London became the largest and most

London became the largest and most populous metropolitan area in the world during the Victorian era, and trade within the British Empire—as well as the standing of the British military and navy—was prestigious.[76]Political agitation at home from radicals such as the Chartists and the suffragettes enabled legislative reform and universal suffrage.[77] Power shifts in east-central Europe led to World War I; hundreds of thousands of English soldiers died fighting for the United Kingdom as part of the Allies.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ลอนดอนกลายเป็นเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดในโลกในช่วงยุควิกตอเรียและการค้าภายในจักรวรรดิอังกฤษเช่นเดียวกับที่ยืนของทหารอังกฤษและทหารเรืออยู่ที่อันทรงเกียรติ. [76] ความปั่นป่วนทางการเมืองที่บ้านจากอนุมูลเช่น Chartists และ Suffragettes เปิดการใช้งานการปฏิรูปกฎหมายและสากลอธิษฐาน[77] กะพลังงานในภาคตะวันออกภาคกลางยุโรปนำไปสู่​​สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง; นับร้อยนับพันของทหารอังกฤษตายในการต่อสู้สำหรับสหราชอาณาจักรเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตร

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ลอนดอนกลายเป็น แดนปริมณฑลในโลกในยุควิคตอเรียน และการค้าภายในจักรวรรดิอังกฤษ — และยืนของกองทัพอังกฤษและกองทัพเรือ — คุณต้องการ[76]อาการกังวลทางการเมืองต่อที่บ้านจากอนุมูลที่ Chartists และ suffragettes เปิดใช้งานปฏิรูปประเทศและสากล suffrage[77] กะอำนาจในยุโรปตะวันออกกลางที่นำไปสู่สงครามโลก หลายร้อยหลายพันของทหารอังกฤษเสียชีวิตในการต่อสู้ในสหราชอาณาจักรเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตร

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กรุงลอนดอนได้กลายมาเป็นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดและปริมณฑลในโลกในระหว่างที่ตามแบบ Victorian ยุค,และการค้า ภายใน ที่จักรวรรดิอังกฤษเป็นอย่างดีเป็นที่ยืนอยู่ในที่กองทัพอังกฤษและกองทัพเรือเป็นที่ตั้งที่มีชื่อเสียง.[ 76 ]ทางการเมืองเต็มไปด้วยความพะวักพะวนที่บ้านจากเช่น chartists suffragettes และเปิดใช้งาน สภานิติบัญญัติ แห่งชาติการปฏิรูปและการเลือกตั้งทั่วไป.[ 77 ]ต้องใช้พลังงานในยุโรปตะวันออก - กลางนำไปสู่สงครามโลกครั้งหลายร้อยหลายพันของทหารอังกฤษเสียชีวิตต่อสู้เพื่อประเทศอังกฤษที่เป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรที่