เดิมมีพี่น้อง ๒ คน พี่ชื่อยมดึงเป็นชาย น้องชื่อยมโดย เป็นหญิง ตั้งบ้าน การแปล - เดิมมีพี่น้อง ๒ คน พี่ชื่อยมดึงเป็นชาย น้องชื่อยมโดย เป็นหญิง ตั้งบ้าน ไทย วิธีการพูด

เดิมมีพี่น้อง ๒ คน พี่ชื่อยมดึงเป็น

เดิมมีพี่น้อง ๒ คน พี่ชื่อยมดึงเป็นชาย น้องชื่อยมโดย เป็นหญิง ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมานางยมโดยเสียชีวิตตายมเศร้าโศกมากจึงละทิ้งถิ่นเดิมไปตามยถากรรมจนมาถึงสุราษฏร์ธานี และอาศัยอยู่กับตาโจงโดง มีอาชีพหาน้ำมันชันจากต้นยาง เนื่องจากตายมดึงเป็นคนขยันจนตาโจงโดงพอใจมาก ถึงกับยกนางทองตึงให้แก่ตายมดึงอยู่มาวันหนึ่งมีโขลงช้างป่าเข้ามาทำลายไร่ข้าวของตายมดึง ไล่ไปแล้วก็กลับมาอีกจนนายยมดึงโกรธแค้น จะฆ่าช้างทั้งโขลงตางุ้ม เป็นชาวบ้านพุมเรียง มีอาชีพค้าขายตางุ้มมีช้างอยู่ ๒ เชือก เป็นช้างพังและช้างพลายเพื่อเป็นพาหนะในการบรรทุกสินค้า ขณะตางุ้มพักช้างอยู่เห็น โขลงช้างที่ตายมดึงไล่วิ่งผ่านมา ช้างพลายของตางุ้มเห็นช้างพังงามเข้าก็กระชากปลอกขาดออกวิ่งติดตามนางช้างพังป่าน ได้อาละวาดต่อสู้กับช้างพลายป่าจนฝูงช้างแตกกระจัดกระจายหนีไปจนเป็นเหตุให้ตายมดึงตามหาช้างของตางุ้ม ตายมดึง สะกดรอยล่าช้างกับหมาตัวหนึ่ง ตามมาจนถึงคลองสก มี ช้างพังเชือกหนึ่งกำลังท้องแก่ตกใจวิ่งหนี จนพลาดตกลงไปในคลองทำให้ตกลูกออกมา ลูกช้างตัวนั้นกลายเป็นหินอยู่กลางคลองสก จึงเรียกว่า “หินลูกช้าง” ตายมดึงยังคงติดตามรอยช้างต่อไป โดยลากหอกตามไป เรื่อย ๆทำให้ดินและหินแยกเป็นทางน้ำอยู่ในเสุราษฎร์ธานี เรียกหมู่บ้านนั้นว่า “บางลากหอก” ตายมดึงตามช้างไปจนถึงช่องเขา ในตำบลคลองสก มีม้าตัวหนึ่งเหลียวมาดูตายมดึง เขาช่องจึงได้ชื่อว่า “ช่องม้าเหลียว” ครั้นไล่ต่อไปจนเกือบจะทันตายมดึงได้เอาดินปืนใส่กระบอกปืนจ้องยิง แต่กระสุนพลาดไปจึงเรียกสถานที่ที่กระสุนตก บ้านบางหมานว่า “ช่องลูกปลาย” และด้วยความโกรธที่ยิงช้างไม่ถูกตายมดึง จึงโยนปืนทิ้ง ปืนไปตกบนภูเขาตรงหน้าวัดสองพี่น้อง ตำบลคลองสก จึงเรียนภูเขานั้นว่า “เขาโยน”ตายมดึงเหนื่อยมาก จึงปล่อยให้หมาไล่ช้างไปก่อน หมาไล่ไปพบแลน แลนวิ่งหนีลงรู แต่แลนถูกหมาตะครุบได้ตรงส่วนหาง หางแลนจึงหลุดคารู จึงเรียกสถานที่นั้นว่า “แลนคารู” แลนหลุดไปได้หมาได้แต่แหงนดู จึงเรียกที่บริเวณนั้นว่า “ย่านหมาแหงน” ฝ่ายตายมดึงได้ใช้พร้าขว้างแลนพลาดไปถูกภูเขา จึงเรียกว่า “เขาพร้าหัก” ต่อไปอีกเกิดฝนตกหนักจึงเอาดินปืนทิ้งไว้ในถ้ำ จึงเรียกถ้ำนั้นว่า”ถ้ำดินปืน”ช้างพลายของตางุ้มถูกตายมดึงตามล่าต้องเตลิดหนีไปหยุดนอน ในเขตอำเภอท้ายเหมือง จึงได้ชื่อว่า “บ้านช้างนอน” พอตายมดึงตามมาเกือบทันช้างก็หนีต่อไปจนผ่านช่องเขาตายมดึงเห็นแผ่นหินใหญ่ วางอยู่จึงยืนลับหอกกับแผ่นหินนั้น จึงได้ชื่อว่า “เขาหินลับ” ตายมดึงตามล่าจนเข้าเขตเมืองพังงา ก็เป็นที่ป่ารกและฝนตกหนัก จึงปืนขึ้นไปบนภูเขา แล้วชะโงกดูช้างบริเวณนั้นจึงเรียกว่า “ทุ่งคาโง่ก” พอตายมดึงเห็นช้างก็รีบลงมาใช้หอกแทงช้างเข้าที่ขาข้างหนึ่งเป็นแผลใหญ่ และพิการเดินไม่ถนัด เรียกบริเวณนั้นว่า “บ้านแผล” ช้างยังหนีต่อไปจนหมดแรงก็หมอบนอนอยู่กลางแดด จึงรียกว่า “บ้านตากแดด” ตายมดึงได้ใช้หอกแทงตรงท้องของช้างเลือดไหลทะลักออกมาก็สามารถล้มช้างพลายของตางุ้มได้สำเร็จช้างนั้นกลายเป็นหินเรียกว่า “เขาช้าง” ตรงส่วนที่เป็นท้องของช้าง มีเลือดไหลทะลักออกมา กลายเป็นน้ำตก และท้องช้างกลายเป็นถ้ำใหญ่เรียกว่า “ถ้ำพุงช้าง” และด้วยความแค้นของ ตายมดึงได้ผ่าท้องช้างล้วงเอาตับไตไส้พุงออกมาต้มแกงกิน พอกินเสร็จก็ยกหม้อข้าวหม้อแกงเหวี่ยงลงในวังน้ำใกล้ ๆ จึงเรียกว่า “วังหม้อแกง” และต่อมาคำว่า “พิงงา” ได้กลายมาเป็น “พังงา”ฝ่ายตางุ้มเจ้าของช้างเที่ยวตามหาช้างของตนไม่พบ ตามมาจนถึงพังงา จึงรู้ว่าช้างของตนถูกฆ่าเสียแล้วก็เสียใจจนขาดใจตายตามช้างไป แล้วร่างของตางุ้มกลายเป็นภูเขาเรียกว่า “เขาตางุ้ม” นั่งเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ ซากช้าง คือ “เขาช้าง” เมื่อถูกงาออกจึงเรียกว่า “พังงา” เขาช้างมีเรื่องเล่ามาว่า ตายมดึงได้ผูกช้างไว้จะไปช่วยการแต่งงานลูกสาวตาม่องล่าย แต่ช้างได้ไปเหยียบข้าวในนาของตายมดึงเสียไปมาก แล้วก็หนี ตายมดึงไล่ช้างมาตั้งแต่ตะกั่วป่ามาแล้วฆ่าช้างตาย ตายมดึงถอนงาช้างไปพิงไว้ที่เขาลูกหนึ่ง จึงมีชื่อว่า “เขาพิงงา” เล่ากันต่อไปว่าเมืองนี้เดิมเรียกว่า “เมืองพิงงา ” มาภายหลังจึงเพี้ยนไปเป็น พังงา

0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
เดิมมีพี่น้อง ๒ คนพี่ชื่อยมดึงเป็นชายน้องชื่อยมโดยเป็นหญิงตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ประจวบคีรีขันธ์ต่อมานางยมโดยเสียชีวิตตายมเศร้าโศกมากจึงละทิ้งถิ่นเดิมไปตามยถากรรมจนมาถึงสุราษฏร์ธานีและอาศัยอยู่กับตาโจงโดงมีอาชีพหาน้ำมันชันจากต้นยางเนื่องจากตายมดึงเป็นคนขยันจนตาโจงโดงพอใจมากถึงกับยกนางทองตึงให้แก่ตายมดึงอยู่มาวันหนึ่งมีโขลงช้างป่าเข้ามาทำลายไร่ข้าวของตายมดึงไล่ไปแล้วก็กลับมาอีกจนนายยมดึงโกรธแค้นจะฆ่าช้างทั้งโขลงตางุ้มเป็นชาวบ้านพุมเรียงมีอาชีพค้าขายตางุ้มมีช้างอยู่ ๒ ให้เป็นช้างพังและช้างพลายเพื่อเป็นพาหนะในการบรรทุกสินค้าขณะตางุ้มพักช้างอยู่เห็นโขลงช้างที่ตายมดึงไล่วิ่งผ่านมาช้างพลายของตางุ้มเห็นช้างพังงามเข้าก็กระชากปลอกขาดออกวิ่งติดตามนางช้างพังป่านได้อาละวาดต่อสู้กับช้างพลายป่าจนฝูงช้างแตกกระจัดกระจายหนีไปจนเป็นเหตุให้ตายมดึงตามหาช้างของตางุ้มตายมดึงสะกดรอยล่าช้างกับหมาตัวหนึ่งตามมาจนถึงคลองสกมีช้างพังเชือกหนึ่งกำลังท้องแก่ตกใจวิ่งหนีจนพลาดตกลงไปในคลองทำให้ตกลูกออกมาลูกช้างตัวนั้นกลายเป็นหินอยู่กลางคลองสกจึงเรียกว่ลาก "หินลูกช้าง" ตายมดึงยังคงติดตามรอยช้างต่อไปโดยลากหอกตามไปเรื่อยๆทำให้ดินและหินแยกเป็นทางน้ำอยู่ในเสุราษฎร์ธานีเรียกหมู่บ้านนั้นว่า "บางลากหอก" ตายมดึงตามช้างไปจนถึงช่องเขาในตำบลคลองสกมีม้าตัวหนึ่งเหลียวมาดูตายมดึงเขาช่องจึงได้ชื่อว่า "ช่องม้าเหลียว" ครั้นไล่ต่อไปจนเกือบจะทันตายมดึงได้เอาดินปืนใส่กระบอกปืนจ้องยิงแต่กระสุนพลาดไปจึงเรียกสถานที่ที่กระสุนตกบ้านบางหมานว่า "ช่องลูกปลาย" และด้วยความโกรธที่ยิงช้างไม่ถูกตายมดึงจึงโยนปืนทิ้งปืนไปตกบนภูเขาตรงหน้าวัดสองพี่น้องตำบลคลองสกจึงเรียนภูเขานั้นว่า "เขาโยน" ตายมดึงเหนื่อยมากจึงปล่อยให้หมาไล่ช้างไปก่อนหมาไล่ไปพบแลนแลนวิ่งหนีลงรูแต่แลนถูกหมาตะครุบได้ตรงส่วนหางหางแลนจึงหลุดคารูจึงเรียกสถานที่นั้นว่า "แลนคารู" แลนหลุดไปได้หมาได้แต่แหงนดูจึงเรียกที่บริเวณนั้นว่า "ย่านหมาแหงน" ฝ่ายตายมดึงได้ใช้พร้าขว้างแลนพลาดไปถูกภูเขาจึงเรียกว่า "เขาพร้าหัก" ต่อไปอีกเกิดฝนตกหนักจึงเอาดินปืนทิ้งไว้ในถ้ำจึงเรียกถ้ำนั้นว่า "ถ้ำดินปืน" ช้างพลายของตางุ้มถูกตายมดึงตามล่าต้องเตลิดหนีไปหยุดนอนในเขตอำเภอท้ายเหมืองจึงได้ชื่อว่า "บ้านช้างนอน" พอตายมดึงตามมาเกือบทันช้างก็หนีต่อไปจนผ่านช่องเขาตายมดึงเห็นแผ่นหินใหญ่วางอยู่จึงยืนลับหอกกับแผ่นหินนั้นจึงได้ชื่อว่า "เขาหินลับ" ตายมดึงตามล่าจนเข้าเขตเมืองพังงาก็เป็นที่ป่ารกและฝนตกหนักจึงปืนขึ้นไปบนภูเขาแล้วชะโงกดูช้างบริเวณนั้นจึงเรียกว่า "ทุ่งคาโง่ก" พอตายมดึงเห็นช้างก็รีบลงมาใช้หอกแทงช้างเข้าที่ขาข้างหนึ่งเป็นแผลใหญ่และพิการเดินไม่ถนัดเรียกบริเวณนั้นว่า "บ้านแผล" ช้างยังหนีต่อไปจนหมดแรงก็หมอบนอนอยู่กลางแดดจึงรียกว่า "บ้านตากแดด"ตายมดึงได้ใช้หอกแทงตรงท้องของช้างเลือดไหลทะลักออกมาก็สามารถล้มช้างพลายของตางุ้มได้สำเร็จช้างนั้นกลายเป็นหินเรียกว่า"เขาช้าง"ตรงส่วนที่เป็นท้องของช้างมีเลือดไหลทะลักออกมากลายเป็นน้ำตกและท้องช้างกลายเป็นถ้ำใหญ่เรียกว่า"ถ้ำพุงช้าง"และด้วยความแค้นของตายมดึงได้ผ่าท้องช้างล้วงเอาตับไตไส้พุงออกมาต้มแกงกินพอกินเสร็จก็ยกหม้อข้าวหม้อแกงเหวี่ยงลงในวังน้ำใกล้ๆ จึงเรียกว่า"วังหม้อแกง"และต่อมาคำว่า"พิงงา"ได้กลายมาเป็น"พังงา"ฝ่ายตางุ้มเจ้าของช้างเที่ยวตามหาช้างของตนไม่พบตามมาจนถึงพังงาจึงรู้ว่าช้างของตนถูกฆ่าเสียแล้วก็เสียใจจนขาดใจตายตามช้างไปแล้วร่างของตางุ้มกลายเป็นภูเขาเรียกว่า "เขาตางุ้ม" นั่งเฝ้าอยู่ใกล้ๆ ซากช้างคือ "เขาช้าง" เมื่อถูกงาออกจึงเรียกว่า "พังงา" เขาช้างมีเรื่องเล่ามาว่าตายมดึงได้ผูกช้างไว้จะไปช่วยการแต่งงานลูกสาวตาม่องล่ายแต่ช้างได้ไปเหยียบข้าวในนาของตายมดึงเสียไปมากแล้วก็หนีตายมดึงไล่ช้างมาตั้งแต่ตะกั่วป่ามาแล้วฆ่าช้างตายตายมดึงถอนงาช้างไปพิงไว้ที่เขาลูกหนึ่งจึงมีชื่อว่า "เขาพิงงา" เล่ากันต่อไปว่าเมืองนี้เดิมเรียกว่า "เมืองพิงงา" มาภายหลังจึงเพี้ยนไปเป็นพังงา
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
เดิมมีพี่น้อง ๒ คน พี่ชื่อยมดึงเป็นชาย น้องชื่อยมโดย เป็นหญิง ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมานางยมโดยเสียชีวิตตายมเศร้าโศกมากจึงละทิ้งถิ่นเดิมไปตามยถากรรมจนมาถึงสุราษฏร์ธานี และอาศัยอยู่กับตาโจงโดง มีอาชีพหาน้ำมันชันจากต้นยาง เนื่องจากตายมดึงเป็นคนขยันจนตาโจงโดงพอใจมาก ถึงกับยกนางทองตึงให้แก่ตายมดึงอยู่มาวันหนึ่งมีโขลงช้างป่าเข้ามาทำลายไร่ข้าวของตายมดึง ไล่ไปแล้วก็กลับมาอีกจนนายยมดึงโกรธแค้น จะฆ่าช้างทั้งโขลงตางุ้ม เป็นชาวบ้านพุมเรียง มีอาชีพค้าขายตางุ้มมีช้างอยู่ ๒ เชือก เป็นช้างพังและช้างพลายเพื่อเป็นพาหนะในการบรรทุกสินค้า ขณะตางุ้มพักช้างอยู่เห็น โขลงช้างที่ตายมดึงไล่วิ่งผ่านมา ช้างพลายของตางุ้มเห็นช้างพังงามเข้าก็กระชากปลอกขาดออกวิ่งติดตามนางช้างพังป่าน ได้อาละวาดต่อสู้กับช้างพลายป่าจนฝูงช้างแตกกระจัดกระจายหนีไปจนเป็นเหตุให้ตายมดึงตามหาช้างของตางุ้ม ตายมดึง สะกดรอยล่าช้างกับหมาตัวหนึ่ง ตามมาจนถึงคลองสก มี ช้างพังเชือกหนึ่งกำลังท้องแก่ตกใจวิ่งหนี จนพลาดตกลงไปในคลองทำให้ตกลูกออกมา ลูกช้างตัวนั้นกลายเป็นหินอยู่กลางคลองสก จึงเรียกว่า “หินลูกช้าง” ตายมดึงยังคงติดตามรอยช้างต่อไป โดยลากหอกตามไป เรื่อย ๆทำให้ดินและหินแยกเป็นทางน้ำอยู่ในเสุราษฎร์ธานี เรียกหมู่บ้านนั้นว่า “บางลากหอก” ตายมดึงตามช้างไปจนถึงช่องเขา ในตำบลคลองสก มีม้าตัวหนึ่งเหลียวมาดูตายมดึง เขาช่องจึงได้ชื่อว่า “ช่องม้าเหลียว” ครั้นไล่ต่อไปจนเกือบจะทันตายมดึงได้เอาดินปืนใส่กระบอกปืนจ้องยิง แต่กระสุนพลาดไปจึงเรียกสถานที่ที่กระสุนตก บ้านบางหมานว่า “ช่องลูกปลาย” และด้วยความโกรธที่ยิงช้างไม่ถูกตายมดึง จึงโยนปืนทิ้ง ปืนไปตกบนภูเขาตรงหน้าวัดสองพี่น้อง ตำบลคลองสก จึงเรียนภูเขานั้นว่า “เขาโยน”ตายมดึงเหนื่อยมาก จึงปล่อยให้หมาไล่ช้างไปก่อน หมาไล่ไปพบแลน แลนวิ่งหนีลงรู แต่แลนถูกหมาตะครุบได้ตรงส่วนหาง หางแลนจึงหลุดคารู จึงเรียกสถานที่นั้นว่า “แลนคารู” แลนหลุดไปได้หมาได้แต่แหงนดู จึงเรียกที่บริเวณนั้นว่า “ย่านหมาแหงน” ฝ่ายตายมดึงได้ใช้พร้าขว้างแลนพลาดไปถูกภูเขา จึงเรียกว่า “เขาพร้าหัก” ต่อไปอีกเกิดฝนตกหนักจึงเอาดินปืนทิ้งไว้ในถ้ำ จึงเรียกถ้ำนั้นว่า”ถ้ำดินปืน”ช้างพลายของตางุ้มถูกตายมดึงตามล่าต้องเตลิดหนีไปหยุดนอน ในเขตอำเภอท้ายเหมือง จึงได้ชื่อว่า “บ้านช้างนอน” พอตายมดึงตามมาเกือบทันช้างก็หนีต่อไปจนผ่านช่องเขาตายมดึงเห็นแผ่นหินใหญ่ วางอยู่จึงยืนลับหอกกับแผ่นหินนั้น จึงได้ชื่อว่า “เขาหินลับ” ตายมดึงตามล่าจนเข้าเขตเมืองพังงา ก็เป็นที่ป่ารกและฝนตกหนัก จึงปืนขึ้นไปบนภูเขา แล้วชะโงกดูช้างบริเวณนั้นจึงเรียกว่า “ทุ่งคาโง่ก” พอตายมดึงเห็นช้างก็รีบลงมาใช้หอกแทงช้างเข้าที่ขาข้างหนึ่งเป็นแผลใหญ่ และพิการเดินไม่ถนัด เรียกบริเวณนั้นว่า “บ้านแผล” ช้างยังหนีต่อไปจนหมดแรงก็หมอบนอนอยู่กลางแดด จึงรียกว่า “บ้านตากแดด” ตายมดึงได้ใช้หอกแทงตรงท้องของช้างเลือดไหลทะลักออกมาก็สามารถล้มช้างพลายของตางุ้มได้สำเร็จช้างนั้นกลายเป็นหินเรียกว่า “เขาช้าง” ตรงส่วนที่เป็นท้องของช้าง มีเลือดไหลทะลักออกมา กลายเป็นน้ำตก และท้องช้างกลายเป็นถ้ำใหญ่เรียกว่า “ถ้ำพุงช้าง” และด้วยความแค้นของ ตายมดึงได้ผ่าท้องช้างล้วงเอาตับไตไส้พุงออกมาต้มแกงกิน พอกินเสร็จก็ยกหม้อข้าวหม้อแกงเหวี่ยงลงในวังน้ำใกล้ ๆ จึงเรียกว่า “วังหม้อแกง” และต่อมาคำว่า “พิงงา” ได้กลายมาเป็น “พังงา”ฝ่ายตางุ้มเจ้าของช้างเที่ยวตามหาช้างของตนไม่พบ ตามมาจนถึงพังงา จึงรู้ว่าช้างของตนถูกฆ่าเสียแล้วก็เสียใจจนขาดใจตายตามช้างไป แล้วร่างของตางุ้มกลายเป็นภูเขาเรียกว่า “เขาตางุ้ม” นั่งเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ ซากช้าง คือ “เขาช้าง” เมื่อถูกงาออกจึงเรียกว่า “พังงา” เขาช้างมีเรื่องเล่ามาว่า ตายมดึงได้ผูกช้างไว้จะไปช่วยการแต่งงานลูกสาวตาม่องล่าย แต่ช้างได้ไปเหยียบข้าวในนาของตายมดึงเสียไปมาก แล้วก็หนี ตายมดึงไล่ช้างมาตั้งแต่ตะกั่วป่ามาแล้วฆ่าช้างตาย ตายมดึงถอนงาช้างไปพิงไว้ที่เขาลูกหนึ่ง จึงมีชื่อว่า “เขาพิงงา” เล่ากันต่อไปว่าเมืองนี้เดิมเรียกว่า “เมืองพิงงา ” มาภายหลังจึงเพี้ยนไปเป็น พังงา

การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
เดิมมีพี่น้อง๒คนพี่ชื่อยมดึงเป็นชายน้องชื่อยมโดยเป็นหญิงตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ประจวบคีรีขันธ์ต่อมานางยมโดยเสียชีวิตตายมเศร้าโศกมากจึงละทิ้งถิ่นเดิมไปตามยถากรรมจนมาถึงสุราษฏร์ธานีมีอาชีพหาน้ำมันชันจากต้นยางเนื่องจากตายมดึงเป็นคนขยันจนตาโจงโดงพอใจมากถึงกับยกนางทองตึงให้แก่ตายมดึงอยู่มาวันหนึ่งมีโขลงช้างป่าเข้ามาทำลายไร่ข้าวของตายมดึงไล่ไปแล้วก็กลับมาอีกจนนายยมดึงโกรธแค้นเป็นชาวบ้านพุมเรียงมีอาชีพค้าขายตางุ้มมีช้างอยู่๒เชือกเป็นช้างพังและช้างพลายเพื่อเป็นพาหนะในการบรรทุกสินค้าขณะตางุ้มพักช้างอยู่เห็นโขลงช้างที่ตายมดึงไล่วิ่งผ่านมาได้อาละวาดต่อสู้กับช้างพลายป่าจนฝูงช้างแตกกระจัดกระจายหนีไปจนเป็นเหตุให้ตายมดึงตามหาช้างของตางุ้มตายมดึงสะกดรอยล่าช้างกับหมาตัวหนึ่งตามมาจนถึงคลองสกคอนโดช้างพังเชือกหนึ่งกำลังท้องแก่ตกใจวิ่งหนีลูกช้างตัวนั้นกลายเป็นหินอยู่กลางคลองสกจึงเรียกว่า " หินลูกช้าง " ตายมดึงยังคงติดตามรอยช้างต่อไปโดยลากหอกตามไปเรื่อยๆทำให้ดินและหินแยกเป็นทางน้ำอยู่ในเสุราษฎร์ธานีเรียกหมู่บ้านนั้นว่า " บางลากหอก "ในตำบลคลองสกมีม้าตัวหนึ่งเหลียวมาดูตายมดึงเขาช่องจึงได้ชื่อว่า " ช่องม้าเหลียว " ครั้นไล่ต่อไปจนเกือบจะทันตายมดึงได้เอาดินปืนใส่กระบอกปืนจ้องยิงแต่กระสุนพลาดไปจึงเรียกสถานที่ที่กระสุนตกบ้านบางหมานว่าและด้วยความโกรธที่ยิงช้างไม่ถูกตายมดึงจึงโยนปืนทิ้งปืนไปตกบนภูเขาตรงหน้าวัดสองพี่น้องตำบลคลองสกจึงเรียนภูเขานั้นว่า " เขาโยน " ตายมดึงเหนื่อยมากจึงปล่อยให้หมาไล่ช้างไปก่อนหมาไล่ไปพบแลนแลนวิ่งหนีลงรูหางแลนจึงหลุดคารูจึงเรียกสถานที่นั้นว่า " แลนคารู " แลนหลุดไปได้หมาได้แต่แหงนดูจึงเรียกที่บริเวณนั้นว่า " ย่านหมาแหงน " ฝ่ายตายมดึงได้ใช้พร้าขว้างแลนพลาดไปถูกภูเขาจึงเรียกว่า " เขาพร้าหัก "จึงเรียกถ้ำนั้นว่า " ถ้ำดินปืน " ช้างพลายของตางุ้มถูกตายมดึงตามล่าต้องเตลิดหนีไปหยุดนอนในเขตอำเภอท้ายเหมืองจึงได้ชื่อว่า " บ้านช้างนอน "วางอยู่จึงยืนลับหอกกับแผ่นหินนั้นจึงได้ชื่อว่า " เขาหินลับ " ตายมดึงตามล่าจนเข้าเขตเมืองพังงาก็เป็นที่ป่ารกและฝนตกหนักจึงปืนขึ้นไปบนภูเขาแล้วชะโงกดูช้างบริเวณนั้นจึงเรียกว่า " ทุ่งคาโง่ก "และพิการเดินไม่ถนัดเรียกบริเวณนั้นว่า " บ้านแผล " ช้างยังหนีต่อไปจนหมดแรงก็หมอบนอนอยู่กลางแดดจึงรียกว่า " บ้านตากแดด "" เขาช้าง " ตรงส่วนที่เป็นท้องของช้างมีเลือดไหลทะลักออกมากลายเป็นน้ำตกและท้องช้างกลายเป็นถ้ำใหญ่เรียกว่า " ถ้ำพุงช้าง " และด้วยความแค้นของตายมดึงได้ผ่าท้องช้างล้วงเอาตับไตไส้พุงออกมาต้มแกงกินจะจึงเรียกว่า " วังหม้อแกง " และต่อมาคำว่า " พิงงา " ได้กลายมาเป็น " พังงา " ฝ่ายตางุ้มเจ้าของช้างเที่ยวตามหาช้างของตนไม่พบตามมาจนถึงพังงาจึงรู้ว่าช้างของตนถูกฆ่าเสียแล้วก็เสียใจจนขาดใจตายตามช้างไป" เขาตางุ้ม " นั่งเฝ้าอยู่ใกล้จะซากช้างความ " เขาช้าง " เมื่อถูกงาออกจึงเรียกว่า " พังงา " เขาช้างมีเรื่องเล่ามาว่าตายมดึงได้ผูกช้างไว้จะไปช่วยการแต่งงานลูกสาวตาม่องล่ายแล้วก็หนีตายมดึงไล่ช้างมาตั้งแต่ตะกั่วป่ามาแล้วฆ่าช้างตายตายมดึงถอนงาช้างไปพิงไว้ที่เขาลูกหนึ่งจึงมีชื่อว่า " เขาพิงงา " เล่ากันต่อไปว่าเมืองนี้เดิมเรียกว่า " เมืองพิงงา " มาภายหลังจึงเพี้ยนไปเป็นพังงา

การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: