The brewing industry's capacity uti

The brewing industry's capacity utilization had hovered in the 60% range in the 1950s
because of stagnant demand. It increased in the 1960s and early 1970s as demand rose rapidly:
the large brewers, particularly Anheuser-Busch and Schlitz, added relatively large breweries and
sold them out quickly; many smaller breweries were closed. The industry's capacity utilization
peaked in the mid-1970s at close to 90%. In the late 1970s, capacity surged despite stagnant
demand. Miller's expansions were the most aggressive, but the other national brewers also moved
to tap economies of scale. For instance, only four out of Anheuser-Busch's ten breweries
exceeded four million barrels apiece in 1977; by 1985, all eleven of its breweries cleared that
hurdle. Capacity utilization dropped toward 80% and stayed at that level throughout the 1980s.
In 1984, excess capacity in the East forced Miller to take a $280 million pretax write-off on a
nearly completed 10-million-barrel brewery in Ohio that it had intended to open in 1982.Exhibit 1 depicts changes in breweries' actual capacities since the late 1950s, and Exhibit
2 summarizes the production configurations of the major U.S. brewers in 1985. By that time, all
of them except Coors operated several breweries apiece. Multiplant configurations reduced the
risk of catastrophic shutdowns due to strikes, fires or explosions, permitted centralized production
of low-volume packages (which increased run lengths), and let brewers absorb the output
repercussions of a large new brewery over several existing ones.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การใช้ประโยชน์กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมศึกษามีโฮเวอร์ในช่วง 60% ในช่วงทศวรรษ 1950เพราะศิลปินต้องการ จะเพิ่มขึ้นในช่วงปี 1960 และต้นทศวรรษ 1970 เป็นความต้องการกุหลาบอย่างรวดเร็ว:brewers ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุชค์ราคา Anheuser และ Schlitz เพิ่มเบียร์ค่อนข้างมาก และขายออกได้อย่างรวดเร็ว โรงเบียร์ขนาดเล็กมากถูกปิด การใช้ประโยชน์กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมpeaked ในในกลางทศวรรษ 1970 ที่ใกล้กับ 90% ในปลายทศวรรษที่ 1970 กำลังการผลิตจากเพิ่มขึ้นแม้ มีศิลปินความต้องการ ขยายของมิลเลอร์ถูกก้าวร้าวที่สุด แต่ยังย้าย brewers ชาติอื่น ๆเคาะเศรษฐกิจของขนาด เช่น เพียง 4 จากเบียร์ Anheuser-บุชค์ราคาของ 10เกินคนละ 4 ล้านบาร์เรลใน 1977 โดย 1985 ทั้งหมด 43 ของเบียร์ที่ไม่เลือกที่รั้วกระโดดข้าม ใช้ประโยชน์กำลังการผลิตลดลงไป 80% และระดับนั้นตลอดทศวรรษ 1980ในปี 1984 กำลังการผลิตส่วนเกินในภาคตะวันออกบังคับมิลเลอร์จะตัดจ่ายเป็น pretax 280 ล้านดอลลาร์ในการโรงกลั่นเบียร์ 10 ล้านบาร์เรลเกือบสมบูรณ์ในรัฐโอไฮโอที่มันมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดใน 1982.Exhibit 1 แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในเบียร์ผลิตจริงตั้งแต่ปลาย และแสดง2 สรุปค่าผลิตของ brewers สหรัฐรายใหญ่ในปี 1985 โดยที่เวลา ทั้งหมดพวกเขายกเว้น Coors ดำเนินเบียร์หลายคนละ กำหนดค่า multiplant ลดการความเสี่ยงรุนแรงปิดเนื่องจากการนัดหยุดงาน ไฟไหม้หรือระเบิด ได้รับอนุญาตให้ผลิตจากส่วนกลางแพคเกจต่ำระดับเสียง (ซึ่งเพิ่มความยาวทำงาน), และปล่อยให้ brewers ดูดซับผลผลิตร้ายของโรงกลั่นเบียร์ใหม่ขนาดใหญ่กว่าอยู่หลาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมการผลิตเบียร์ได้วนเวียนอยู่ในช่วง 60% ในปี 1950
เนื่องจากความต้องการที่ซบเซา มันที่เพิ่มขึ้นในทศวรรษที่ 1960 และต้นปี 1970 ขณะที่ความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว:
ผู้ผลิตเบียร์ขนาดใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Anheuser-Busch และชลิตซ์เพิ่มเบียร์ที่ค่อนข้างใหญ่และ
ขายพวกเขาออกไปอย่างรวดเร็ว; โรงเบียร์ขนาดเล็กจำนวนมากถูกปิด ใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรม
แหลมในกลางปี ​​1970 ที่ใกล้เคียงกับ 90% ในช่วงปลายปี 1970 ที่กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นแม้จะมีความนิ่ง
ความต้องการ ขยายมิลเลอร์เป็นคนก้าวร้าวมากที่สุด แต่เบียร์ชาติอื่น ๆ ก็ย้าย
ไปแตะการประหยัดจากขนาด ยกตัวอย่างเช่นเพียงสี่จาก Anheuser-Busch สิบเบียร์
เกินสี่ล้านบาร์เรลละในปี 1977; โดยปี 1985 ทั้งหมดสิบเอ็ดของเบียร์ของเคลียร์ว่า
อุปสรรค์ ใช้กำลังการผลิตลดลงไปสู่ ​​80% และอยู่ในระดับที่ตลอดปี 1980.
ในปี 1984 กำลังการผลิตส่วนเกินในตะวันออกบังคับมิลเลอร์ที่จะใช้ $ 280,000,000 ก่อนหักภาษีตัดบน
เสร็จเกือบโรงเบียร์ 10 ล้านบาร์เรลในรัฐโอไฮโอว่าได้ตั้งใจ จะเปิดใน 1982.Exhibit 1 แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในโรงเบียร์ 'ความสามารถที่เกิดขึ้นจริงตั้งแต่ปลายปี 1950 และจัดแสดง
2 สรุปการกำหนดค่าการผลิตของผู้ผลิตเบียร์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐในปี 1985 โดยในเวลานั้นทุก
คนยกเว้นคูร์สที่ดำเนินการโรงงานผลิตเบียร์หลายคนละ การกำหนดค่า Multiplant ลด
ความเสี่ยงของการปิดภัยพิบัติอันเนื่องมาจากการนัดหยุดงาน, การเกิดเพลิงไหม้หรือระเบิดได้รับอนุญาตการผลิตจากส่วนกลาง
ของแพคเกจปริมาณต่ำ (ซึ่งเพิ่มขึ้นทำงานยาว) และให้ผู้ผลิตเบียร์ดูดซับผลผลิต
ผลกระทบของโรงเบียร์ใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าคนที่มีอยู่หลาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมมีเบียร์อยู่ในช่วงร้อยละ 60 ในปี 1950
เพราะอุปสงค์ซบเซา มันเพิ่มขึ้นในทศวรรษที่ 1960 และต้นทศวรรษ 1970 เนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว :
Anheuser Busch เบียร์ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชลิตส์และเป็นเบียร์ที่ค่อนข้างใหญ่และ
ขายพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว ; breweries ขนาดเล็กจำนวนมากถูกปิด
การใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมแหลมในกลางทศวรรษ 1970 ที่ใกล้ 90 % ในปี 1970 , ความจุเพิ่มขึ้นแม้จะมีความต้องการนิ่ง

มิลเลอร์ก็ขยายเป็นก้าวร้าวมากที่สุด แต่ประเทศอื่นๆที่มีก็ย้าย
เคาะการประหยัดจากขนาด สำหรับอินสแตนซ์ เพียงสี่ของ Anheuser Busch เบียร์
เกิน 10 คนละสี่ล้านบาร์เรลในปี 1977 ; โดย 1985 ทั้งหมดสิบเอ็ดของเบียร์ล้างที่
กีดขวาง .การใช้กำลังการผลิตลดลงไป 80% และอยู่ที่ระดับตลอดทศวรรษ 1980 .
ในปี 1984 กำลังผลิตส่วนเกินในตะวันออกกลางบังคับ มิลเลอร์ไป $ 280 ล้านบาท เติบโตเขียนปิดบน
แล้วเสร็จเกือบ 10 ล้านบาร์เรลเบียร์ในโอไฮโอที่มันตั้งใจจะเปิดในปี 1982 มี 1 แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในเบียร์ที่แท้จริงของความจุ ตั้งแต่ยุค 50 สาย และจัดแสดง
2 สรุปการผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกา Brewers ในปี 1985 โดยเวลาที่พวกเขาดำเนินการทั้งหมด
ยกเว้น Coors เบียร์หลายแต่ละ การกำหนดค่า multiplant ลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
เนื่องจากการนัดหยุดงาน , ไฟไหม้หรือระเบิด ได้รับอนุญาตจากการผลิต
ชุดปริมาณต่ำ ( ซึ่งเพิ่มขึ้นวิ่งยาว ) และปล่อยให้เบียร์ดูดซับผลผลิต
ผลกระทบของโรงเบียร์ขนาดใหญ่ใหม่

ไปหลายอยู่