The run chart allows us to learn a

The run chart allows us to learn a great deal
about the performance of our process with
minimal mathematical complexity. Specifically,
it provides a simple method to determine
if a process is demonstrating non-random
patterns, what we term a ‘signal’. By focussing
on the time order that data are collected, the
run chart can be applied when traditional
methods to determine statistical significance
(t-test, chi-square, F test) are not useful.
Important uses of the run chart for improvement
activities include the following

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แผนภูมิที่ใช้ช่วยให้เราเรียนรู้ที่ดีที่สุดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของกระบวนการของเราด้วยความซับซ้อนทางคณิตศาสตร์น้อยที่สุด โดยเฉพาะมีวิธีง่าย ๆ ในการกำหนดถ้ากระบวนการจะเห็นไม่ใช่สุ่มรูปแบบ สิ่งที่เราระยะ 'สัญญาณ' โดย focussingบนใบสั่งเวลาที่มีการรวบรวมข้อมูล การแผนภูมิที่ใช้สามารถใช้ได้เมื่อดั้งเดิมวิธีการกำหนดนัยสำคัญทางสถิติ(t-ทดสอบ chi-square ทดสอบ F) ไม่เป็นประโยชน์ใช้ความสำคัญของแผนภูมิที่ใช้สำหรับปรับปรุงกิจกรรมมีดังนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วิ่งแผนภูมิช่วยให้เราสามารถเรียนรู้การจัดการที่ดี
เกี่ยวกับประสิทธิภาพของกระบวนการของเราที่มี
ความซับซ้อนทางคณิตศาสตร์น้อยที่สุด โดยเฉพาะ
ก็มีวิธีการที่ง่ายในการตรวจสอบ
หากกระบวนการจะแสดงให้เห็นถึงที่ไม่สุ่ม
รูปแบบสิ่งที่เราระยะ 'สัญญาณ' โดยมุ่งเน้น
ในการสั่งซื้อครั้งว่าข้อมูลจะถูกเก็บรวบรวม
แผนภูมิการทำงานสามารถนำมาใช้เมื่อดั้งเดิม
วิธีการในการกำหนดนัยสำคัญทางสถิติ
(t-test, ไคสแควร์ทดสอบ F) ไม่เป็นประโยชน์.
การใช้งานที่สำคัญของแผนภูมิการทำงานสำหรับการปรับปรุง
กิจกรรมรวมถึง ดังต่อไปนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แผนภูมิที่ใช้จะช่วยให้เราสามารถเรียนรู้มากเกี่ยวกับประสิทธิภาพของกระบวนการ

ของเราที่มีความซับซ้อนทางคณิตศาสตร์ที่น้อยที่สุด โดย
มันมีวิธีการที่ง่ายในการตรวจสอบ
ถ้ากระบวนการแสดงให้เห็นถึงรูปแบบสุ่ม
ไม่ใช่สิ่งที่เราในระยะ ' สัญญาณ ' โดย
โดยในเวลาเพื่อที่ข้อมูลจะถูกเก็บรวบรวม ,
แผนภูมิเรียกใช้สามารถดั้งเดิม
เมื่อใช้วิธีการตรวจสอบ
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( t-test , ไคสแควร์ทดสอบ F ) จะไม่ได้ประโยชน์
ที่สำคัญใช้แผนภูมิสำหรับกิจกรรมการพัฒนา
ดังต่อไปนี้ ได้แก่