

พันธุศาสตร์ปรากฏมีบทบาทที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในความประพฤติผิดปกติที่เริ่มขึ้นในเด็กปฐมวัย

ยีนที่เฉพาะเจาะจงหลาย มีการเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรค พฤติกรรมและความประพฤติตรงข้ามต่อต้านเป็นยีนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมของสารสื่อประสาทโดปามีน เซโรโทนิน และนอร์อิพิเนฟริน .

หนึ่งการศึกษาพบว่าปฏิสัมพันธ์ระหว่างวัยเด็ก การระลึกได้ ( รวมทั้งทางกายภาพและล่วงละเมิดทางเพศ ตลอดจนละเลย ) และยีนส์ m.a.o.a . ,ที่ encodes เอนไซม์ที่เผาผลาญสารโดปามีน เซโรโทนิน และนอร์อิพิเนฟริน

เด็กทั้งสองถูก maltreated และมีการแปรของยีนส์ m.a.o.a . โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีแนวโน้มที่จะพัฒนาความประพฤติผิดปกติ .