Other effects of deforestationFores

Other effects of deforestation
Forests are complex ecosystems that affect almost every species on the planet. When they are degraded, it can set off a devastating chain of events both locally and around the world.

Loss of species: Seventy percent of the world’s plants and animals live in forests and are losing their habitats to deforestation, according to National Geographic. Loss of habitat can lead to species extinction. It also has negative consequences for medicinal research and local populations who rely on the animals and plants in the forests for hunting and medicine.

Water cycle: Trees are important to the water cycle. They absorb rain fall and produce water vapor that is released into the atmosphere. Trees also lessen the pollution in water, according to the North Carolina State University, by stopping polluted runoff. In the Amazon, more than half the water in the ecosystem is held within the plants, according to the National Geographic Society.

Soil erosion: Tree roots anchor the soil. Without trees, the soil is free to wash or blow away, which can lead to vegetation growth problems. The WWF states that scientists estimate that a third of the world’s arable land has been lost to deforestation since 1960. After a clear cutting, cash crops like coffee, soy and palm oil are planted. Planting these types of trees can cause further soil erosion because their roots cannot hold onto the soil. "The situation in Haiti compared to the Dominican Republic is a great example of the important role forests play in the water cycle," Daley said. Both countries share the same island, but Haiti has much less forest cover than the Dominican Republic. As a result, Haiti has endured more extreme soil erosion, flooding and landslide issues.

Life quality: Soil erosion can also lead to silt entering the lakes, streams and other water sources. This can decrease local water quality and contribute to poor health in populations in the are

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ลักษณะพิเศษอื่น ๆ ของการทำลายป่าป่าไม้เป็นระบบนิเวศที่ซับซ้อนที่มีผลต่อเกือบทุกชนิดในโลก เมื่อพวกเขาจะเสื่อมโทรม มันสามารถตั้งปิดเรื่องห่วงโซ่ของเหตุการณ์ทั้งในท้องถิ่น และ ทั่วโลกสูญพันธุ์: ร้อยละเจ็ดของพืชและสัตว์ในโลกอาศัยอยู่ในป่า และมีการอยู่อาศัยสูญเสียการทำลายป่า ตามภูมิศาสตร์แห่งชาติ การสูญเสียถิ่นที่อยู่อาจทำให้สปีชีส์สูญพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีผลลบวิจัยยาและประชากรท้องถิ่นที่อาศัยบนต้นไม้ในป่าสำหรับล่าสัตว์และยาสัตว์วัฏจักรของน้ำ: ต้นไม้มีความสำคัญต่อวัฏจักรของน้ำ พวกเขาดูดซับฝนตก และผลิตไอน้ำที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ ต้นไม้ลดมลพิษในน้ำ ยังตามมหาวิทยาลัยรัฐนอร์ทแคโรไลนา โดยหยุดเสียที่ไหลบ่า ในอเมซอน น้ำมากกว่าครึ่งในระบบนิเวศจะจัดขึ้นภายในพืช ตามสมาคมภูมิศาสตร์แห่งชาติ พังทลายของดิน: รากต้นไม้ยึดดิน ไม่ มีต้นไม้ ดินไม่ล้าง หรือพัดไป ซึ่งสามารถนำไปสู่ปัญหาการเจริญเติบโตของพืช WWF ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ได้ประมาณการว่า หนึ่งในสามของที่ดินเพาะปลูกของโลกหายไปทำลายป่าตั้งแต่ 1960 หลังจากตัดที่ชัดเจน มีปลูกพืชเงินสดเช่นกาแฟ ถั่วเหลือง และน้ำมันปาล์ม ปลูกต้นไม้ชนิดนี้สามารถทำเพิ่มเติมการพังทลายของดินเนื่องจากรากของพวกเขาไม่สามารถเก็บลงในดิน Daley กล่าวว่า "สถานการณ์ในเฮติเมื่อเทียบกับสาธารณรัฐโดมินิกันเป็นตัวอย่างที่ดีของเล่นป่าสำคัญในวัฏจักรของน้ำ ทั้งสองประเทศร่วมกันเกาะเดียวกัน แต่เฮติมีป่ามากน้อยกว่าสาธารณรัฐโดมินิกัน ดัง เฮติได้ทนการกัดเซาะดินมาก ปัญหาน้ำท่วมและดินถล่มเพิ่มเติมคุณภาพชีวิต: การพังทลายของดินยังอาจ silt ป้อนทะเลสาบ ลำธาร และแหล่งน้ำอื่น ๆ ได้ นี้สามารถลดคุณภาพน้ำภายใน และช่วยให้สุขภาพในประชากรในมี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผลกระทบอื่น ๆ
ของการตัดไม้ทำลายป่าป่าที่มีระบบนิเวศที่ซับซ้อนที่ส่งผลกระทบต่อเกือบทุกชนิดบนโลก เมื่อพวกเขาถูกสลายก็สามารถตั้งปิดห่วงโซ่กระทบของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและทั่วโลก. การสูญเสียของสายพันธุ์: เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของพืชของโลกและสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าและมีการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกเขาไปตัดไม้ทำลายป่าตามเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก การสูญเสียที่อยู่อาศัยสามารถนำไปสู่การสูญพันธุ์ชนิด นอกจากนี้ยังมีผลกระทบเชิงลบสำหรับการวิจัยยาและประชากรท้องถิ่นที่พึ่งพาสัตว์และพืชในป่าสำหรับการล่าสัตว์และยารักษาโรค. วงจรน้ำ: ต้นไม้มีความสำคัญต่อวัฏจักรของน้ำ พวกเขาดูดซับฝนตกและผลิตไอน้ำที่จะถูกปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศ ต้นไม้ยังช่วยลดมลพิษในน้ำตามที่ North Carolina State University, โดยการหยุดการไหลบ่านเปื้อน ใน Amazon มากกว่าครึ่งหนึ่งของน้ำในระบบนิเวศที่จะจัดขึ้นภายในโรงงานตามที่สมาคมภูมิศาสตร์แห่งชาติ. การพังทลายของดิน: รากของต้นไม้ยึดดิน โดยไม่ต้องต้นไม้ดินมีอิสระที่จะล้างหรือพัดไปซึ่งสามารถนำไปสู่ปัญหาการเจริญเติบโตของพืช สากลระบุว่านักวิทยาศาสตร์คาดว่าในสามของที่ดินทำกินของโลกที่ได้รับการตัดไม้ทำลายป่าหายไปตั้งแต่ปี 1960 หลังจากที่มีการตัดชัดเจนพืชเศรษฐกิจเช่นกาแฟถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มที่มีการปลูก ปลูกเหล่านี้ประเภทของต้นไม้ที่สามารถทำให้เกิดการพังทลายของดินต่อไปเพราะรากของพวกเขาไม่สามารถถือลงบนดิน "สถานการณ์ในเฮติเมื่อเทียบกับสาธารณรัฐโดมินิกันเป็นตัวอย่างที่ดีของป่าบทบาทสำคัญในการเล่นในวัฏจักรของน้ำ" เลย์กล่าวว่า ทั้งสองประเทศร่วมเกาะเดียวกัน แต่เฮติมีป่าปกคลุมน้อยกว่าสาธารณรัฐโดมินิกัน เป็นผลให้เฮติได้ทนพังทลายของดินมากขึ้นน้ำท่วมและปัญหาดินถล่ม. คุณภาพชีวิต: การพังทลายของดินนอกจากนี้ยังสามารถนำไปสู่การเข้าตะกอนทะเลสาบลำธารและแหล่งน้ำอื่น ๆ นี้สามารถลดคุณภาพน้ำในท้องถิ่นและนำไปสู่สุขภาพที่ไม่ดีในประชากรในเป็น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผลของการตัดไม้ทำลายป่า
ป่าเป็นระบบนิเวศที่ซับซ้อนส่งผลกระทบต่อเกือบทุก ชนิด บนโลก เมื่อพวกเขาจะย่อยสลาย มันสามารถตั้งค่าปิดห่วงโซ่ของเหตุการณ์รุนแรงทั้งในประเทศและทั่วโลก

ขาดทุนชนิด : ร้อยละเจ็ดสิบของโลกของพืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่า และการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกเขาเพื่อการตัดไม้ทำลายป่า จาก National Geographicการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยสามารถนำไปสู่การสูญพันธ์ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบในเชิงลบสำหรับสมุนไพรวิจัยและประชากรท้องถิ่นที่อาศัยพืชและสัตว์ในป่าเพื่อล่าสัตว์ และ ยา

น้ำรอบ ต้นไม้มีความสําคัญต่อวัฏจักรของน้ำ พวกเขาดูดซับน้ำฝนที่ตกลงมา และผลิตไอน้ำที่ปล่อยออกสู่บรรยากาศ ต้นไม้ยังช่วยลดมลพิษในน้ำตาม North Carolina State University โดยหยุดเสียน้ำท่า ใน Amazon มากกว่าครึ่งหนึ่งของน้ำในระบบนิเวศที่จัดขึ้นภายในพืช ตามที่สมาคมภูมิศาสตร์แห่งชาติ

การพังทลายของดิน : ต้นไม้รากยึดดิน ไม่มีต้นไม้ ดิน ฟรีล้างหรือระเบิดออกไป ซึ่งสามารถนำไปสู่ปัญหาการเจริญเติบโตของพืชWWF ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ประมาณการว่าหนึ่งในสามของที่ดินเพาะปลูกของโลกได้สูญเสียป่าไม้ตั้งแต่ 1960 . หลังจากตัดชัดเจน พืชเศรษฐกิจ เช่น กาแฟ ถั่วเหลือง และปาล์มน้ำมัน ปลูก . การเหล่านี้ชนิดของต้นไม้สามารถก่อให้เกิดการพังทลายของดินอีก เพราะรากไม่สามารถยึดดิน" สถานการณ์ในเฮติเมื่อเทียบกับสาธารณรัฐโดมินิกันเป็นตัวอย่างที่ดีของป่าบทบาทที่สำคัญเล่นในวัฏจักรของน้ำ " ดาลีกล่าว ทั้งสองประเทศร่วมเกาะเดียวกัน แต่เฮติได้ครอบคลุมพื้นที่ป่ามากน้อยกว่าสาธารณรัฐโดมินิกัน เป็นผลให้เฮติได้ทนต่อการชะล้างพังทลายของดินรุนแรงมากขึ้น , น้ำท่วมและปัญหาดินถล่ม คุณภาพชีวิต

:การชะล้างพังทลายของดิน สามารถนำพวกเขาเข้าทะเลสาบ ลำธารและแหล่งน้ำอื่น ๆ นี้สามารถลดคุณภาพน้ำในท้องถิ่นและนำไปสู่สุขภาพที่ไม่ดี ในประชากรที่เป็น