Rainfall is varied along the lowlan

Rainfall is varied along the lowland coastal region and it is highest
(1200 mm) in the south-west in ecological zone Coastal Lowland 3 (CL3,
coconut [Cocos nucifera L.]– cassava [Manihot esculenta Crantz] zone).
Further north, in the Kilifi-Malindi area (CL4, cashew nut [Anacardium
occidentale L.]– cassava region) annual rainfall decreases to 1000 m and
in Lamu (CL5, livestock-millet [Panicum miliaceum L.] zone) it further
drops to 900 mm (van Einnatten 1979; Jaetzold and Schmidt 1983).
Similarly, rainfall decreases from the coast to the hinterland.
Consequently, the number of wet months (≥ 100 mm m
-1
) decreases from
5 months on the southern coast to 3 months in Lamu. The El Niño rains of
1997-98 resulted in flooding of the low-lying areas and destruction of
infrastructure.
Rainfall is bimodal with a long rainy season from April to June and
the short rains from October to December. There are two distinct dry
seasons, which normally occur from January to March and from June to
September. This bimodal rainfall allows for two crop growing seasons: the
more reliable long rains and the short rains, which are seldom enough to
support a good crop. Access to irrigation in the lowland region is limited.
However, in the bordering district of Tana River, cotton (Gossypium
hirsutum L.) is grown under irrigation. Potential evapotranspiration is
high, 1900-2300 mm, and exceeds annual precipitation in most months,
resulting in water deficits. Mean annual temperatures are also high,
ranging from 22 to 35 °C. The warmest period is from January to April
when the daily temperatures average more than 30 °C. Relative humidity
is high and ranges from 70 to 90% for most of the year.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปริมาณน้ำฝนจะแตกต่างกันไปตามภูมิภาคลุ่มชายฝั่งทะเลและเป็นภูเขาที่สูงที่สุด
(1,200 มม. ) ในทางตะวันตกเฉียงใต้ในระบบนิเวศเขตที่ราบชายฝั่ง 3 (CL3,
มะพร้าว [มะพร้าว l.] - มันสำปะหลัง [Manihot esculenta Crantz] โซน).
ขึ้นไปทางเหนือในพื้นที่ Kilifi-Malindi (CL4 เม็ดมะม่วงหิมพานต์ [มะม่วงหิมพานต์
Occidentale l.] - ภูมิภาคมันสำปะหลัง) ปีนี้ฝนลดลงไป 1,000 เมตรและ
ใน Lamu (cl5,ปศุสัตว์ข้าวฟ่าง [Panicum miliaceum l.] โซน) มันต่อไป
ลดลงถึง 900 มม. (รถตู้ einnatten 1979. jaetzold และ schmidt 1983)
ทำนองเดียวกันปริมาณน้ำฝนที่ลดลงจากชายฝั่งที่ห่างไกลจากตัวเมือง
ดังนั้นจำนวนของเดือนเปียก (≥ 100 มิลลิเมตร m

-1) ลดลงจาก
5 เดือนชายฝั่งด้านทิศใต้ถึง 3 เดือนใน Lamu ฝนตกเอลNiñoของ
1997-1998 ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่ต่ำและการทำลายโครงสร้างพื้นฐาน
. ฝน
เป็น bimodal กับฤดูฝนที่มีความยาวตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายนและ
ฝนสั้นตุลาคมถึงธันวาคม มีสองที่แตกต่างกันฤดูกาล
แห้งซึ่งปกติจะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมและตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกันยายนเป็น
นี้ปริมาณน้ำฝน bimodal ช่วยให้สองฤดูกาลปลูกพืช:
น่าเชื่อถือมากขึ้นฝนที่ยาวนานและฤดูฝนสั้นซึ่งเป็นพอ
ไม่ค่อยสนับสนุนการเพาะปลูกที่ดี เข้าถึงการชลประทานในภูมิภาคลุ่มถูก จำกัด .
แต่ในย่านที่มีพรมแดนติด TANA ของแม่น้ำฝ้าย (Gossypium hirsutum l
.) จะเติบโตภายใต้การชลประทาน คายระเหยที่มีศักยภาพสูง
, 1900-2300 มม. และสูงกว่าประจำปีการเร่งรัดในช่วงหลายเดือนมากที่สุด
ส่งผลให้การขาดดุลน้ำอุณหภูมิเฉลี่ยประจำปีนี้ยังมีสูง
ตั้งแต่ 22-35 ° C ช่วงเวลาที่อบอุ่นที่สุดคือจากมกราคม-เมษายน
เมื่ออุณหภูมิเฉลี่ยต่อวันกว่า 30 ° C
ความชื้นสัมพัทธ์สูงและช่วง 70-90% มากที่สุดแห่งปี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปริมาณน้ำฝนแตกต่างกันไปตามภูมิภาคชายฝั่ง lowland และเป็น
(1200 mm) สูงในตะวันตกเฉียงใต้ในเขตระบบนิเวศชายฝั่ง Lowland 3 (CL3,
มะพร้าว [โคส nucifera L.]-โซนมันสำปะหลัง [Manihot esculenta Crantz]) .
ไปเหนือ บริเวณ Kilifi Malindi (CL4 หิมพานต์ [Anacardium
occidentale L.]-มันสำปะหลังภูมิภาค) ลดปริมาณน้ำฝนรายปี 1000 เมตร และ
ในละมุ (CL5 ปศุสัตว์ฟ่าง [Panicum miliaceum L.] โซน) การ
หยด 900 มม. (van Einnatten 1979 Jaetzold และชมิดท์ 1983) .
, ปริมาณน้ำฝนลดลงจากฝั่งที่มาจากชนบท
ดัง จำนวนเดือนที่เปียก (≥ 100 มม. m
-1
) ลดลงจาก
5 เดือนภาคใต้โคสต์ 3 เดือนในละมุ ซันโตนิโญเอลฝนตกของ
1997-98 ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ราบและทำลาย
โครงสร้างพื้นฐาน
ฝนเป็น bimodal มีฤดูฝนยาวตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน และ
สั้นฝนตกตุลาคมธันวาคม มีแห้งหมดสอง
ฤดูกาล ซึ่งโดยปกติจะเกิดขึ้น จากเดือนมกราคมถึงมีนาคม และเดือนมิถุนายน
กันยายน ฝนนี้ bimodal ให้สำหรับสองพืชฤดูกาลเติบโต: การ
ฝนนานเชื่อถือได้มากและฝนสั้น ซึ่งไม่ค่อยพอถึง
สนับสนุนพืชดีขึ้น ถึงการชลประทานในภูมิภาค lowland คือ จำกัด
อย่างไรก็ตาม ในพรมแดนติดเขตของทาน้ำ ฝ้าย (ถ่าย
hirsutum L.) ปลูกภายใต้การชลประทาน Evapotranspiration อาจเป็น
สูง 1900-2300 มม. และเกินฝนประจำปีในเดือนมากที่สุด,
ในน้ำขาดดุล หมายความว่า ยังสูง อุณหภูมิประจำปีมี
ตั้งแต่ 22 ถึง 35 องศาเซลเซียส ระยะเวลาอบอุ่นมาจากเดือนมกราคมถึงเมษายน
เมื่ออุณหภูมิประจำวันโดยเฉลี่ยมากกว่า 30 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์
สูง และช่วงจาก 70 ถึง 90% สำหรับทั้งปี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ฝนตกมีความหลากหลายตามที่ลุ่มตามชายฝั่งทะเลและพื้นที่เป็นสูงสุด
( 1200 มม.)ใน ภาค ใต้ - ตะวันตกในเชิงนิเวศวิทยาชายฝั่งบริเวณโซนที่ 3 ( cl3 ,
มะพร้าวมะพร้าว[หมู่เกาะโคคอส.] - - [มันสำปะหลังมันสำปะหลังเผือก crantz ]โซน)..
ขึ้นไปทางเหนือ,ใน kilifi-malindi พื้นที่( cl4 ,มะม่วงหิมพานต์ถั่ว[หิมพานต์
มะม่วง L .] - มันสำปะหลังเขตพื้นที่)ประจำปี 1000 ฝนตกชุกจะลดลงในม.และ
ในละมุ( cl5 ,ปศุสัตว์ - ลูกเดือย[ panicum miliaceum L .]โซน)ซึ่งเพิ่มเติม
ลดลงถึง 900 มม.(รถตู้ einnatten 1979 jaetzold และต่อกรณี 1983 ). N ในทำนองเดียวกันปริมาณฝนจะลดลงจากชายฝั่งเพื่อไปยังพื้นที่หลังฝั่งทะเลได้
ดังนั้นจึงมีผลทำให้ผลจำนวนเดือนเปียกชื้น(≥ 100 มม., M
- 1
)จะลดลงจาก
5 เดือนบนชายฝั่งทางตอนใต้ที่ถึง 3 เดือนในละมุ El Niñ o ที่ฝนตกชุกของ
ตามมาตรฐาน1997-98 1997-98 1997-98 1997-98 1997-98 1997-98 1997-98 1997-98 ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในการทำลายและพื้นที่ต่ำของ
โครงสร้างพื้นฐาน.
ฝนตกชุกมี bimodal พร้อมด้วยฤดูฝนมานานตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายนและ
ฝนตกในระยะทางสั้นๆเพื่อไปที่ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม มีสองฤดูคือแห้ง
ซึ่งเกิดขึ้นจากเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมและตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน
ฝนตกชุก bimodal นี้ช่วยให้สองฤดูกาลพืชที่กำลังเติบโต
ฝนตกหนักนานน่าเชื่อถือมากขึ้นและฝนตกชุกในระยะทางสั้นๆเพื่อไปที่มีไม่บ่อยนักไม่เพียงพอที่จะ
ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการอารักขาพืชที่ดี. การเข้าใช้การชลประทานในเขตพื้นที่ลุ่มที่มีจำนวนจำกัด.
อย่างไรก็ตามในเขตพื้นที่กั้นเขตแดนของแม่น้ำทำจากผ้าฝ้าย(ฝ้ายแอล.
hirsutum )มีขึ้นตามการชลประทาน evapotranspiration
ซึ่งจะช่วยได้คือสูง 1900-2300 มม.และมีความยาวเกินหยาดน้ำฟ้าประจำปีในช่วงเดือนที่
ส่งผลให้น้ำในการขาดดุลอุณหภูมิ ประจำปีหมายความว่ามีระดับสูงยัง
ตั้งแต่ 22 ถึง 35 ° C ช่วงเวลาที่อบอุ่นมากที่สุดคือจากเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน
เมื่อ อุณหภูมิ ที่ทุกวันโดยเฉลี่ยสูงกว่า 30 ° C ความชื้นสัมพัทธ์:
อยู่ในระดับสูงและมีช่วงตั้งแต่ 70 ถึง 90% สำหรับปีนี้มากที่สุด