The first major movement of Medieva

The first major movement of Medieval art, the style known as "Romanesque" can be used to cover all derivations of Roman architecture in the West, from the fall of Rome (c.450 CE) until the advent of the Gothic style around 1150. Traditionally, however, the term refers to the specific style of architecture, along with sculpture and other minor arts that appeared across France, Germany, Italy and Spain during the 11th century. Richer and more grandiose than anything witnessed during the era of Early Christian Art, the Romanesque style is characterized by a massiveness of scale, reflecting the greater social stability of the new Millennium, and the growing confidence of the Christian Church in Rome, a Church whose expansionism set in motion the Crusades to free the Holy Land from the grip of Islam. Later, the success of the Crusaders and their acquisition of Holy Relics stimulated further construction of new churches across Europe in the fully fledged Romanesque style of architecture (Norman architecture in Britain and Ireland). In turn this building program produced a huge demand for decorative religious art, including sculpture, stained glass and ecclesiastical metalwork of all types. By the 12th century certain architects and sculptors had become highly sought-after by ecclesiastical and also secular patrons.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เคลื่อนไหวหลักแรกของศิลปะยุคกลาง ลักษณะที่เรียกว่า "โรมาเนสก์" สามารถใช้เพื่อครอบคลุมทั้งหมดรากศัพท์สถาปัตยกรรมโรมันตะวันตก จากการล่มสลายของกรุงโรม (c.450 CE) จนมายสไตล์โกธิคประมาณ 1150 ประเพณี อย่างไรก็ตาม คำอ้างถึงลักษณะเฉพาะของสถาปัตยกรรม ประติมากรรมและศิลปะอื่น ๆ เล็กน้อยที่ปรากฏในฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และสเปนในช่วงศตวรรษ 11 ยิ่งขึ้น และยอดเยี่ยมกว่าสิ่งที่เห็นในช่วงยุคของศิลปะคริสเตียนช่วงต้น เป็นลักษณะแบบโรมัน โดย massiveness ของขนาด สะท้อนสังคมมากกว่าของมิลเลนเนียมใหม่ และความเชื่อมั่นการเติบโตของคริสตจักรคริสเตียนในกรุงโรม โบสถ์ expansionism ที่ตั้งในการเคลื่อนไหวสงครามครูเสดฟรีดินแดนศักดิ์สิทธิ์จากการจับของอิสลาม ภายหลัง ความสำเร็จของ Crusaders ที่และพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาซื้อถูกกระตุ้นการก่อสร้างโบสถ์ใหม่ทั่วยุโรปในสไตล์โรมันเต็ม fledged สถาปัตยกรรม (สถาปัตยกรรมนอร์มันในอังกฤษและไอร์แลนด์) ในโปรแกรมนี้อาคารผลิตต้องใหญ่ตกแต่งศิลปะศาสนา ประติมากรรม งานกระจก และ metalwork ecclesiastical ทุกชนิด โดยศตวรรษ 12 บางสถาปนิกนี้ได้กลายเป็นชื่อสูง โดย ecclesiastical และทางโลกยังนั่ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การเคลื่อนไหวครั้งแรกที่สำคัญของศิลปะยุครูปแบบที่เรียกว่า "โรมัน" สามารถนำมาใช้เพื่อให้ครอบคลุมทุก derivati​​ons ของสถ​​าปัตยกรรมโรมันในเวสต์จากการล่มสลายของกรุงโรม (c.450 ซีอี) จนกระทั่งการมาถึงของสไตล์โกธิครอบ 1150 ตามเนื้อผ้า แต่หมายถึงรูปแบบที่เฉพาะเจาะจงของสถ​​าปัตยกรรมพร้อมกับประติมากรรมและศิลปะย่อยอื่น ๆ ที่ปรากฏทั่วฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลีและสเปนในช่วงศตวรรษที่ 11 ยิ่งขึ้นและยิ่งใหญ่มากขึ้นกว่าสิ่งที่เห็นในยุคของคริสเตียนศิลปะ, โรมันสไตล์ที่โดดเด่นด้วยความหนักแน่นของขนาดที่สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงทางสังคมมากขึ้นของสหัสวรรษใหม่และความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของโบสถ์ในคริสต์ศาสนาในกรุงโรม, คริสตจักรที่มี expansionism ตั้งในการเคลื่อนไหวสงครามครูเสดเพื่อปลดปล่อยดินแดนศักดิ์สิทธิ์จากการจับของศาสนาอิสลาม ต่อมาความสำเร็จของแซ็กซอนและการซื้อของพวกเขาจากพระธาตุกระตุ้นการก่อสร้างต่อไปของคริสตจักรใหม่ทั่วยุโรปในสไตล์โรมันเต็มเปี่ยมของสถ​​าปัตยกรรม (สถาปัตยกรรมนอร์แมนในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์) ในทางกลับกันการก่อสร้างโครงการนี​​้ผลิตความต้องการมากสำหรับศาสนาศิลปะการตกแต่งรวมทั้งประติมากรรมกระจกสีและโลหะสงฆ์ทุกประเภท โดยศตวรรษที่ 12 สถาปนิกบางอย่างและประติมากรได้กลายเป็นอย่างมากขอหลังโดยลูกค้าสงฆ์และฆราวาส

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การเคลื่อนไหวที่สำคัญของศิลปะยุคกลางลักษณะที่เรียกว่า " ไบแซนไทน์ " สามารถใช้เพื่อให้ครอบคลุมแหล่งที่มาของสถาปัตยกรรมโรมันในตะวันตก จากการล่มสลายของกรุงโรม ( c.450 CE ) จนกระทั่งการมาถึงของกอธิคสไตล์ประมาณ 1150 . ตามธรรมเนียม แต่ระยะหมายถึงลักษณะเฉพาะของสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และศิลปะอื่น ๆพร้อมกับผู้เยาว์ที่ปรากฏในฝรั่งเศส เยอรมนีอิตาลีและสเปนในช่วงศตวรรษที่ 11 ยิ่งขึ้นและยิ่งใหญ่มากกว่าสิ่งที่เห็นในยุคของศิลปะเมโรแว็งเชียง สไตล์โรมันมีลักษณะตามความใหญ่โตของมาตราส่วน สะท้อนสังคมมากขึ้น ความมั่นคงของสหัสวรรษใหม่ และความมั่นใจในการเติบโตของคริสตจักรในกรุงโรมโบสถ์ที่มี expansionism ตั้งในการเคลื่อนไหวสงครามครูเสดเพื่อฟรีที่ดินศักดิ์สิทธิ์จากการจับของศาสนาอิสลาม ภายหลังความสำเร็จของแซ็กซอนและจัดหาของพระธาตุศักดิ์สิทธิ์กระตุ้นการก่อสร้างเพิ่มเติมใหม่ของโบสถ์ทั่วยุโรปในสไตล์โรมาเนสก์เต็มเปี่ยมของสถาปัตยกรรม ( สถาปัตยกรรมนอร์มันในอังกฤษและไอร์แลนด์ )ในการเปิดโปรแกรมนี้สร้างสร้างความต้องการมากสำหรับศิลปะ ศาสนา รวมทั้งประติมากรรมตกแต่ง กระจกสี และนักบวชเครื่องโลหะทุกชนิด โดยสถาปนิกหนึ่งศตวรรษที่ 12 และประติมากรได้กลายเป็นแสวงหาอย่างหลังโดยนักบวชและฆราวาส
อุปถัมภ์ .