Techniques of polymerizationBulk po

Techniques of polymerization
Bulk polymerization
Bulk polymerization or mass polymerization is carried out by adding a soluble initiator to pure monomer in liquid state. The initiator should dissolve in the monomer. The reaction is initiated by heating or exposing to radiation. As the reaction proceeds the mixture becomes more viscous. The reaction is exothermic and a wide range of molecular masses are produced.
Techniques of polymerization
Bulk polymerization is carried out in the absence of any solvent or dispersant and is thus the simplest in terms of formulation. It is used for most step-growth polymers and many types of chain-growth polymers. In the case of chain-growth reactions, which are generally exothermic, the heat evolved may cause the reaction to become too vigorous and difficult to control unless efficient cooling. Bulk polymerization has several advantages over other methods, these advantages are
The system is simple and requires thermal insulation.
The polymer obtained is pure.
Large castings may be prepared directly.
Molecular weight distribution can be easily changed with the use of a chain transfer agent.
The product obtained has high optical clarity
Disadvantages
Heat transfer and mixing become difficult as the viscosity of reaction mass increases.
The problem of heat transfer is compounded by the highly exothermic nature of free radical addition polymerization.
The polymerization is obtained with a broad molecular weight distribution due to the high viscosity and lack of good heat transfer.
Very low molecular weights are obtained.
Gel effect should be there
For reducing the disadvantages of bulk polymerization, the process can be carried out in a solution. This is known as solution polymerization.
Polymer characterization is the analytical branch of polymer science.
The discipline is concerned with the characterization of polymeric materials on a variety of levels. The characterization typically has as a goal to improve the performance of the material. As such, many characterization techniques should ideally be linked to the desirable properties of the material such as strength, impermeability, thermal stability, and optical properties.
Characterization techniques are typically used to determine molecular mass, molecular structure, morphology, thermal properties, and mechanical properties.
Emulsion polymerization
Emulsion polymerization is a type of radical polymerization that usually starts with an emulsion incorporating water,monomer, and surfactant. The most common type of emulsion polymerization is an oil-in-water emulsion, in which droplets of monomer (the oil) are emulsified (with surfactants) in a continuous phase of water. Water-soluble polymers, such as certainpolyvinyl alcohols or hydroxyethyl celluloses, can also be used to act as emulsifiers/stabilizers. The name “emulsion polymerization” is a misnomer that arises from a historical misconception. Rather than occurring in emulsion droplets, polymerization takes place in the latex particles that form spontaneously in the first few minutes of the process. These latex particles are typically 100 nm in size, and are made of many individual polymer chains. The particles are stopped from coagulating with each other because each particle is surrounded by the surfactant (‘soap’); the charge on the surfactant repels other particles electrostatically. When water-soluble polymers are used as stabilizers instead of soap, the repulsion between particles arises because these water-soluble polymers form a ‘hairy layer’ around a particle that repels other particles, because pushing particles together would involve compressing these chains.
Emulsion polymerization is used to manufacture several commercially important polymers. Many of these polymers are used as solid materials and must be isolated from the aqueous dispersion after polymerization. In other cases the dispersion itself is the end product. A dispersion resulting from emulsion polymerization is often called a latex (especially if derived from asynthetic rubber) or an emulsion (even though “emulsion” strictly speaking refers to a dispersion of an immiscible liquid in water). These emulsions find applications in adhesives, paints, paper coating and textile coatings. They are often preferred over solvent-based products in these applications due to the absence of VOCs (Volatile Organic Compounds) in them.
Techniques of polymerization
Advantages of emulsion polymerization include:
High molecular weight polymers can be made at fast polymerization rates. By contrast, in bulk and solution free radical polymerization, there is a tradeoff between molecular weight and polymerization rate.
The continuous water phase is an excellent conductor of heat, enabling fast polymerization rates without loss of temperature control.
Since polymer molecules are contained within the particles, the viscosity of the reaction medium remains close to that of water and is not dependen

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เทคนิคการ polymerizationอจำนวนBulk polymerization หรือมวล polymerization จะดำเนินการ โดยการเพิ่มเริ่มต้นการละลายน้ำยาบริสุทธิ์ในสถานะของเหลว ตัวที่เริ่มต้นควรละลายในน้ำยา ปฏิกิริยาเริ่มต้น โดยเครื่องทำความร้อน หรือการเปิดเผยการแผ่รังสี ขณะที่ปฏิกิริยาดำเนิน ส่วนผสมจะหนืดมากขึ้น ปฏิกิริยาคายความร้อน และมีผลิตหลากหลายของมวลโมเลกุลเทคนิคการ polymerizationอจำนวนจะดำเนินการในการขาดงาน ของตัวทำละลายใด ๆ หรือสาร และเป็นที่ง่ายที่สุดในแง่ของสูตร สำหรับโพลิเมอร์ขั้นเจริญเติบโตมากที่สุดและเติบโตโซ่โพลิเมอร์หลายชนิดได้ ในกรณีของปฏิกิริยาห่วงโซ่เติบโต ซึ่งจะคายความร้อนโดยทั่วไป ความร้อนที่พัฒนาอาจทำให้เกิดปฏิกิริยากลายเป็นแข็งแรงเกินไป และยากต่อการควบคุมเว้นแต่ระบายได้ อจำนวนมีหลายข้อได้เปรียบกว่าวิธีอื่น ๆ มีข้อดีเหล่านี้ระบบเป็นเรื่องง่าย และต้องใช้ฉนวนกันความร้อนพอลิเมอร์ที่ได้จะบริสุทธิ์หล่อใหญ่อาจเตรียมโดยตรงการกระจายน้ำหนักโมเลกุลสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างง่ายดาย ด้วยการใช้ตัวแทนการโอนสายผลิตภัณฑ์ที่ได้รับมีความคมชัดแสงสูงข้อเสียถ่ายเทความร้อนและผสมกลายเป็นเรื่องยากเป็นความหนืดของปฏิกิริยามวลเพิ่มขึ้นปัญหาของการถ่ายเทความร้อนจะเพิ่ม โดยธรรมชาติของอนุมูลอิสระเพิ่ม polymerization คายความร้อนสูงจำนวนที่ได้รับกับการกระจายน้ำหนักโมเลกุลที่กว้างเนื่องจากความหนืดสูงและขาดการถ่ายเทความร้อนดีน้ำหนักโมเลกุลต่ำมากจะได้รับผลเจลควรมีการลดข้อเสียของอจำนวน กระบวนการสามารถดำเนินการในการแก้ปัญหา นี้เรียกว่าลูชั่นวิเคราะห์สาขาวิทยาศาสตร์พอลิเมอร์สมบัติของพอลิเมอร์ได้วินัยเกี่ยวข้องกับสมบัติวัสดุโพลิเมอร์หลากหลายระดับ การจำแนกลักษณะโดยทั่วไปมีเป็นเป้าหมายเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของวัสดุ เช่นนี้ เทคนิคจำแนกลักษณะควรเชิญจะเชื่อมโยงไปคุณสมบัติของวัสดุเช่นความแข็งแรง impermeability ความร้อน และคุณสมบัติแสงเทคนิคการจำแนกลักษณะโดยปกติจะใช้เพื่อกำหนดมวลโมเลกุล โครงสร้างโมเลกุล สัณฐานวิทยา คุณสมบัติทางความร้อน และคุณสมบัติทางกลคลอไรด์คลอไรด์เป็นชนิดของพอลิเมรุนแรงที่มักจะเริ่มต้น ด้วยอิมัลชันน้ำ น้ำยา และชุด ชนิดทั่วไปของคลอไรด์เป็นอิมัลชันน้ำในน้ำมัน ที่หยดของน้ำยา (น้ำมัน) emulsified (surfactants) ที่มีในขั้นตอนต่อเนื่องของน้ำ ยังสามารถใช้โพลิเมอร์ที่ละลายน้ำได้ เช่นแอลกอฮอล์ certainpolyvinyl หรือ hydroxyethyl celluloses เป็น emulsifiers/ความ คงตัว ที่ชื่อ "ออิมัลชัน" เป็น misnomer ที่เกิดจากการเข้าใจผิดทางประวัติศาสตร์ แทนที่จะเกิดขึ้นในอิมัลชันหยด จำนวนที่เกิดขึ้นในอนุภาคยางที่ฟอร์มได้ทันทีในครั้งแรกไม่กี่นาทีของกระบวนการ อนุภาคยางเหล่านี้โดยทั่วไปมี 100 nm ขนาด และโซ่พอลิเมอร์แต่ละคนมากที่จะทำ หยุดจาก coagulating กัน เพราะล้อมรอบ ด้วยชุด ('สบู่'); อนุภาคแต่ละอนุภาค ค่าธรรมเนียมในการสารทำความสะอาดผลักอนุภาคอื่น ๆ ช่วย เมื่อมีใช้โพลิเมอร์ที่ละลายน้ำได้เป็นความคงตัวแทนสบู่ เขม่นระหว่างอนุภาคเกิดขึ้นมาจากโพลิเมอร์ที่ละลายน้ำได้เหล่านี้รูปแบบ 'ชั้นขน' รอบ ๆ อนุภาคที่ผลักอนุภาคอื่น ๆ เพราะผลักดันอนุภาคด้วยกันจะเกี่ยวข้องบีบโซ่เหล่านี้คลอไรด์ที่ใช้ในการผลิตโพลิเมอร์ที่สำคัญในเชิงพาณิชย์หลาย ของโพลิเมอร์เหล่านี้ถูกใช้เป็นวัสดุที่แข็ง และต้องแยกจากการกระจายตัวละลายหลัง polymerization ในกรณีอื่นๆ การกระจายตัวเองเป็นผลิตภัณฑ์สุดท้าย การกระจายตัวที่เกิดจากคลอไรด์มักเรียกว่ายาง (โดยเฉพาะถ้าได้มาจากยาง asynthetic) หรืออิมัลชัน (แม้ว่า "อิมัลชั่น" อย่างเคร่งครัดพูดหมายถึงการกระจายของของเหลว immiscible ในน้ำ) สารแขวนลอยเหล่านี้พบการใช้งานในกาว สี เคลือบกระดาษ และการเคลือบสิ่งทอ พวกเขามักต้องละลายผลิตภัณฑ์ในโปรแกรมประยุกต์เหล่านี้เนื่องจากการขาดของ VOCs (สารประกอบอินทรีย์ระเหย) ในพวกเขาเทคนิคการ polymerizationข้อดีของคลอไรด์ได้แก่:ราคาพิเศษรวดเร็ว polymerization ทำโพลิเมอร์น้ำหนักโมเลกุลสูง โดยคมชัด ในจำนวนมากและโซลูชัน polymerization อนุมูลอิสระ มีดีระหว่างน้ำหนักโมเลกุลและจำนวนอัตราเฟสน้ำอย่างต่อเนื่องเป็นที่ยอดเยี่ยมนำความร้อน ทำให้อัตราเร็ว polymerization โดยไม่สูญเสียการควบคุมอุณหภูมิเนื่องจากโมเลกุลของพอลิเมอร์ที่มีอยู่ภายในอนุภาค ความหนืดของปฏิกิริยาสื่อยังคงใกล้เคียงกับน้ำ และไม่ dependen

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เทคนิคของพอลิเม
กลุ่มพอลิเมอ
พอลิเมอเป็นกลุ่มหรือพอลิเมอมวลจะดำเนินการโดยการเพิ่มริเริ่มที่ละลายน้ำจะโมโนเมอร์บริสุทธิ์ในสถานะของเหลว ริเริ่มควรละลายในโมโนเมอร์ ปฏิกิริยาที่จะเริ่มต้นด้วยความร้อนหรือเปิดเผยกับรังสี เป็นปฏิกิริยาเงินผสมกลายเป็นความหนืดมากขึ้น ปฏิกิริยาคายความร้อนและหลากหลายของมวลโมเลกุลมีการผลิต.
เทคนิคของพอลิเมอ
พอลิเมอเป็นกลุ่มจะดำเนินการในกรณีที่ไม่มีการใด ๆ สารตัวทำละลายหรือและดังนั้นจึงเป็นที่ง่ายที่สุดในแง่ของการกำหนด มันถูกใช้มากที่สุดสำหรับโพลีเมอขั้นตอนการเจริญเติบโตและหลายชนิดของโพลิเมอร์ห่วงโซ่การเจริญเติบโต ในกรณีของการเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ที่มีการเติบโตซึ่งโดยทั่วไปจะคายความร้อนความร้อนการพัฒนาอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาที่จะกลายเป็นพลังเกินไปและยากที่จะควบคุมเว้นแต่เย็นที่มีประสิทธิภาพ พอลิเมอเป็นกลุ่มมีข้อดีหลายกว่าวิธีการอื่น ๆ ข้อดีเหล่านี้เป็น
ระบบที่ง่ายและต้องใช้ฉนวนกันความร้อน.
ลิเมอร์ที่ได้รับนั้นมีความบริสุทธิ์.
หล่อขนาดใหญ่อาจจะต้องเตรียมโดยตรง.
การกระจายน้ำหนักโมเลกุลสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างง่ายดายด้วยการใช้งานของตัวแทนโอนโซ่
ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีความคมชัดแสงสูง
ข้อเสีย
การถ่ายเทความร้อนและการผสมกลายเป็นเรื่องยากเป็นความหนืดของการเพิ่มขึ้นของมวลปฏิกิริยา. the
ปัญหาของการถ่ายเทความร้อนประกอบกับธรรมชาติคายความร้อนสูงของฟรีพอลิเมอนอกจากรุนแรง.
พอลิเมอจะได้รับมีการกระจายน้ำหนักโมเลกุลในวงกว้าง เนื่องจากการที่มีความหนืดสูงและการขาดการถ่ายเทความร้อนที่ดี.
น้ำหนักโมเลกุลต่ำมากจะได้รับ.
ผลเจลควรจะมี
การลดข้อเสียของพอลิเมอเป็นกลุ่มกระบวนการที่สามารถดำเนินการได้ในการแก้ปัญหา นี้เรียกว่าวิธีการแก้ปัญหาพอลิเมอ.
ลักษณะ Polymer เป็นสาขาการวิเคราะห์ของวิทยาศาสตร์พอลิเมอ.
วินัยเป็นกังวลกับลักษณะของวัสดุพอลิเมบนความหลากหลายของระดับ ตัวละครมักจะมีเป็นเป้าหมายในการปรับปรุงประสิทธิภาพของวัสดุ เช่นเทคนิคลักษณะหลายควรนึกคิดจะเชื่อมโยงกับคุณสมบัติที่พึงประสงค์ของวัสดุเช่นความแรงดันทนความร้อนและคุณสมบัติทางแสง.
เทคนิคการศึกษาลักษณะนี้มักจะใช้ในการกำหนดมวลโมเลกุลโครงสร้างโมเลกุลสัณฐานวิทยาสมบัติทางความร้อนและเครื่องจักรกล คุณสมบัติ.
อิมัลชั่พอลิเมอ
อิมัลชันพอลิเมอเป็นประเภทของพอลิเมอรุนแรงที่มักจะเริ่มต้นด้วยการผสมผสานอิมัลชันน้ำโมโนเมอร์และลดแรงตึงผิว ชนิดที่พบบ่อยที่สุดของพอลิเมออิมัลชันเป็นอิมัลชันชนิดน้ำมันในน้ำที่หยดโมโนเมอร์ (น้ำมัน) จะ emulsified (พร้อมลดแรงตึงผิว) ในระยะอย่างต่อเนื่องของน้ำ ที่ละลายในน้ำโพลีเมอเช่นแอลกอฮอล์หรือ certainpolyvinyl celluloses hydroxyethyl นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการทำหน้าที่เป็น emulsifiers / ความคงตัว ชื่อ "อิมัลชันพอลิเมอ" เป็นบริบทที่เกิดขึ้นจากความเข้าใจผิดประวัติศาสตร์ แทนที่จะเกิดขึ้นในหยดอิมัลชันพอลิเมอจะเกิดขึ้นในอนุภาคน้ำยางที่เป็นธรรมชาติในไม่กี่นาทีแรกของกระบวนการ อนุภาคน้ำยางเหล่านี้มักจะ 100 นาโนเมตรในขนาดและจะทำในหลายโซ่ลิเมอร์ของแต่ละบุคคล อนุภาคจะหยุดจับตัวกับแต่ละอื่น ๆ เพราะแต่ละอนุภาคถูกล้อมรอบด้วยแรงตึงผิว (สบู่ '); ค่าใช้จ่ายในการลดแรงตึงผิวที่ไล่อนุภาคอื่น ๆ electrostatically เมื่อโพลิเมอร์ที่ละลายน้ำจะถูกใช้เป็นสารเพิ่มความคงตัวแทนสบู่เขม่นระหว่างอนุภาคที่เกิดขึ้นเพราะเหล่านี้โพลิเมอร์ที่ละลายน้ำได้ในรูปแบบ 'ชั้นขน' รอบอนุภาคที่ไล่อนุภาคอื่น ๆ เพราะการผลักดันอนุภาคด้วยกันจะเกี่ยวข้องกับการบีบอัดโซ่เหล่านี้.
อิมัลชั่พอลิเมอ ถูกนำมาใช้ในการผลิตหลายโพลิเมอร์ที่สำคัญในเชิงพาณิชย์ หลายของโพลิเมอร์เหล่านี้จะถูกนำมาใช้เป็นวัสดุที่เป็นของแข็งและจะต้องแยกออกจากการกระจายน้ำหลังจากพอลิเมอ ในกรณีอื่น ๆ การกระจายตัวของตัวเองเป็นสินค้าที่สิ้นสุด กระจายเป็นผลมาจากพอลิเมออิมัลชันมักจะเรียกว่าน้ำยาง (โดยเฉพาะถ้าได้มาจากยาง asynthetic) หรืออิมัลชัน (แม้ว่า "อิมัลชัน" พูดอย่างเคร่งครัดหมายถึงการกระจายตัวของของเหลวแปรในน้ำ) อีมัลชั่เหล่านี้พบการใช้งานในกาว, สี, เคลือบกระดาษและเคลือบสิ่งทอ พวกเขามักจะเป็นที่ต้องการมากกว่าผลิตภัณฑ์ตัวทำละลายในการใช้งานเหล่านี้เนื่องจากขาด VOCs (สารประกอบอินทรีย์ระเหย) ในพวกเขา.
เทคนิคของพอลิเม
ข้อดีของพอลิเมออิมัลชันรวมถึง:
สูงโพลิเมอร์น้ำหนักโมเลกุลสามารถทำในอัตราที่รวดเร็วพอลิเมอ โดยคมชัดในกลุ่มและวิธีการแก้ปัญหาพอลิเมออนุมูลอิสระมีการถ่วงดุลอำนาจระหว่างน้ำหนักโมเลกุลและอัตราพอลิเมอ.
เฟสน้ำอย่างต่อเนื่องเป็นตัวนำที่ดีของความร้อนที่ช่วยให้อัตราการพอลิเมอรวดเร็วโดยไม่ต้องสูญเสียการควบคุมอุณหภูมิ.
เนื่องจากโมเลกุลของพอลิเมอที่มีอยู่ภายใน อนุภาคความหนืดของกลางปฏิกิริยายังคงใกล้เคียงกับน้ำและไม่ได้ dependen

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เทคนิคพอลิเมอไรเซชันแบบเป็นกลุ่มแบบกลุ่มหรือแบบมวลจะดําเนินการโดยการเพิ่มผู้ที่บริสุทธิ์ มอนอเมอร์ในสถานะของเหลว ริเริ่มควรละลายในโมโนเมอร์ ปฏิกิริยาที่ริเริ่มโดยความร้อน หรือการสัมผัสกับรังสี เป็นเงินปฏิกิริยากลายเป็นส่วนผสมหนืดมากขึ้น ปฏิกิริยาจะคายความร้อนและหลากหลายของโมเลกุลมวลผลิตเทคนิคพอลิเมอไรเซชันเป็นกลุ่มสารจะดําเนินการในการขาดงานของตัวทำละลายหรือสารใด ๆและจึงง่ายที่สุดในแง่ของการกำหนด มันถูกใช้มากที่สุดขั้นตอนการเจริญเติบโตของพอลิเมอร์และหลายประเภทของพอลิเมอร์ของโซ่ ในกรณีของปฏิกิริยาการเจริญเติบโตโซ่ ซึ่งโดยทั่วไปจะคายความร้อน ความร้อนที่พัฒนาอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่จะกลายเป็นแข็งแรงและควบคุมได้ยาก นอกจากความเย็นที่มีประสิทธิภาพ ขนาดใหญ่แบบมีข้อดีหลายกว่าวิธีอื่น ข้อดีเหล่านี้ระบบจะง่ายและต้องใช้ฉนวนกันความร้อนพอลิเมอร์ที่ได้บริสุทธิ์หล่อใหญ่อาจจะเตรียมไว้โดยตรงการกระจายน้ำหนักโมเลกุลที่สามารถเปลี่ยนได้อย่างง่ายดายด้วยการใช้โซ่รับตัวแทนผลิตภัณฑ์ที่ได้มีความคมชัด แสงสูงข้อเสียการถ่ายโอนความร้อนและการผสมยาก เช่น ความหนืดของปฏิกิริยาของมวลชนที่เพิ่มขึ้นปัญหาการถ่ายเทความร้อนจะประกอบจากธรรมชาติสูง คายความร้อนของอนุมูลอิสระนอกจากนี้พอลิเมอไรเซชันพอลิเมอไรเซชันได้หลากหลายการกระจายน้ำหนักโมเลกุลและความหนืดสูงเนื่องจากไม่มีการถ่ายเทความร้อนที่ดี .น้ำหนักโมเลกุลต่ำมากจะได้รับเจลผลควรจะมีเพื่อลดข้อเสียของ bulk polymerization , กระบวนการสามารถดำเนินการได้ในโซลูชั่น นี้เรียกว่าพอลิเมอไรเซชันแบบสารละลายการศึกษาวิเคราะห์พอลิเมอร์เป็นสาขาวิทยาศาสตร์พอลิเมอร์วินัยที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของวัสดุพอลิเมอร์ ในหลากหลายระดับ มีลักษณะโดยทั่วไปมีเป้าหมายที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพของวัสดุ เช่น เทคนิค คุณสมบัติหลายควรจะเชื่อมโยงกับคุณสมบัติที่พึงประสงค์ของวัสดุเช่นความแข็งแรง impermeability , ความเสถียรทางความร้อนและคุณสมบัติของแสงเทคนิคการศึกษามักจะใช้เพื่อตรวจสอบมวล , โครงสร้างสัณฐานวิทยา สมบัติทางความร้อน โมเลกุลโมเลกุลและสมบัติเชิงกลพอลิเมอไรเซชันแบบอิมัลชันพอลิเมอไรเซชันแบบอิมัลชันเป็นประเภทหัวรุนแรงที่มักจะเริ่มต้นด้วยการเกิดอิมัลชันรวมน้ำ , โมโนเมอร์ และสารลดแรงตึงผิว ชนิดที่พบมากที่สุดของพอลิเมอไรเซชันแบบอิมัลชันเป็นอิมัลชันชนิดน้ำมันในน้ำ ซึ่งหยดมอนอเมอร์ ( น้ำมัน ) จะใช้ ( ผิว ) ในเฟสต่อเนื่องของน้ำ พอลิเมอร์ละลายน้ำ เช่น แอลกอฮอล์ หรือ hydroxyethyl certainpolyvinyl celluloses ยังสามารถใช้เพื่อทำหน้าที่เป็นอิมัลซิไฟเออร์ / ความคงตัว ชื่อ " กิริยา " อิมัลชันคือบริบทที่เกิดจากความเข้าใจผิดของประวัติศาสตร์ มากกว่าที่เกิดขึ้นในอิมัลชันพอลิเมอไรเซชันมีเกิดขึ้นในน้ำยาง อนุภาคที่ฟอร์มได้ในไม่กี่นาทีแรกของกระบวนการ อนุภาคยางเหล่านี้มักจะ 100 nm ในขนาดและทำจากโซ่พอลิเมอร์บุคคลมากมาย อนุภาคจะหยุดไม่จับตัวเป็นก้อนกับแต่ละอื่น ๆ เพราะแต่ละอนุภาค ล้อมรอบด้วยสารลดแรงตึงผิว ( "soap " ) ; ค่าธรรมเนียมบนผิวอนุภาคอื่น ๆได้ electrostatically . เมื่อพอลิเมอร์ละลายน้ำจะถูกใช้เป็นสารเพิ่มความคงตัวแทนสบู่ แรงผลักระหว่างอนุภาคพอลิเมอร์ละลายน้ำเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะฟอร์ม " ขนชั้นรอบอนุภาคที่ขับไล่อนุภาคอื่น ๆเพราะผลักอนุภาคด้วยกันจะเกี่ยวข้องกับการบีบอัดโซ่เหล่านี้พอลิเมอไรเซชันแบบอิมัลชันที่ใช้หลายผลิตในเชิงพาณิชย์ที่สำคัญโพลิเมอร์ หลายของโพลิเมอร์เหล่านี้จะใช้เป็นวัสดุแข็ง และต้องแยกจากน้ำหลังจากการพอลิเมอไรเซชัน ในกรณีอื่น ๆกระจายตัวเองเป็นสินค้าที่สิ้นสุด การกระจายที่เกิดจากการพอลิเมอไรเซชันแบบอิมัลชันมักจะเรียกว่ายาง ( โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามาจาก asynthetic ยาง ) หรืออิมัลชัน ( แม้ว่า " อิมัลชัน " อย่างเคร่งครัดพูดหมายถึง การกระจายของของเหลวที่ผสมเข้ากันไม่ได้ในน้ำ ) อิมัลชั่นเหล่านี้ค้นหาโปรแกรมในกาว , สี , เคลือบกระดาษและการเคลือบสิ่งทอ พวกเขามักจะต้องการมากกว่าตัวทำละลายโดยใช้ผลิตภัณฑ์ในโปรแกรมเหล่านี้เนื่องจากขาดสาร ( สารประกอบ อินทรีย์ระเหย ) ในพวกเขาเทคนิคพอลิเมอไรเซชันข้อดีของการพอลิเมอไรเซชันแบบอิมัลชัน ได้แก่ :น้ำหนักโมเลกุลสูงและสามารถทำในอัตราแบบรวดเร็ว ในทางตรงกันข้าม , ในกลุ่มโซลูชั่นและสารอนุมูลอิสระ นี่เป็นข้อเสียระหว่างโมเลกุล และอัตราการพอลิเมอไรเซชันระยะน้ำอย่างต่อเนื่องเป็นวาทยากรที่ดีของความร้อน เปิดราคาแบบรวดเร็วโดยไม่สูญเสียการควบคุมอุณหภูมิเนื่องจากโมเลกุลของพอลิเมอร์ที่มีอยู่ภายในอนุภาค ความหนืดของปฏิกิริยาปานกลางยังคงใกล้เคียงกับน้ำ และไม่ dependen