Nestlé S.A. (French pronunciation:

Nestlé S.A. (French pronunciation: ​[nɛsle]; English /ˈnɛsleɪ/, /ˈnɛsəl/, /ˈnɛsli/) is a Swiss multinational food and beverage company headquartered in Vevey, Switzerland. It is the largest food company in the world measured by revenues,[3][4] and ranked #72 on the Fortune Global 500 in 2014.[5]

Nestlé’s products include baby food, bottled water, breakfast cereals, coffee and tea, confectionery, dairy products, ice cream, frozen food, pet foods, and snacks. Twenty-nine of Nestlé’s brands have annual sales of over CHF1 billion (about US$1.1 billion),[3][6] including Nespresso, Nescafé, Kit Kat, Smarties, Nesquik, Stouffer’s, Vittel, and Maggi. Nestlé has 447 factories, operates in 194 countries, and employs around 333,000 people. It is one of the main shareholders of L’Oreal, the world’s largest cosmetics company.[7]

Nestlé was formed in 1905 by the merger of the Anglo-Swiss Milk Company, established in 1866 by brothers George Page and Charles Page, and Farine Lactée Henri Nestlé, founded in 1866 by Henri Nestlé. The company grew significantly during the First World War and again following the Second World War, expanding its offerings beyond its early condensed milk and infant formula products. The company has made a number of corporate acquisitions, including Crosse & Blackwell in 1950, Findus in 1963, Libby's in 1971, Rowntree Mackintosh in 1988, and Gerber in 2007.

Nestlé has a primary listing on the SIX Swiss Exchange and is a constituent of the Swiss Market Index. It has a secondary listing on Euronext. In 2011, Nestlé was listed No. 1 in the Fortune Global 500 as the world’s most profitable corporation.[8] With a market capitalization of US$233 billion, Nestlé ranked No. 9 in the FT Global 500 2013.[9]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Nestlé S.A. (ภาษาฝรั่งเศสออกเสียง: [nɛsle]; ภาษา อังกฤษ/ˈnɛsleɪ / ˈnɛsəl / / ˈnɛsli /) สวิสทำอาหารและเครื่องดื่มบริษัทมีสำนักงานใหญ่ เวอเวย์สวิตเซอร์แลนด์ บริษัทอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกวัดจากรายได้, [3] [4] และอันดับ #72 ใน Fortune 500 ทั่วโลกในปี 2014 ได้ [5]ผลิตภัณฑ์ของ Nestlé รวมอาหารเด็ก ขวดน้ำ ธัญพืชอาหารเช้า กาแฟ และชา ขนม นม ไอศกรีม อาหารแช่แข็ง อาหารสัตว์ และอาหารว่าง ยี่สิบเก้าของแบรนด์ของ Nestlé มีขายประจำปีของ CHF1 พันล้าน (เกี่ยวกับ 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ), [3] [6] Nespresso, Nescafé ห้อ Smarties, Nesquik ของ Stouffer วิทเทลขนาด และ Maggi Nestlé มีโรงงาน 447 ในประเทศ 194 แล้วมีพนักงานประมาณ 333,000 คน เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นหลักของ L'Oreal บริษัทเครื่องสำอางที่ใหญ่ที่สุดในโลก [7]Nestlé ก่อตั้งขึ้นปีพ.ศ. 2448 สมัย โดยควบรวมกิจการของ บริษัทนมอังกฤษสวิส ก่อตั้งขึ้นใน 1866 โดยพี่จอร์จหน้าและชาร์ลส์หน้า Henri Nestlé Lactée Farine ก่อตั้งขึ้นใน 1866 โดย Henri Nestlé บริษัทเติบโตอย่างมากใน ช่วงสงครามโลกครั้งหนึ่ง และอีกครั้ง หลัง สงครามโลกสอง ขยายความเหนื่อยเกินต้นนมข้นและทารกสูตรผลิตภัณฑ์ บริษัทได้ทำการซื้อบริษัท รวม Crosse & Blackwell ในปี 1950, Findus ใน 1963 รับในปี 1971, Rowntree แม็กอินทอชใน 1988, Gerber ในปี 2007Nestlé มีรายการหลักในการแลกเปลี่ยนสวิสหก และ วิภาคของดัชนีตลาดสวิส มีรายการรองบน Euronext ใน 2011, Nestlé ได้รายชื่อหมายเลข 1 ใน Fortune 500 ทั่วโลกเป็นบริษัทที่มีกำไรมากที่สุดในโลก [8] ด้วยมูลค่าการตลาดของ 233 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ Nestlé อันดับหมายเลข 9 ในสากลฟุต 500 2013 [9]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เนสท์เล่ SA (อ่านภาษาฝรั่งเศส: [nɛsle]; อังกฤษ / nɛsleɪ / / nɛsəl / / nɛsli /) เป็นอาหารข้ามชาติสวิสและเครื่องดื่ม บริษัท มีสำนักงานใหญ่ในเวเวย์, วิตเซอร์แลนด์ เป็น บริษัท อาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยวัดจากรายได้ [3] [4] และอันดับที่ 72 ใน Fortune Global 500 ในปี 2014 [5] ผลิตภัณฑ์เนสท์เล่รวมถึงอาหารน้ำดื่มบรรจุขวด, อาหารเช้าซีเรียลกาแฟและชา ขนม, ผลิตภัณฑ์นม, ไอศครีม, อาหารแช่แข็ง, อาหารสัตว์เลี้ยงและของว่าง ยี่สิบเก้าของแบรนด์เนสท์เล่มียอดขายปีละกว่าพันล้าน CHF1 (ประมาณ US $ 1100000000) [3] [6] รวมทั้งการชงกาแฟ Nespresso เนสกาแฟ, Kit Kat, Smarties, Nesquik, Stouffer ของ Vittel และ Maggi เนสท์เล่มี 447 โรงงานดำเนินงานใน 194 ประเทศและมีพนักงานประมาณ 333,000 คน มันเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นหลักของ L'Oreal, บริษัท เครื่องสำอางที่ใหญ่ที่สุดในโลก. [7] เนสท์เล่ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1905 โดยการควบรวมกิจการของแองโกลสวิสนม บริษัท ฯ ก่อตั้งขึ้นในปี 1866 โดยพี่น้องหน้าจอร์จและชาร์ลส์หน้าและ Farine Lactéeอองรีเนสท์เล่ก่อตั้งขึ้นในปี 1866 โดยอองรีเนสท์เล่ บริษัท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและอีกครั้งต่อไปสงครามโลกครั้งที่สองขยายการให้บริการที่เกินต้นนมข้นและทารกผลิตภัณฑ์สูตร บริษัท ได้ทำให้จำนวนของการเข้าซื้อกิจการของ บริษัท รวมทั้งครอสส์และแบล็กในปี 1950 Findus ในปี 1963 ของลิบบี้ในปี 1971 Rowntree ฝนในปี 1988 และในปี 2007 Gerber เนสท์เล่มีรายชื่อหลักในการ SIX Swiss Exchange และเป็นส่วนประกอบของ ดัชนีตลาดสวิส มันมีรายชื่อรอง Euronext ในปี 2011 บริษัท เนสท์เล่ถูกระบุว่าเป็นหมายเลข 1 ใน Fortune Global 500 เป็น บริษัท ที่ทำกำไรได้มากที่สุดในโลก. [8] ด้วยมูลค่าตลาดของสหรัฐ $ 233,000,000,000 เนสท์เล่อันดับที่ 9 ใน FT Global 500 2013 [9]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เนสท์เล่ SA ( ภาษาฝรั่งเศสออกเสียง : ​ [ N ɛ SLE ] ; ภาษาอังกฤษ / ˈ N ɛ SLE ɪ / , / N ɛˈเพลงชาติ L / s / n , ˈɛ SLI / ) เป็นอาหารและเครื่องดื่ม บริษัท ข้ามชาติมีสำนักงานใหญ่ใน Vevey สวิตเซอร์แลนด์สวิตเซอร์แลนด์ มันเป็นอาหารที่ใหญ่ที่สุด บริษัท ในโลก โดยวัดจากรายได้ [ 3 ] [ 4 ] และการจัดอันดับ# 72 ใน Fortune Global 500 ใน 2014 . [ 5 ]

เนสท์เล่ ผลิตภัณฑ์รวมถึงทารกอาหาร , ขวดน้ำ , อาหารเช้าซีเรียล กาแฟ และชาขนม , สินค้า , ไอศกรีม , นมแช่แข็งอาหาร สัตว์เลี้ยง อาหาร และอาหารว่าง ยี่สิบเก้าของเนสท์เล่ แบรนด์มียอดขายกว่า chf1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ( ประมาณ US $ 1.1 พันล้าน ) , [ 5 ] [ 6 ] รวม Nespresso nescaf é , คิทแคท , กล่องอาหารกลางวัน , Nesquik stouffer , , , วิทเทล และ มิกกี้ . เนสท์เล่ ได้เป็นโรงงานประกอบธุรกิจใน 194 ประเทศ และมีพนักงานประมาณ 333000 คนมันเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นหลักของ ลอรีอัล ที่ใหญ่ที่สุดของโลก บริษัทเครื่องสำอาง [ 7 ]

เนสท์เล่ก่อตั้งขึ้นใน 1905 โดยการควบรวมกิจการของแองโกลสวิสเซอร์แลนด์นม บริษัท ก่อตั้งขึ้นในปี 1866 โดยพี่ชายของจอร์จหน้าและชาร์ลส์เพจ และ farine lact é e อองรี เนสท์เล่ ก่อตั้งในปี 1866 โดย อองรี ซบ . . . . บริษัทได้เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและอีกครั้งตามสงครามโลกครั้งที่สองเสนอขยายขอบเขตของผลิตภัณฑ์นมข้นหวาน วัยเด็กและทารกสูตร บริษัท มีจำนวนของบริษัท ได้แก่ รอสส์& แบล็คเวลล์ ในปี ค.ศ. 1950 Findus ในปี 1963 , ลิบบี้ในปี 1971 Rowntree แมคอินทอชในปี 1988 และเบอร์ใน 2007 .

เนสท์เล่มีหลักรายการในหกสวิสแลกเปลี่ยนและเป็นองค์ประกอบของสวิสตลาดดัชนีมันมีรายการที่สองใน บริษัท . ใน 2011 , เนสท์เล่อยู่หมายเลข 1 ใน Fortune Global 500 เป็น บริษัท ที่ทำกำไรมากที่สุดของโลก . [ 8 ] กับตลาดทุนของสหรัฐอเมริกา $ 233 ล้านบาท เนสท์เล่นอันดับ 9 ในฟุตโลก 500 ปี 2013 [ 9 ]