Deforestation is a contributor to g

Deforestation is a contributor to global warming, and is often cited as one of the major causes of the enhanced greenhouse effect. Tropical deforestation is responsible for approximately 20% of world greenhouse gas emissions. According to the Intergovernmental Panel on Climate Change deforestation, mainly in tropical areas, could account for up to one-third of total anthropogenic carbon dioxide emissions. But recent calculations suggest that carbon dioxide emissions from deforestation and forest degradation (excluding peatland emissions) contribute about 12% of total anthropogenic carbon dioxide emissions with a range from 6 to 17%.Deforestation causes carbon dioxide to linger in the atmosphere. As carbon dioxide accrues, it produces a layer in the atmosphere that traps radiation from the sun. The radiation converts to heat which causes global warming, which is better known as the greenhouse effect. Plants remove carbon in the form of carbon dioxide from the atmosphere during the process of photosynthesis, but release some carbon dioxide back into the atmosphere during normal respiration. Only when actively growing can a tree or forest remove carbon, by storing it in plant tissues. Both the decay and burning of wood releases much of this stored carbon back to the atmosphere. In order for forests to take up carbon, there must be a net accumulation of wood. One way is for the wood to be harvested and turned into long-lived products, with new young trees replacing them. Deforestation may also cause carbon stores held in soil to be released. Forests can be either sinks or sources depending upon environmental circumstances. Mature forests alternate between being net sinks and net sources of carbon dioxide (see carbon dioxide sink and carbon cycle).

In deforested areas, the land heats up faster and reaches a higher temperature, leading to localized upward motions that enhance the formation of clouds and ultimately produce more rainfall. However, according to the Geophysical Fluid Dynamics Laboratory, the models used to investigate remote responses to tropical deforestation showed a broad but mild temperature increase all through the tropical atmosphere. The model predicted

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตัดไม้ทำลายป่าเป็นผู้สนับสนุนเรื่องภาวะโลกร้อน และมักจะอ้างเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของเรือนกระจกเพิ่มขึ้น ตัดไม้ทำลายป่าเขตร้อนคือประมาณ 20% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลก ตามว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ การทำลายป่า ส่วนใหญ่ในพื้นที่เขตร้อน สามารถบัญชีสำหรับถึงหนึ่งในสามของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รวมมาของมนุษย์ แต่การคำนวณล่าสุดแนะนำว่า การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการตัดไม้ทำลายป่าและป่าเสื่อมสภาพยกเว้นปล่อย peatland) สมทบประมาณ 12% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาของมนุษย์ที่รวมกับช่วงจาก 6 17% ตัดไม้ทำลายป่าทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ไปที่อิทธิพลในบรรยากาศ เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น ผลิตชั้นในบรรยากาศที่กับดักรังสีจากดวงอาทิตย์ รังสีที่แปลงเป็นความร้อนซึ่งทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งรู้จักกันดีเป็นเรือนกระจก พืชเอาคาร์บอนในรูปของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากบรรยากาศระหว่างกระบวนการสังเคราะห์แสง แต่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บางส่วนกลับสู่ชั้นบรรยากาศในระหว่างการหายใจปกติ เมื่อเติบโตขึ้นอย่างแข็งขันสามารถ ต้นไม้หรือป่าเอาคาร์บอน โดยเก็บในเนื้อเยื่อพืช ทั้งการสลายและเผาไหม้ของไม้ออกมากของคาร์บอนนี้เก็บไว้ไปในบรรยากาศ เพื่อให้ป่าจะใช้คาร์บอน ต้องมีการสะสมสุทธิของไม้ วิธีหนึ่งคือสำหรับไม้ที่จะเก็บเกี่ยว และกลายเป็นผลิตภัณฑ์ระยะยาว ต้นหนุ่มใหม่แทนพวกเขา ตัดไม้ทำลายป่าอาจทำให้เกิดการค้าคาร์บอนในดินที่จะออก ป่าอาจเป็นอ่างหรือแหล่งที่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์สิ่งแวดล้อม ป่าผู้ใหญ่สลับระหว่างการเก็บสุทธิสุทธิแหล่งที่มาของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (ดูระบายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และวัฏจักรคาร์บอน)ในพื้นที่ deforested ดินอุ่นขึ้นได้เร็ว และมีอุณหภูมิสูงขึ้น นำไปสู่การเคลื่อนไหวขึ้นภาษาท้องถิ่นที่ส่งเสริมการก่อตัวของเมฆ และผลิตเพิ่มเติมปริมาณน้ำฝนในที่สุด อย่างไรก็ตาม ตามธรณีพลศาสตร์ของไหลห้องปฏิบัติการ รุ่นที่ใช้ในการตรวจสอบการตอบสนองระยะไกลการทำลายป่าเขตร้อนพบว่าการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิที่กว้าง แต่ไม่รุนแรงผ่านบรรยากาศเขตร้อน แบบจำลองการคาดการณ์ < 0.2 ° C ร้อนบนอากาศที่ 700 mb และ 500 mb อย่างไรก็ตาม รูปแบบแสดงมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในพื้นที่อื่น ๆ นอกเหนือจากเขตร้อน แม้ว่า แบบแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่สำคัญในพื้นที่อื่นนอกเหนือจากเขตร้อน นี้อาจเป็นกรณีเนื่องจากแบบจำลองมีข้อผิดพลาดได้ และผลจะไม่แน่นอนจริง ๆไฟบนเกาะบอร์เนียวและเกาะสุมาตรา 2006 คนใช้เครื่องหมายทับ และเผาทำลายล้างที่ดินสำหรับการเกษตรลดการปล่อยจากการตัดไม้ทำลายป่าและป่าล้อม(กลยุทธ REDD) ในประเทศกำลังพัฒนาได้กลายเป็นศักยภาพใหม่เพื่อเสริมนโยบายสภาพภูมิอากาศอย่างต่อเนื่อง ความคิดประกอบด้วยการให้ค่าตอบแทนทางการเงินสำหรับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก) เรือนกระจกจากการทำลายป่าและป่าเสื่อมสภาพ"ป่าที่เชื่อกันอย่างกว้างขวาง โดยฆราวาสร่วมโลกออกซิเจนเป็นจำนวนมาก แม้ว่าตอนนี้เป็นที่ยอมรับโดย นักวิทยาศาสตร์ว่า ป่ามีส่วนร่วมน้อยสุทธิออกซิเจนเพื่อบรรยากาศและทำลายป่ามีเพียงเล็กน้อยผลระดับบรรยากาศออกซิเจน อย่างไรก็ตาม การเผาและการเผาป่าพืชการล้างดินออกจำนวนมากของ CO2 ซึ่งก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า การทำลายป่าเขตร้อนออก 1.5 พันล้านตันคาร์บอนในแต่ละปีสู่ชั้นบรรยากาศ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตัดไม้ทำลายป่าเป็นผู้สนับสนุนให้เกิดภาวะโลกร้อนและมักจะอ้างว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของภาวะเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้น ตัดไม้ทำลายป่าเขตร้อนที่เป็นผู้รับผิดชอบประมาณ 20% ของโลกปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามที่คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ ตัดไม้ทำลายป่าส่วนใหญ่ในพื้นที่เขตร้อนสามารถอธิบายได้ถึงหนึ่งในสามของการปล่อยก๊าซคาร์บอนของมนุษย์ทั้งหมด แต่การคำนวณที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการทำลายป่าและความเสื่อมโทรมของป่า (ไม่รวมการปล่อยป่าพรุ) มีส่วนร่วมประมาณ 12% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของมนุษย์ทั้งหมดมีช่วง 6-17% .Deforestation ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่ออิทธิพลในบรรยากาศ ในฐานะที่เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้นจะผลิตชั้นในบรรยากาศที่ดักรังสีจากดวงอาทิตย์ รังสีจะแปลงไปเป็นความร้อนที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะภาวะเรือนกระจก พืชลบคาร์บอนในรูปแบบของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากบรรยากาศในระหว่างขั้นตอนของการสังเคราะห์ แต่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บางส่วนกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศในระหว่างการหายใจปกติ เฉพาะเมื่อเติบโตอย่างแข็งขันต้นไม้หรือป่าสามารถลบคาร์บอนโดยเก็บไว้ในเนื้อเยื่อพืช ทั้งการสลายตัวและการเผาไหม้ของการเผยแพร่ไม้มากของคาร์บอนที่เก็บไว้นี้กลับมาสู่ชั้นบรรยากาศ เพื่อให้ป่าจะใช้คาร์บอนจะต้องมีการสะสมสุทธิจากไม้ วิธีหนึ่งคือไม้ที่จะเก็บเกี่ยวและกลายเป็นผลิตภัณฑ์ระยะยาวกับต้นไม้เล็กใหม่แทนที่พวกเขา ตัดไม้ทำลายป่ายังอาจทำให้เกิดคาร์บอนร้านค้าที่จัดขึ้นในดินที่จะได้รับการปล่อยตัว ป่าไม้สามารถเป็นได้ทั้งอ่างล้างมือหรือแหล่งที่มาขึ้นอยู่กับสถานการณ์สิ่งแวดล้อม ป่าผู้ใหญ่สลับระหว่างการเป็นอ่างล้างมือสุทธิและแหล่งสุทธิของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (ดูคาร์บอนอ่างก๊าซและวัฏจักรคาร์บอน).

ในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมที่ดินร้อนขึ้นเร็วขึ้นและถึงอุณหภูมิที่สูงขึ้นนำไปสู่การที่มีการแปลการเคลื่อนไหวขึ้นที่ช่วยเพิ่มการก่อตัวของเมฆและ ในท้ายที่สุดการผลิตปริมาณน้ำฝนมากขึ้น แต่ตามฟิสิกส์ของไหล Dynamics ห้องปฏิบัติการแบบจำลองที่ใช้ในการตรวจสอบการตอบสนองจากระยะไกลเพื่อตัดไม้ทำลายป่าเขตร้อนที่พบว่ามีการเพิ่มอุณหภูมิในวงกว้าง แต่ไม่รุนแรงทั้งหมดที่ผ่านบรรยากาศเขตร้อน รูปแบบที่คาดการณ์ <0.2 ° C ร้อนสำหรับอากาศบนที่ 700 MB และ 500 MB อย่างไรก็ตามรูปแบบการแสดงให้เห็นว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในพื้นที่อื่น ๆ นอกเหนือจากเขตร้อน แม้ว่ารูปแบบการแสดงให้เห็นว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญกับสภาพภูมิอากาศในพื้นที่อื่น ๆ กว่าเขตร้อนนี้ไม่อาจเป็นกรณีตั้งแต่รุ่นมีข้อผิดพลาดที่เป็นไปได้และผลที่ไม่แน่นอนอย่างแน่นอน.


ไฟไหม้บนเกาะบอร์เนียวและสุมาตรา 2006 คนใช้เฉือนและ ตัดไม้ทำลายป่าเพื่อล้าง -burn ที่ดินสำหรับการเกษตร.
ลดการปล่อยก๊าซจากการทำลายป่าและความเสื่อมโทรมของป่า (REDD) ในประเทศกำลังพัฒนาได้กลายเป็นใหม่ที่มีศักยภาพเพื่อเสริมนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างต่อเนื่อง ความคิดที่ประกอบด้วยในการให้ค่าตอบแทนทางการเงินสำหรับการลดก๊าซเรือนกระจก (GHG) จากการทำลายป่าและความเสื่อมโทรมของป่า ".

ป่าฝนที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางโดยฆราวาสจะมีส่วนร่วมเป็นจำนวนมากของออกซิเจนของโลกแม้ว่ามันจะได้รับการยอมรับในขณะนี้โดยนักวิทยาศาสตร์ที่ป่าฝนเขตร้อนมีส่วนร่วม ออกซิเจนสุทธิเล็กน้อยเพื่อให้บรรยากาศและตัดไม้ทำลายป่ามีเพียงผลกระทบเล็กน้อยต่อระดับออกซิเจนในชั้นบรรยากาศ. อย่างไรก็ตามการเผาและการเผาไหม้ของพืชป่าเพื่อล้างเผยแพร่ที่ดินจำนวนมากของ CO2 ซึ่งก่อให้เกิด warming.Scientists ทั่วโลกนอกจากนี้ยังระบุว่าการทำลายป่าเขตร้อนรุ่น 1.5 พันล้านตันของคาร์บอนในแต่ละปีออกสู่ชั้นบรรยากาศ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การตัดไม้ทำลายป่าเป็นผู้สนับสนุนกับภาวะโลกร้อน และมักจะอ้างเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก การทำลายป่าเขตร้อนเป็นผู้รับผิดชอบประมาณ 20 % ของโลก การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามที่คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การทำลายป่าไม้ ส่วนใหญ่ในพื้นที่เขตร้อน อาจบัญชีสำหรับถึงหนึ่งในสามของมนุษย์โดยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ . แต่การคำนวณล่าสุดชี้ให้เห็นว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำลายป่าและความเสื่อมโทรมของป่า ( ไม่รวมการปล่อยพรุ ) สนับสนุนประมาณ 12 % ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดของมนุษย์กับช่วงตั้งแต่ 6 ถึง 17 เปอร์เซ็นต์ การตัดไม้ทำลายป่าทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อ้อยอิ่งอยู่ในบรรยากาศ เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ค้าง จะสร้างเลเยอร์ในบรรยากาศที่ดักรังสีจากดวงอาทิตย์ รังสีที่แปลงความร้อนซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะภาวะเรือนกระจก พืชเอาคาร์บอนในรูปก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากบรรยากาศในระหว่างกระบวนการสังเคราะห์แสง แต่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์กลับสู่บรรยากาศบางช่วงการหายใจปกติ เมื่องานเติบโตสามารถต้นไม้หรือป่าเอาคาร์บอน โดยเก็บไว้ในเนื้อเยื่อพืช ทั้งผุและการเผาไหม้ของไม้รุ่นนี้เก็บไว้มากคาร์บอนกลับสู่บรรยากาศ เพื่อให้ป่าจะใช้คาร์บอน ต้องมีการสะสมสุทธิของไม้ วิธีหนึ่งคือ สำหรับไม้ที่จะเก็บเกี่ยวและกลายเป็นผลิตภัณฑ์จีรัง กับต้นที่ยังใหม่แทนที่พวกเขา การตัดไม้ทำลายป่ายังอาจก่อให้เกิดคาร์บอนร้านค้าจัดขึ้นในดินจะถูกปล่อยตัวไป ป่าสามารถเก็บหรือแหล่งที่มาขึ้นอยู่กับสถานการณ์สิ่งแวดล้อม เป็นป่าสลับระหว่างการจมตาข่าย และแหล่งสุทธิของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ( ดูจมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และวัฏจักรของคาร์บอน )การตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ ที่ดินร้อนขึ้นถึงอุณหภูมิสูงไปสู่ถิ่นขึ้น การเคลื่อนไหวที่เพิ่มการก่อตัวของเมฆและในที่สุดผลิตปริมาณฝนมากกว่า อย่างไรก็ตาม ตามไปยังห้องปฏิบัติการฟิสิกส์พลศาสตร์ของเหลว , แบบจำลองเพื่อศึกษาการตอบสนองการทำลายป่าเขตร้อนระยะไกลเพื่อให้กว้าง แต่ไม่รุนแรง การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิตลอดบรรยากาศเขตร้อน แบบจำลองทำนาย < 0.2 ° C อุ่นอากาศบนที่ 700 MB และ 500 MB อย่างไรก็ตาม รูปแบบรายการ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่อื่น ๆนอกเหนือจากเขตร้อน แม้ว่ารูปแบบ พบไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่อสภาพอากาศในพื้นที่อื่นมากกว่าเขตร้อนนี้อาจเป็นกรณีเนื่องจากแบบจำลองมีข้อผิดพลาดที่เป็นไปได้และผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอนไฟบนเกาะบอร์เนียวและเกาะสุมาตรา , 2006 คนที่ใช้เฉือนและการเผาไหม้ไม้เพื่อที่ดินที่ชัดเจน เพื่อการเกษตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำลายป่าและป่าเสื่อมโทรม ( REDD ) ในการพัฒนาประเทศได้เกิดเป็นศักยภาพใหม่เพื่อเสริมนโยบายสภาพภูมิอากาศอย่างต่อเนื่อง ความคิดที่ประกอบด้วยในการให้การชดเชยทางการเงินสำหรับการลดก๊าซเรือนกระจก ( GHG ) การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำลายป่าและความเสื่อมโทรมของป่า " .ป่าดิบเขาที่เชื่อกันอย่างกว้างขวาง โดยประชาชนมีส่วนร่วมจำนวนเงินที่สำคัญของโลก ออกซิเจน แม้ว่าตอนนี้ยอมรับโดยนักวิทยาศาสตร์ที่ป่าฝนกระจายออกซิเจนสุทธิเล็กน้อยกับบรรยากาศ และการตัดไม้ทำลายป่าได้เพียงเล็กน้อยต่อระดับออกซิเจนในบรรยากาศ อย่างไรก็ตาม การเผาไหม้ของพืชป่าและที่ดินที่ชัดเจนออกจำนวนมากของ CO2 ซึ่งก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน นักวิทยาศาสตร์ยังระบุว่า การทำลายป่าเขตร้อนรุ่น 1.5 พันล้านตันของคาร์บอนในแต่ละปีในบรรยากาศ