The main building is the central ub

The main building is the central ubosoth, which houses the statue of Emerald Buddha. The legendary history of this Buddha image is traced to India, five centuries after the Lord Buddha attained Nirvana, till it was finally enshrined in Bangkok at the Wat Phra Kaew temple in 1782 during Rama I's reign (1782?1809). This marked the beginning and raise of the Chakri Dynasty of the present Kingdom of Thailand (the present head of the dynasty is King Rama IX. The Emerald Buddha, a dark green statue, is in a standing form, about 66 centimetres tall, carved from a single jade stone (Emerald in Thai means deep green colour and not the specific stone). It is carved in the meditating posture in the style of the Lanna school of the northern Thailand. Except for the Thai King, no other person is allowed to touch the statue. The King changes the cloak around the statue three times a year, corresponding to the summer, winter, and rainy seasons, an important ritual performed to usher good fortune to the country during each season.
While legend traces this statue to India, its rich historical records dates its finding in Cambodia in the 15th century, moved to Laos in the 16th century and then to Vientiane where it remained for 215 years, and finally to Thailand in the 18th century. Considering the long history and Nagasena's prophesy that the Emerald Buddha would bring "prosperity and pre-eminence to each country in which it resides", the Emerald Buddha deified in the Wat Phra Kaew is deeply revered and venerated in Thailand as the protector of the country.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อาคารหลักคือ ubosoth เซ็นทรัล ซึ่งพระพุทธรูปแก้วมรกต ติดตามประวัติศาสตร์ตำนานของพระพุทธรูปนี้ไปอินเดีย ห้าศตวรรษหลังจากที่พระพุทธเจ้าบรรลุนิพพาน จนมันถูกสุดประดิษฐานในกรุงเทพฯ ที่วัดวัดพระแก้วพ.ศ. 2325 ในระหว่างรัชสมัยของพระราม I (1782 ? 1809) นี้ถูกทำเครื่องหมายจุดเริ่มต้นและการเพิ่มขึ้นของราชวงศ์จักรีของอยู่ไทย (หัวปัจจุบันราชวงศ์เป็นรโหฐาน พระแก้วมรกต รูปปั้นสีเขียวเข้ม อยู่ในรูปแบบยืน 66 เซนติเมตรที่สูง แกะสลักจากหินหยกเดียว (มรกตไทยหมายถึง สีเขียวเข้มและไม่เฉพาะหิน) มันคือแกะสลักปางนั่งสมาธิในรูปแบบของโรงเรียนลานนาภาคเหนือ ยกเว้นไทยกษัตริย์ คนไม่ได้รับอนุญาตให้สัมผัสรูปปั้น พระเปลี่ยนเสื้อคลุมรอบ ๆ รูปปั้น 3 ครั้งต่อปี ที่สอดคล้องกับฤดูร้อน ฤดูหนาว และ ฤดูฝน เป็นพิธีกรรมสำคัญที่ดำเนินการเพื่อนำประเทศโชคดีในแต่ละฤดูในขณะที่ตำนานร่องรอยรูปปั้นนี้ไปอินเดีย บันทึกทางประวัติศาสตร์อุดมไปด้วยวันที่พบในกัมพูชาในศตวรรษที่ 15 ย้าย ไปลาวในศตวรรษที่ 16 แล้ว ไปเวียงจันทน์ที่มันยังคงอยู่สำหรับ 215 ปี และในที่สุดในประเทศไทยในศตวรรษที่ 18 พิจารณาประวัติศาสตร์ยาวนานและของเสนทำนายว่า พระแก้วมรกตจะนำ "ความเจริญรุ่งเรืองและเนินก่อนที่แต่ละประเทศที่มันอยู่" บวงสรวงในวัดพระแก้วมรกตคือเคารพ และบูชาในประเทศไทยอย่างลึกซึ้งเป็นผู้พิทักษ์ของประเทศ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อาคารหลักคืออุโบสถกลางซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยมรกต ประวัติความเป็นมาในตำนานของพระพุทธรูปนี้จะโยงไปถึงอินเดียห้าศตวรรษหลังจากที่พระพุทธเจ้าบรรลุนิพพานจนเป็นที่ประดิษฐานที่สุดในกรุงเทพฯที่วัดวัดพระแก้วใน 1782 ในรัชสมัยรัชกาลที่ฉัน (1782? 1809) นี้เป็นจุดเริ่มต้นและเพิ่มของราชวงศ์จักรีในปัจจุบันราชอาณาจักรไทย (หัวปัจจุบันของราชวงศ์เป็นพระมหากษัตริย์พระรามเก้า. ศรีรัตนศาสดารามรูปปั้นสีเขียวเข้มอยู่ในรูปแบบยืนประมาณ 66 เซนติเมตรสูงแกะสลักจาก เดียวหินหยก (มรกตในภาษาไทยหมายถึงสีเขียวเข้มและไม่หินที่เฉพาะเจาะจง). มันถูกแกะสลักในท่านั่งสมาธิในรูปแบบของโรงเรียนล้านนาภาคเหนือของประเทศไทย. ยกเว้นพระมหากษัตริย์ไทยไม่มีบุคคลอื่น ๆ ที่ได้รับอนุญาตให้ สัมผัสรูปปั้น. The King เปลี่ยนแปลงเสื้อคลุมรอบรูปปั้นสามครั้งต่อปีซึ่งสอดคล้องกับฤดูร้อนฤดูหนาวและฤดูฝนซึ่งเป็นพิธีกรรมที่สำคัญการดำเนินการเพื่อนำความโชคดีที่ประเทศในช่วงแต่ละฤดูกาล.
ในขณะที่ตำนานร่องรอยรูปปั้นนี้ไปยังประเทศอินเดีย บันทึกประวัติศาสตร์ที่อุดมไปด้วยวันค้นพบในประเทศกัมพูชาในศตวรรษที่ 15 ย้ายไปยังประเทศลาวในศตวรรษที่ 16 และจากนั้นไปเวียงจันทน์ที่มันยังคงใช้เวลา 215 ปีที่ผ่านมาและในที่สุดก็กลับเมืองไทยในศตวรรษที่ 18. พิจารณาประวัติศาสตร์อันยาวนานและพยากรณ์ Nagasena ว่า พระศรีรัตนศาสดารามจะนำมาซึ่ง "ความเจริญรุ่งเรืองและ pre-ความโดดเด่นให้กับแต่ละประเทศที่มันอยู่" พระศรีรัตนศาสดาราม deified ในวัดพระแก้วเป็นที่เคารพนับถือและบูชาอย่างลึกซึ้งในประเทศไทยเป็นผู้พิทักษ์ของประเทศ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อาคารหลักมี 3 กลาง ซึ่งบ้านพระพุทธรูปมรกต ประวัติศาสตร์ตำนานของพระพุทธรูปนี้โยงไปถึงอินเดีย ห้าศตวรรษหลังจากพระพุทธเจ้าบรรลุนิพพาน จนสุดท้ายก็ประดิษฐานอยู่ในกรุงเทพในวัดพระแก้วใน 1782 ในรัชสมัยรัชกาลที่ ( 1782 ? 1256 ) นี้เป็นจุดเริ่มต้นและเพิ่มของราชวงศ์จักรีแห่งอาณาจักรปัจจุบันของไทย ( หัวปัจจุบันของราชวงศ์กษัตริย์พระราม 9 พระแก้วมรกต , รูปปั้น , สีเขียวเข้มกำลังยืนแบบฟอร์ม เกี่ยวกับสูง 66 เซนติเมตร แกะสลักจากหินหยกเดี่ยว ( มรกตในภาษาไทยหมายถึง สีเขียวเข้ม สีและไม่ หินเฉพาะ ) มันถูกแกะสลักไว้ในท่านั่งสมาธิในรูปแบบของล้านนา โรงเรียนในภาคเหนือของประเทศไทย . ยกเว้น คนไทย ไม่มีบุคคลอื่นที่ได้รับอนุญาตให้สัมผัสรูปปั้น กษัตริย์เปลี่ยนเสื้อคลุมรอบรูปปั้นสามครั้งต่อปี สอดคล้องกับ ฤดูร้อน ฤดูหนาว และฤดูฝน มีพิธีกรรมที่สำคัญการจะนำความโชคดีให้กับประเทศในแต่ละฤดูกาลในขณะที่ตำนานร่องรอยรูปปั้นนี้กับอินเดีย อันอุดมสมบูรณ์ของบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่หาช่องในกัมพูชาในศตวรรษที่ 15 ย้ายไปอยู่ลาว ในศตวรรษที่ 16 จากนั้นไปเวียงจันทน์ที่ยังคงอยู่สำหรับ 215 ปี และสุดท้าย ไทยในศตวรรษที่ 18 เมื่อพิจารณาจากประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและ nagasena ก็พยากรณ์ว่า พระแก้วมรกต จะนำ " ความเจริญ และก่อนไปแต่ละประเทศ ซึ่งมันอยู่ " พระแก้วมรกตเทพเจ้าของที่ในวัดพระแก้ว ลึก เคารพและบูชาในไทยป้องกันประเทศ