OB AT WORK Raising the Bar on Manag

OB AT WORK Raising the Bar on Managerial Ethics
In the wake of corporate and financial scandals, and a persistent recession that has devastated the U.S. job market, corporate leaders and managers have received their share of the blame. This is partly due to the perception that many leaders placed greed and short-term profits well before the needs of their key stakeholders (e.g., employees, customers, and the communities in which they operate). There seems to be a shift in public sentiment over the past few years in that businesses should focus on more than just making a profit. This shift has led to an increase in negative press about the lack of professionalism in the management profession. Caught in this negative fallout are MBA programs that have been criticized for not doing enough to create managers and leaders who take a more humanistic and ethical approach to leading and managing organizations. Students who graduate with MBAs have been criticized for not maintaining strong ethical standards when they reach positions of power in companies. T o address these negative perceptions and critics, in June 2009, a team of Harvard Business School (HBS) graduating MBA students led by Max Anderson and Peter Escher developed an “MBA Oath.” The following is an excerpt from the oath:
As a manager, my purpose is to serve the greater good by bringing people and resources together to create value that no single individual can build alone. Therefore I will seek a course that enhances the value my enterprise can create for society over the long term.
A nderson and Escher’s original goal was to collect 100 signatures (or 10 percent) from members of the HBS graduating class but instead collected more than 500 signatures (over 50 percent). Supported by Harvard’s dean, the MBA Oath (also referred to as a “Hippocratic oath for managers”) concept is spreading to several other business schools throughout the United States and internationally. Will MBA oaths help change the “greed is good” thinking that has been part of many managers’ thinking for many decades? It is too early to tell. The oath seems to underscore the idea that “maximizing shareholder value” may contribute to managerial decision-making that leads to short-term opportunism but damages the long-term prospects, health, and profitability of the organizations. This opportunism seems to be giving way to a more humanistic approach to running enterprises. Perhaps, managers and leaders will reject the “greed is good” mantra and instead support a more ethical and integritydriven approach to management.
Sources: http://blogs.hbr.org/cs/2009/06/why_we_created_the_ mba_oath.html (accessed on June 26, 2010); Michael A. Pirson and Paul R. Lawrence, “Humanism in Business – Towards a Paradigm Shift?” Journal of Business , 93, no. 4 (2010), pp. 553–565; “Forswearing Greed: A Hippocratic Oath for Managers,” The Economist , June 6, 2009, p. 66; Michael Lewis, “Michael Lewis on Wall Street Oath-Taking,” Businessweek , June 14, 2010, p. 1; Philip Delves, “A Worthy Attempt at Swearing to a Higher Standard,” Financial Times , April 22, 2010, p. 12.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

OB งานสังสรรค์ที่เกี่ยวกับบริหารจัดการจรรยาบรรณ ในการปลุกขององค์กร และเรื่องอื้อฉาวทางการเงิน และถดถอยต่อเนื่องที่ได้ทำลายล้างตลาดงานสหรัฐ ผู้นำองค์กรและผู้จัดการได้รับส่วนแบ่งของพวกเขาออก นี่คือส่วนหนึ่งเนื่องจากการรับรู้ว่า ผู้นำจำนวนมากวางความโลภและผลกำไรระยะสั้นก่อนความต้องการของตนมีส่วนได้เสีย (เช่น พนักงาน ลูกค้า และชุมชนที่ทำงาน) ดูเหมือนจะ กะในสาธารณะเพียงไม่กี่ปีผ่านมาที่ธุรกิจควรเน้นทำกำไรมากกว่า กะนี้ได้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของข่าวเชิงลบเกี่ยวกับการขาดความเป็นมืออาชีพในอาชีพการจัดการ จับออกมาเสียค่าลบนี้เป็นโปรแกรม MBA ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เหมือนไม่ทำพอที่จะสร้างผู้จัดการและผู้นำที่ใช้วิธี humanistic และจริยธรรมมากขึ้นการนำ และการจัดการองค์กร นักศึกษาที่สำเร็จ Mba ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ไม่รักษามาตรฐานทางจริยธรรมที่แข็งแกร่งเมื่อพวกเขามาถึงตำแหน่งอำนาจในบริษัท T o ที่อยู่เหล่านี้ในทางลบและนักวิจารณ์ ในเดือน 2552 มิถุนายน ทีมงานของ Harvard ธุรกิจโรงเรียน (ดังนั้น) นักเรียน graduating MBA นำ โดยแอนเดอร์สันสูงสุด และปีเตอร์ต้าหลี่พัฒนา "MBA สาบาน" ต่อไปนี้คือ การ excerpt จากคำสาบาน: ผู้จัดการ วัตถุประสงค์ของฉันคือการ บริการดี โดยการนำบุคคลและทรัพยากรร่วมกันเพื่อสร้างคุณค่าที่บุคคลเดียวไม่สามารถสร้างคนเดียว ดังนั้น ผมจะหาหลักสูตรที่ช่วยเพิ่มมูลค่าองค์กรของฉันสามารถสร้างสังคมระยะยาว Nderson และต้าหลี่ของเดิมเป้าหมายเพื่อ รวบรวม 100 ลายเซ็น (หรือร้อยละ 10) จากสมาชิกดังนั้นการจบการศึกษาชั้น แต่แทน การเก็บรวบรวมลายเซ็นมากกว่า 500 (กว่าร้อยละ 50) สนับสนุน โดยคณบดีของ Harvard แนวคิดสาบาน MBA (ยังเรียกว่าเป็น "Hippocratic สาบานสำหรับผู้บริหาร") กำลังแพร่กระจายไปหลายธุรกิจโรงเรียนอื่น ๆ ทั่วไทย และต่างประเทศ MBA oaths จะช่วยเปลี่ยนแปลงความคิด "ความโลภเป็นสิ่งที่ดี" ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความคิดผู้จัดการหลายทศวรรษ เร็วเกินไปที่จะบอกได้ คำสาบานที่ดูเหมือนจะ ขีดเส้นใต้ความคิดที่ว่า "เพิ่มหุ้น" อาจนำไปสู่การตัดสินใจบริหารจัดการที่นำไปสู่ opportunism ระยะสั้น แต่ความเสียหายระยะยาวแนวโน้ม สุขภาพ และผลกำไรขององค์กร Opportunism นี้ดูเหมือนว่าที่ จะให้วิธีการแนวทาง humanistic มากทำงานวิสาหกิจ บางที ผู้จัดการและผู้นำจะปฏิเสธ "ความโลภไม่ดี" มันตรา และสนับสนุนแนวทางจริยธรรมและ integritydriven เพิ่มเติมเพื่อการจัดการแทน Sources: http://blogs.hbr.org/cs/2009/06/why_we_created_the_ mba_oath.html (accessed on June 26, 2010); Michael A. Pirson and Paul R. Lawrence, “Humanism in Business – Towards a Paradigm Shift?” Journal of Business , 93, no. 4 (2010), pp. 553–565; “Forswearing Greed: A Hippocratic Oath for Managers,” The Economist , June 6, 2009, p. 66; Michael Lewis, “Michael Lewis on Wall Street Oath-Taking,” Businessweek , June 14, 2010, p. 1; Philip Delves, “A Worthy Attempt at Swearing to a Higher Standard,” Financial Times , April 22, 2010, p. 12.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

OB ที่ทำงานเพิ่มแถบในการจัดการจริยธรรม
ในการปลุกของเรื่องอื้อฉาวขององค์กรและการเงินและภาวะเศรษฐกิจถดถอยถาวรที่ได้ทำลายตลาดงานสหรัฐผู้นำองค์กรและผู้บริหารได้รับส่วนแบ่งของโทษ นี่คือส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการรับรู้ว่าผู้นำหลายคนวางโลภและระยะสั้นกำไรดีก่อนที่จะสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียสำคัญของพวกเขา (เช่นพนักงานลูกค้าและชุมชนที่พวกเขาทำงาน) เดอะ ดูเหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในความรู้สึกของสาธารณชนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในธุรกิจที่ควรมุ่งเน้นไปที่มากกว่าเพียงแค่การทำกำไร การเปลี่ยนแปลงนี้ได้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของกดลบเกี่ยวกับการขาดความเป็นมืออาชีพในอาชีพการจัดการ ติดอยู่ในผลกระทบเชิงลบนี้เป็นหลักสูตร MBA ที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเพราะไม่ได้ทำมากพอที่จะสร้างผู้บริหารและผู้นำที่ใช้วิธีการเห็นอกเห็นใจมากขึ้นและจริยธรรมให้กับองค์กรชั้นนำและการจัดการ นักศึกษาที่จบการศึกษา MBAs ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้รักษามาตรฐานทางจริยธรรมที่แข็งแกร่งเมื่อพวกเขามาถึงตำแหน่งที่มีอำนาจใน บริษัท T o อยู่รับรู้เชิงลบเหล่านี้และนักวิจารณ์ในเดือนมิถุนายนปี 2009 ทีมงานของ Harvard Business School (HBS) จบการศึกษานักศึกษาปริญญาโทที่นำโดยแม็กซ์แอนเดอปีเตอร์ Escher พัฒนา "MBA สาบาน." ต่อไปนี้เป็นข้อความที่ตัดตอนมาจากคำสาบาน:
ในฐานะที่เป็น ผู้จัดการวัตถุประสงค์ของฉันคือการให้บริการที่ดีกว่าโดยนำผู้คนและทรัพยากรร่วมกันเพื่อสร้างค่าที่ไม่มีบุคคลเพียงคนเดียวสามารถสร้างเพียงอย่างเดียว ดังนั้นผมจึงจะหาหลักสูตรที่ช่วยเพิ่มมูลค่าองค์กรของฉันสามารถสร้างสังคมในระยะยาวได้.
nderson และเป้าหมายเดิม Escher ก็คือการเก็บรวบรวม 100 ลายเซ็น (สัดส่วนร้อยละ 10) จากสมาชิกของ HBS จบการศึกษาระดับ แต่แทนที่จะรวบรวมกว่า 500 ลายเซ็น (มากกว่าร้อยละ 50) สนับสนุนโดยคณบดีฮาร์วาร์, คำสาบานปริญญาโทบริหารธุรกิจ (ยังเรียกว่าเป็น "คำสาบาน Hippocratic สำหรับผู้บริหาร") แนวคิดคือการแพร่กระจายไปยังหลายโรงเรียนธุรกิจอื่น ๆ ทั่วสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ คำสาบาน MBA จะช่วยเปลี่ยน "ความโลภเป็นสิ่งที่ดี" ความคิดที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความคิดผู้จัดการหลายนานหลายสิบปี? มันเร็วเกินไปที่จะบอก คำสาบานดูเหมือนว่าจะเน้นย้ำถึงความคิดที่ว่า "การเพิ่มมูลค่าของผู้ถือหุ้น" อาจจะนำไปสู่การบริหารจัดการการตัดสินใจที่นำไปสู่การฉวยโอกาสในระยะสั้น แต่ความเสียหายที่แนวโน้มในระยะยาวสุขภาพและการทำกำไรขององค์กร ฉวยโอกาสนี้น่าจะเป็นวิธีที่จะทำให้วิธีการเห็นอกเห็นใจมากขึ้นเพื่อประกอบการทำงาน บางทีอาจจะเป็นผู้จัดการและผู้นำจะปฏิเสธว่า "ความโลภเป็นสิ่งที่ดี" มนต์และแทนที่จะสนับสนุนแนวทางจริยธรรมมากขึ้นและเพื่อการบริหารจัดการ integritydriven.
แหล่งที่มา: http://blogs.hbr.org/cs/2009/06/why_we_created_the_ mba_oath.html (เข้าถึง วันที่ 26 มิถุนายน 2010); ไมเคิลเอ Pirson และพอลอาร์เรนซ์ "มนุษยธุรกิจ - ในช่วงการเปลี่ยนกระบวนทัศน์?" วารสารธุรกิจ, 93, ไม่มี 4 (2010), PP 553-565. "ความโลภ Forswearing: สาบาน Hippocratic สำหรับผู้จัดการ" The Economist, 6 มิถุนายน 2009, P 66; ไมเคิลลูอิส "ไมเคิลลูอิสใน Wall Street สาบานสละ" Businessweek, 14 มิถุนายน 2010, P 1; ฟิลิปนำเสนอ "ความพยายามที่สมควรที่สาบานให้สูงกว่ามาตรฐาน" ไทม์ทางการเงินที่ 22 เมษายน 2010 P 12