The Philosophy of Sufficiency Econo

The Philosophy of Sufficiency Economy
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
First and foremost, to create an economic development strategy that is uniquely Thai, it is necessary to understand the special relationship between the people of Thailand and their monarch, His Majesty King Bhumibol Adulyadej. Through his caring leadership, His Majesty has earned the abiding love and profound respect of his people. Through his thinking, he has laid the foundation for and inspired his country’s development strategy.

Since the beginning of his reign, His Majesty has continually worked to enhance the livelihood of the poor. Royally-initiated activities include rural economic development projects, protection of critical natural resources, and resolution of urban problems such as water treatment and traffic.

In the midst of the economic crisis, in December 1997 and again in 1998, His Majesty King Bhumibol Adulyadej reemphasized a concept he has propounded since the 1970s: the philosophy of the “Sufficiency Economy” and urged all Thais to practice it to the greatest extent possible. Sufficiency Economy sets out to shield the Thai people and nation from adverse internal and external shocks by acknowledging the interdependency among people at all levels.

Sufficiency Economy advocates taking the middle path in life as the optimal route for personal conduct at all levels: individuals, families and communities. It counsels moderation, self-reliance, honesty and integrity, while exercising knowledge with prudence.

Sufficiency Economy posits that an individual should be able to lead a reasonably comfortable life without excess or overindulgence in luxury. That is, if extravagance brings happiness it is permissible only as long as it is within the means of the individual. As His Majesty stated in a Royal Speech on December 4, 1998, “If one is moderate in one’s desires, one will have less craving. If one has less craving, one will take less advantage of others. If all nations hold this concept of moderation, without being extreme or insatiable in one’s desire, the world will be a happier place.”

Implications of the Philosophy

According to Medhi Krongkaew, professor of economics at the School of Development Economics, National Institute of Development Administration (NIDA), “The economic crisis of 1997 affected everyone in Thailand, even His Majesty the King. Seeing many of his subjects suffering, he advised the Thai people to change their economic philosophy in order to cope with present economic adversity and withstand future economic insecurity.”[1]

While certainly complementary to the nation’s Buddhist heritage, Sufficiency Economy espouses a secular philosophy. It does not reject either economic theory or economic progress. Neither does it denounce globalization, as some have tried to interpret. Instead, the middle path the king’s philosophy speaks to a lifestyle governed by moderation and resilience.

Professor Medhi comments:

It is possible to see the Sufficiency Economy as consisting of two frameworks. One is the inevitability of facing the globalized world in which economic efficiency and competition are the rules of the game; the other is the need for economic security and the capacity to protect oneself from external shock and instability. Thinking within the first framework—the basic tenet of mainstream economics—we must realise the opportunity costs involved in every decision we make. We gain from specialization and division of labor because the opportunity costs of doing everything by ourselves is much higher. The laws of comparative advantage and gains from trade are at work in today’s world. But it would be foolish to pursue all-out specialization without basic security, especially in food, shelter, and clothing. This is where the framework of the new Sufficiency Economy comes in. This concerns the basic capacity of the people of a country to look after themselves. The optimization principle applies when we seek to answer the question: How much of our time and energy should be devoted to the first and second frameworks, respectively? In other words, how much resources should be allocated to producing for trade based on comparative advantage principle, and how much for basic security? The best mix between the two allocations would represent the optimal state of affairs, both in mainstream and Sufficiency Economics.

In 2001, the Sufficiency Economy Working Group (SEWG) was informally set up jointly between the National Economic and Social Development Board (NESDB) and the Crown Property Bureau to further interpretation of the Philosophy of Sufficiency Economy for application to the development process in Thailand, such as the current 9th National Economic and Social Development Plan.

In sum, Sufficiency Economy is a holistic concept of moderation and contentment. It sets out to shield the people and the country from adverse shocks, and acknowledges interdependency among people at all levels as an approach, against the

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงแรก และสำคัญที่ สุด การสร้างกลยุทธ์การพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นเอกลักษณ์ไทย จำเป็นต้องเข้าใจความสัมพันธ์พิเศษระหว่างคนไทยและพระมหากษัตริย์ของพวกเขา พระบาทสมเด็จพระเจ้าหัวภูมิพลอดุลยเดช โดยนำของเยี่ยม สมเด็จได้รับปฏิบัติรักและเคารพอย่างยิ่งของประชาชน ผ่านความคิดของเขา เขาได้วางพื้นฐาน และกลยุทธ์การพัฒนาของประเทศของเขาเป็นแรงบันดาลใจตั้งแต่ต้นรัชกาล พระได้ทำงานเพื่อการดำรงชีวิตของคนยากจนอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมที่ราชดำริได้แก่โครงการพัฒนาเศรษฐกิจชนบท คุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ และความละเอียดของปัญหาการเมืองเช่นการบำบัดน้ำและการจราจรในท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ ใน 1997 ธันวาคม และอีกครั้งในปี 1998 พระบาทสมเด็จพระเจ้าหัวภูมิพลอดุลยเดช reemphasized เป็นแนวคิดที่เขามี propounded ตั้งแต่ปี 1970: ปรัชญาของ "เศรษฐกิจพอเพียง" และเรียกร้องให้คนไทยทุกคนจะฝึกมันต้องยิ่งใหญ่ที่สุด เศรษฐกิจพอเพียงตั้งค่าออกเพื่อป้องกันคนไทยและประเทศชาติจากแรงกระแทกภายใน และภายนอกที่ไม่พึงประสงค์โดยชี้ความเชื่อมโยงกันระหว่างคนในทุกระดับเศรษฐกิจพอเพียงสนับสนุนการทางสายกลางในชีวิตเป็นกระบวนการที่เหมาะสมสำหรับปฏิบัติส่วนบุคคลทุกระดับ: บุคคล ครอบครัว และชุมชน คำดูแล พึ่งพาตนเอง ความซื่อสัตย์ และความ สมบูรณ์ ในขณะที่ออกกำลังกายความรู้ด้วยความรอบคอบเศรษฐกิจพอเพียง posits ว่า บุคคลควรจะชีวิตพนักงานไม่เกิน หรือ overindulgence ในความหรูหรา คือ ถ้าฟุ่มเฟือยนำสุข ก็อนุญาตเฉพาะตราบอยู่ในหมายของแต่ละบุคคล พระระบุในพระราชดำรัสวันที่ 4 ธันวาคม 2541 "หากเป็นระดับปานกลางในประสงค์ หนึ่งจะมีน้อยอยาก ถ้ามีอยากน้อย หนึ่งจะน้อยกว่าประโยชน์ของผู้อื่น ถ้าทุกประเทศถือแนวคิดกลั่นกรอง ไม่รุนแรง หรือสำเร็จอย่างจริงจังในความต้องการของ โลกจะเป็นความสุข"ผลกระทบของปรัชญาตาม Medhi Krongkaew ศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์ในการพัฒนาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ ชาติสถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (NIDA), "วิกฤตเศรษฐกิจ 2540 ได้ผลทุกคนในประเทศไทย แม้พระบาทสมเด็จพระ เห็นหลายวิชาของเขาทุกข์ทรมาน เขาควรเปลี่ยนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจปัจจุบัน และทนต่อความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจในอนาคตคนไทย" [1]ในขณะที่นอนเสริมมรดกพระพุทธศาสนาของประเทศ เศรษฐกิจพอเพียงสินค้าปรัชญาฆราวาส นอกจากนี้มันไม่ปฏิเสธทฤษฎีเศรษฐกิจหรือเศรษฐกิจ ไม่ได้บอกเลิกโลกาภิวัตน์ ขณะที่บางคนพยายามตีความ แทน ทางสายกลางพระปรัชญาพูดถึงไลฟ์สไตล์การบังคับควบคุมและความยืดหยุ่นศาสตราจารย์ Medhi ความคิดเห็น:มันเป็นไปได้ที่จะเห็นเศรษฐกิจพอเพียงประกอบด้วยกรอบ 2 คือว่าการหันหน้าโลกยุคโลกาภิวัตน์ซึ่งมีประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจและการแข่งขันกฎของเกม อื่น ๆ คือต้องการความปลอดภัยทางเศรษฐกิจและความสามารถที่จะป้องกันตนเองจากการกระแทกภายนอกและความไม่แน่นอน คิดภายใต้กรอบแรก — ทฤษฎีพื้นฐานของเศรษฐศาสตร์กระแสหลักซึ่งเราต้องตระหนักถึงค่าโอกาสในการตัดสินใจทุกที่เราทำ เราได้รับจากความเชี่ยวชาญและแบ่งงานเนื่องจากต้นทุนโอกาสทำทุกอย่างด้วยตนเองมากขึ้น กฎหมายเปรียบเทียบประโยชน์และกำไรจากการค้าทำงานในโลกปัจจุบัน แต่มันจะโง่ต้องการความเชี่ยวชาญทั้งหมดออก โดยไม่มีการรักษาความปลอดภัยพื้นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาหาร พักอาศัย และเสื้อผ้า ที่กรอบของเศรษฐกิจพอเพียงใหม่มาได้ นี้เกี่ยวข้องกับกำลังการผลิตพื้นฐานของคนของประเทศที่การดูแลตัวเอง หลักการเพิ่มประสิทธิภาพใช้เมื่อเราพยายามตอบคำถาม: จำนวนเวลาของเรา และพลังงานควรทุ่มเทเพื่อกรอบ และสอง ตามลำดับ ในคำอื่น ๆ จำนวนทรัพยากรควรปันส่วนการผลิต สำหรับการค้าตามหลักการเปรียบเทียบประโยชน์ และไรความปลอดภัยพื้นฐาน ส่วนผสมดีระหว่างการปันส่วนที่สองจะแสดงสถานะที่เหมาะสมของกิจการ ทั้งในหลักเศรษฐกิจพอเพียงและการในปี 2001 ความพอเพียงประหยัดทำงานกลุ่ม (SEWG) อย่างเป็นผู้ตั้งค่าร่วมกันระหว่างชาติเศรษฐกิจ และคณะกรรมการสังคม (พัฒนาการ) และล้านเพื่อการตีความปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์กระบวนการพัฒนาในประเทศไทย เช่นการปัจจุบัน 9 ชาติสังคมแผนพัฒนาเศรษฐกิจและในผลรวม เศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวคิดแบบองค์รวมดูแลและสุข ตั้งค่าออกเพื่อป้องกันผู้คนและประเทศจากแรงกระแทกที่ไม่พึงประสงค์ และรับทราบความเชื่อมโยงกันระหว่างคนในทุกระดับเป็นวิธี กับการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ครั้งแรกและสำคัญที่สุดในการสร้างกลยุทธ์การพัฒนาทางเศรษฐกิจที่เป็นคนไทยที่ไม่ซ้ำกันก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะเข้าใจความสัมพันธ์พิเศษระหว่างคนไทยและพระมหากษัตริย์ของพวกเขาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ผ่านความเป็นผู้นำการดูแลของเขาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้รับความรักและความเคารพปฏิบัติตามลึกซึ้งของคนของเขา ผ่านความคิดของเขาเขาได้วางรากฐานสำหรับแรงบันดาลใจและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศของเขา. ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำมาหากินของคนยากจน พระราชดำริกิจกรรมรวมถึงโครงการชนบทพัฒนาเศรษฐกิจคุ้มครองทรัพยากรทางธรรมชาติที่สำคัญและความละเอียดของปัญหาที่เกิดขึ้นในเมืองเช่นการบำบัดน้ำและการจราจร. ในท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจในเดือนธันวาคมปี 1997 และอีกครั้งในปี 1998 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช reemphasized แนวคิดที่เขาได้เสนอมาตั้งแต่ปี 1970: ปรัชญาของ "เศรษฐกิจพอเพียง" และกระตุ้นให้คนไทยทุกคนที่จะปฏิบัติให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เศรษฐกิจพอเพียงชุดออกเพื่อป้องกันคนไทยและประเทศชาติจากแรงกระแทกภายในและภายนอกที่ไม่พึงประสงค์โดยยอมรับพึ่งพาในหมู่ประชาชนในทุกระดับ. เศรษฐกิจพอเพียงสนับสนุนการทางสายกลางในชีวิตเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับการดำเนินการส่วนบุคคลในทุกระดับ: บุคคลครอบครัว และชุมชน มันให้คำแนะนำการดูแลการพึ่งพาตนเอง, ความซื่อสัตย์และคุณธรรมในขณะที่การออกกำลังกายความรู้ด้วยความรอบคอบ. เศรษฐกิจพอเพียง posits ว่าแต่ละคนควรจะสามารถที่จะนำไปสู่ชีวิตที่สะดวกสบายพอสมควรโดยไม่ต้องเกินหรือไม่บันยะบันยังในความหรูหรา นั่นคือถ้าฟุ่มเฟือยนำความสุขได้รับอนุญาตเท่านั้นตราบใดที่มันอยู่ในความหมายของแต่ละบุคคล ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงระบุไว้ในพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 1998 ว่า "ถ้าใครอยู่ในระดับปานกลางในความปรารถนาของคนหนึ่งจะมีความอยากน้อย หากมีความอยากน้อยหนึ่งจะใช้ประโยชน์น้อยกว่าของคนอื่น ๆ หากทุกชาติถือแนวคิดนี้ของการดูแลโดยไม่ต้องมากหรือไม่รู้จักพอในความปรารถนาหนึ่งของโลกจะเป็นสถานที่ที่มีความสุข. " ผลกระทบของปรัชญาตามที่เมดีลา Krongkaew, ศาสตราจารย์ทางเศรษฐศาสตร์ที่โรงเรียนเศรษฐศาสตร์การพัฒนาสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนา การบริหาร (นิด้า), "วิกฤติเศรษฐกิจปี 1997 ได้รับผลกระทบทุกคนในประเทศไทยแม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เห็นหลายเรื่องของเขาทุกข์เขาแนะนำให้คนไทยมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจของพวกเขาเพื่อที่จะรับมือกับความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจในปัจจุบันและทนต่อความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจในอนาคต. "[1] ในขณะที่แน่นอนประกอบกับประเทศที่นับถือศาสนาพุทธมรดกเศรษฐกิจพอเพียง espouses ปรัชญาฆราวาส . มันไม่ได้ปฏิเสธทั้งทฤษฎีทางเศรษฐกิจหรือความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ทั้งที่ไม่ได้บอกเลิกโลกาภิวัตน์ขณะที่บางคนได้พยายามที่จะตีความ แต่ทางสายกลางปรัชญาของกษัตริย์พูดถึงวิถีการดำเนินชีวิตภายใต้การดูแลและความยืดหยุ่น. ศาสตราจารย์เมดีลาความคิดเห็น: มันเป็นไปได้ที่จะเห็นเศรษฐกิจพอเพียงเป็นประกอบด้วยสองกรอบ หนึ่งคือความจำเป็นของการหันหน้าไปทางโลกยุคโลกาภิวัตน์ซึ่งประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจและการแข่งขันเป็นกฎของเกมนั้น อื่น ๆ ที่เป็นความจำเป็นในการรักษาความปลอดภัยทางเศรษฐกิจและความสามารถในการป้องกันตัวเองจากการกระแทกภายนอกและความไม่แน่นอน คิดอยู่ในกรอบที่ทฤษฎีพื้นฐานแรกของหลักเศรษฐศาสตร์ที่เราจะต้องตระหนักถึงค่าใช้จ่ายในโอกาสที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจของเราทำให้ทุก เราได้รับจากความเชี่ยวชาญและการแบ่งงานเพราะต้นทุนค่าเสียโอกาสในการทำทุกอย่างด้วยตัวเองมากขึ้น กฎหมายของได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบและกำไรจากการค้าอยู่ที่ทำงานในโลกปัจจุบัน แต่มันจะโง่ที่จะไล่ตามความเชี่ยวชาญทั้งหมดที่ออกโดยไม่ต้องรักษาความปลอดภัยขั้นพื้นฐานโดยเฉพาะในอาหารที่อยู่อาศัยและเครื่องแต่งกาย นี่คือที่กรอบของเศรษฐกิจพอเพียงใหม่มาใน. นี้เกี่ยวข้องกับกำลังการผลิตขั้นพื้นฐานของประชาชนของประเทศที่จะดูแลตัวเอง หลักการเพิ่มประสิทธิภาพใช้เมื่อเราพยายามที่จะตอบคำถาม: เท่าไหร่ของเวลาและพลังงานของเราควรจะทุ่มเทให้กับกรอบแรกและสองตามลำดับ? ในคำอื่น ๆ วิธีทรัพยากรมากควรจะจัดสรรเพื่อการผลิตเพื่อการค้าบนพื้นฐานของหลักการได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบและวิธีการมากสำหรับการรักษาความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน? ผสมที่ดีที่สุดระหว่างสองจัดสรรจะเป็นตัวแทนของรัฐที่ดีที่สุดของกิจการทั้งในกระแสหลักและเศรษฐศาสตร์พอเพียง. ในปี 2001 เศรษฐกิจพอเพียงคณะทำงาน (SEWG) ถูกจัดตั้งเป็นทางการขึ้นร่วมกันระหว่างคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช) และ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์การตีความต่อไปของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสำหรับการประยุกต์ใช้ในการพัฒนาในประเทศไทยเช่นที่ 9 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในปัจจุบัน. ในผลรวมของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวคิดแบบองค์รวมของการดูแลและความพึงพอใจ มันชุดออกไปปกป้องประชาชนและประเทศจากแรงกระแทกที่ไม่พึงประสงค์และยอมรับพึ่งพาในหมู่คนในทุกระดับเป็นวิธีการต่อต้าน