Objectives: This study aimed to det

Objectives: This study aimed to determine the brushing forces applied during in vivo
toothbrushing with manual and sonic toothbrushes and to analyse the effect of these
brushing forces on abrasion of sound and eroded enamel and dentin in vitro.
Material and Methods: Brushing forces of a manual and two sonic toothbrushes (low and
high frequency mode) were measured in 27 adults before and after instruction of the
respective brushing technique and statistically analysed by repeated measures ANOVA. In
the in vitro experiment, sound and eroded enamel and dentin specimens (each subgroup
n=12) were brushed in an automatic brushing machine with the respective brushing forces
using a fluoridated toothpaste slurry. Abrasion was determined by profilometry and
statistically analysed by one-way ANOVA.
Results: Average brushing force of the manual toothbrush (1.6±0.3 N) was significantly
higher than for the sonic toothbrushes (0.9±0.2 N), which were not significantly different from
each other. Brushing force prior and after instruction of the brushing technique was not
significantly different. The manual toothbrush caused highest abrasion of sound and eroded
dentin, but lowest on sound enamel. No significant differences were detected on eroded
enamel.
Conclusion: Brushing forces of manual and sonic toothbrushes are different and affect their
abrasive capacity.
Clinical Significance: Patients with severe tooth wear and exposed and/or eroded dentin
surfaces should use sonic toothbrushes to reduce abrasion, while patients without tooth wear
or with erosive lesions confining only to enamel do not benefit from sonic toothbrushes with
regard to abrasion.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดบังคับ brushing ระหว่างในสัตว์ทดลองtoothbrushing ยาสีฟันด้วยตนเอง และเสียง และ การวิเคราะห์ผลของการเหล่านี้แปรงบังคับบนรอยขีดข่วนของเนื้อฟันและเคลือบฟัน และเกิดเสียงในหลอดวัสดุและวิธีการ: แปรงของคู่มือและสักสองเสียง (ต่ำ และโหมดความถี่สูง) ถูกวัดในผู้ใหญ่ 27 ก่อน และ หลังการสอนของแต่ละแปรงเทคนิค และ analysed โดยการวัดซ้ำการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางสถิติ ในในหลอด ทดลอง เสียง และเกิดเคลือบฟันและเนื้อฟันไว้เป็นตัวอย่าง (แต่ละกลุ่มย่อยn = 12) มีงานในกอง brushing นั้น ๆ เครื่อง brushing การอัตโนมัติใช้น้ำยาสีฟัน fluoridated ขัดถูกำหนด โดย profilometry และanalysed ทางสถิติ โดยการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียวผลลัพธ์: กำลังเฉลี่ยที่แปรงของแปรงสีฟันด้วยตนเอง (1.6±0.3 N) เป็นอย่างมากสูงกว่าการสักเสียง (0.9±0.2 N), ซึ่งไม่แตกต่างอย่างมากจากกันและกัน แปรงแรงก่อน และ หลังสอนเทคนิค brushing ไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ แปรงสีฟันด้วยตนเองทำให้เกิดรอยขีดข่วนสูงสุดเสียง และกัดเซาะเนื้อฟัน แต่ต่ำสุดบนเคลือบฟันเสียง ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญพบบนกัดเซาะเคลือบฟันสรุป: แปรงสักด้วยตนเอง และเสียงแตกต่างกัน และมีผลต่อการผลิต abrasiveความสำคัญทางคลินิก: ผู้ป่วยที่ มีฟันรุนแรงสวมใส่ และสัมผัส หรือกัดเซาะเนื้อพื้นผิวควรใช้เสียงสักลดรอยขีดข่วน ในขณะที่ผู้ป่วยได้โดยไม่ต้องสวมใส่ฟันหรือ มีได้ erosive confining เฉพาะการเคลือบไม่ได้สักเสียงกับเกี่ยวกับการขัดถู

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบกองกำลังแปรงที่ใช้ในร่างกายในระหว่างการ
แปรงฟันด้วยแปรงสีฟันคู่มือและเสียงและการวิเคราะห์ผลกระทบของเหล่า
กองกำลังในการแปรงฟันขัดถูของเสียงและการกัดเซาะผิวเคลือบฟันและเนื้อฟันในหลอดทดลอง.
วัสดุและวิธีการ: กองกำลังแปรงของคู่มือ และสองแปรงสีฟันโซนิค (ต่ำและ
โหมดความถี่สูง) เป็นวัดใน 27 ผู้ใหญ่ก่อนและหลังการใช้งานของ
เทคนิคการแปรงฟันของตนและวิเคราะห์ทางสถิติโดยการวัดซ้ำ ANOVA ใน
การทดลองในหลอดทดลองเสียงและกัดเซาะผิวเคลือบฟันและเนื้อฟันตัวอย่าง (แต่ละกลุ่มย่อย
n = 12) ได้รับการแปรงในเครื่องแปรงอัตโนมัติกับกองกำลังแปรงฟันตามลำดับ
โดยใช้สารละลายยาสีฟัน fluoridated การขัดถูถูกกำหนดโดย profilometry และ
วิเคราะห์ทางสถิติโดยหนึ่งในวิธี ANOVA.
ผลการศึกษา: การแปรงฟันแรงเฉลี่ยของแปรงสีฟันคู่มือ (1.6 ± 0.3 N) อย่างมีนัยสำคัญ
สูงกว่าแปรงสีฟันโซนิค (0.9 ± 0.2 N) ซึ่งไม่แตกต่างจาก
ซึ่งกันและกัน การแปรงฟันแรงก่อนและหลังการเรียนการสอนของเทคนิคการแปรงฟันก็ไม่ได้
แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ แปรงสีฟันคู่มือการก่อให้เกิดการขัดสีสูงสุดของเสียงและการกัดเซาะ
เนื้อฟัน แต่ต่ำสุดในเคลือบฟันเสียง ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญได้รับการตรวจพบในกัดกร่อน
เคลือบฟัน.
สรุป: กองกำลังของแปรงสีฟันแปรงคู่มือและเสียงที่แตกต่างกันและส่งผลกระทบต่อพวกเขา
. กำลังการผลิตที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
ความสำคัญทางคลินิก: ผู้ป่วยที่มีการสวมใส่ฟันอย่างรุนแรงและสัมผัสและ / หรือการกัดเซาะเนื้อฟัน
พื้นผิวควรใช้แปรงสีฟันโซนิคเพื่อลดรอยขีดข่วน ในขณะที่ผู้ป่วยที่ไม่มีฟันสึกหรอ
หรือมีรอยโรคกรด confining เท่านั้นที่จะเคลือบไม่ได้รับประโยชน์จากแปรงสีฟันโซนิคที่มี
เรื่องเกี่ยวกับการขัดถู

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อหาแปรง ใช้พลังในร่างกายในการแปรงฟันด้วยแปรงสีฟัน
คู่มือและโซนิคและวิเคราะห์ผลของแรงในการขัดถู
แปรงเหล่านี้เสียงและกัดเซาะเคลือบฟันและเนื้อฟันในเด็ก วัสดุและวิธีการ :
แปรงกองทัพของคู่มือและสองโซนิคแปรงสีฟัน ( ต่ำและ
โหมดความถี่สูง ) เป็นวัดในผู้ใหญ่ 27 ก่อนและหลังการสอน
แต่ละเทคนิคการแปรง และวิเคราะห์โดยการวัดซ้ำโดย ในการทดลอง
ในการเสียงและการกัดเซาะเคลือบฟันและเนื้อฟันตัวอย่าง ( แต่ละกลุ่มย่อย
n = 12 ) ถูกทาสีในอัตโนมัติเครื่องแปรงด้วยแปรงแต่ละกองกำลัง
ใช้ยาสีฟันฟลูออไรด์ที่มี .การกำหนดและวิเคราะห์โดย profilometry

โดยวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ผลเฉลี่ยแปรงแรงของแปรงสีฟันคู่มือ ( 1.6 ± 0.3 M )
อย่างมีนัยสำคัญสูงกว่าแปรงสีฟันโซนิค ( 0.9 ± 0.2 N ) ซึ่งไม่แตกต่างจาก
แต่ละอื่น ๆ แปรงแรงก่อนและหลังการสอน ของเทคนิคการแปรงไม่ได้
แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติแปรงสีฟันคู่มือที่เกิดรอยขีดข่วนสูงสุดของเสียง และกัดเซาะ
เนื้อฟัน แต่เสียงสุดบนผิวเคลือบฟัน ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญที่พบบนเคลือบฟันกร่อน
.
สรุป : กองกำลังของตนเองและโซนิคแปรงสีฟันแปรงที่แตกต่างกันและมีผลต่อความจุของ abrasive
.
ความสำคัญทางคลินิกผู้ป่วยใส่ฟันอย่างรุนแรง และเปิดเผย และ / หรือ กัดกร่อนเนื้อฟัน
พื้นผิวควรใช้แปรงสีฟันโซนิคเพื่อลดการเสียดสีขณะที่ผู้ป่วยโดยไม่มีการสึกหรอหรือการกัดกร่อนบาดแผลเท่านั้น
confining เคลือบไม่ได้ประโยชน์จากแปรงสีฟันโซนิคด้วย

เรื่องการเสียดสี