The collection efficiency is thus d

The collection efficiency is thus directly proportional to particle velocity. Eq. (2) also shows that the collection efficiency increases for narrow fibers. This makes sense, as particles leaving the streamlines are more likely to hit the string near the edges (Fig. 2c).
In order to further appreciate the importance of particle velocity on collection efficiency, we can write the number of particles collected per time as
equation(3)
Nt=dfLCpEcu=LCpa2u2,

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คอลเลกชันประสิทธิภาพจึงเป็นสัดส่วนโดยตรงกับความเร็วของอนุภาค Eq. (2) แสดงว่า ประสิทธิภาพการเพิ่มสำหรับเส้นใยแคบด้วย นี้ทำให้รู้สึก เป็นอนุภาคที่ออกจากตัวช่วยมีแนวโน้มที่จะตีสายใกล้ขอบ (รูป 2 c)เพื่อชื่นชมความสำคัญของความเร็วของอนุภาคบนประสิทธิภาพเพิ่มเติม เราสามารถเขียนจำนวนอนุภาคต่อเวลาเป็นการเก็บรวบรวมequation(3)Nt = dfLCpEcu = LCpa2u2

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประสิทธิภาพการใช้คอลเลกชันจึงเป็นสัดส่วนโดยตรงกับความเร็วของอนุภาค อีคิว (2) นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าคอลเลกชันเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับเส้นใยแคบ นี้ทำให้รู้สึกเป็นอนุภาคออกคล่องตัวมีแนวโน้มที่จะตีสตริงใกล้ขอบ (รูป. 2C).
เพื่อเป็นการชื่นชมความสำคัญของความเร็วอนุภาคที่มีต่อประสิทธิภาพการเก็บรวบรวมการเราสามารถเขียนจำนวนของอนุภาคที่เก็บรวบรวมต่อครั้งเป็น
สมการ (3)
Nt = = dfLCpEcu LCpa2u2,

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คอลเลกชันที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสัดส่วนโดยตรงกับความเร็วของอนุภาค อีคิว ( 2 ) ยังแสดงให้เห็นว่าคอลเลกชันเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับเส้นใยที่แคบ นี้จะทำให้ความรู้สึก เป็นอนุภาคออกจากลูกค้ามีแนวโน้มที่จะตีใกล้ขอบเชือก ( รูปที่ 2 )เพื่อส่งเสริมคุณค่าความสำคัญของความเร็วของอนุภาคประสิทธิภาพการเก็บ เราสามารถเขียนหมายเลขของอนุภาคสะสมต่อครั้งเป็นสมการ ( 3 )nt = = lcpa2u2 dflcpecu ,