IThe participants were 124 ninth gr

IThe participants were 124 ninth graders (50 male, 74female) from the Demonstration School Chiang Mai University, Thailand. Most of them were 14-15 years old. The questionnaire included the Attitudes toward Mathematics Inventory based on Wade (2014) and The Indiana Mathematics Beliefs Scale based on Kloosterman & Stage (1992). The study was conducted in the second semester of 2015 academic year by administering the questionnaire to all participants from 3 classes of ninth grade students that were randomly selected during one class period. The questionnaire was designed to take 30 minutes. Then, 12 students (6 males, 6 females) with mixed mathematics achievement (4 high, 4 average, and 4 low achievers) were selected to be interviewed about their attitudes and beliefs about mathematics. In data analysis, the data from the attitudes and beliefs scales were used to computed means and standard deviations for each scale. Theses statistical methods were applied to the sample by focusing on all students. Gender differences overall were set for statistical significance using two sample t-tests. Mathematics achievement differences (high, average, and low) were tested for statistical significance using analysis of variance (ANOVA). The data from interviews were analyzed by descriptive analysis.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

IThe คนมีนักเรียน 9 124 (50 ชาย 74female) จากสาธิตโรงเรียนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไทย ส่วนใหญ่มีอายุ 14-15 ปี รวมแบบสอบถามเจตคติวิชาคณิตศาสตร์ในคงคลังลุย (2014) และ Indiana คณิตศาสตร์ความเชื่อขนาดตาม Kloosterman และเวที (1992) ดำเนินการวิจัยในภาคเรียนที่สองของปีการศึกษา 2015 โดยดูแลแบบสอบถามให้ผู้เข้าร่วมทั้งหมดจาก 3 ชั้นของนักเรียนเกรด 9 ที่ถูกสุ่มเลือกช่วงชั้นหนึ่ง แบบสอบถามถูกออกแบบให้ใช้เวลา 30 นาที แล้ว 12 นัก (6 เพศชาย หญิง 6) คณิตศาสตร์ผสมสำเร็จ (สูง 4 ค่าเฉลี่ย 4 และเติมเต็มต่ำ 4) ถูกเลือกให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับทัศนคติและความเชื่อเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ ในการวิเคราะห์ข้อมูล ข้อมูลจากเครื่องชั่งทัศนคติและความเชื่อถูกใช้วิธีการคำนวณและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานสำหรับแต่ละระดับ ตัวอย่างเครื่องใช้วิธีการทางสถิติวิทยานิพนธ์ โดยเน้นนักเรียนทุกคน เพศความแตกต่างโดยรวมถูกตั้งค่าสำหรับใช้สองอย่าง t-ทดสอบนัยสำคัญทางสถิติ ความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์คณิตศาสตร์ (สูง ค่าเฉลี่ย และต่ำ) ได้ทดสอบนัยสำคัญทางสถิติที่ใช้วิเคราะห์ความแปรปรวน (ANOVA) ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ได้วิเคราะห์ โดยการอธิบายวิเคราะห์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เข้าร่วม ithe 124 คารมเก้า (50 ชาย 74female) จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ไทย ส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็น 14-15 ปี แบบสอบถามรวมถึงทัศนคติต่อสินค้าคงคลังอยู่บนพื้นฐานของคณิตศาสตร์เวด (2014) และขนาดความเชื่ออินเดียนาคณิตศาสตร์ขึ้นอยู่กับ Kloosterman และเวที (1992) การศึกษาได้ดำเนินการในภาคการศึกษาที่สองของปีการศึกษา 2015 โดยการบริหารแบบสอบถามผู้เข้าร่วมทั้งหมดจาก 3 ชั้นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ได้รับการสุ่มเลือกในช่วงระยะเวลาหนึ่งระดับ แบบสอบถามถูกออกแบบมาเพื่อใช้เวลา 30 นาที จากนั้นนักเรียน 12 คน (6 เพศชาย 6 หญิง) ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ผสม (4 สูงเฉลี่ย 4, 4 และประสบความสำเร็จอย่างต่ำ) ได้รับการคัดเลือกที่จะให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับทัศนคติและความเชื่อของพวกเขาเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ ในการวิเคราะห์ข้อมูลข้อมูลจากทัศนคติและความเชื่อเกล็ดถูกนำมาใช้วิธีการคำนวณและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานสำหรับแต่ละระดับ วิทยานิพนธ์วิธีการทางสถิติที่ถูกนำไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างโดยมุ่งเน้นไปที่นักเรียนทุกคน แตกต่างทางเพศโดยรวมได้รับการตั้งค่าสำหรับนัยสำคัญทางสถิติโดยใช้สองตัวอย่างเสื้อทดสอบ ความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ (สูงเฉลี่ยและต่ำ) ได้รับการตรวจนัยสำคัญทางสถิติโดยใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวน (ANOVA) ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์โดยการวิเคราะห์เชิงพรรณนา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

helsingin rautatieasemaasema