ความมหัศจรรย์ของ "ชาขาว" ได้รับการค้นพบมานานแล้ว โดยได้รับการยกย่องให้เป็น ราชินีแห่งชา เพราะเป็นชาที่หาได้ยาก แถมยังมีราคาแพงกว่าชาเขียวและชาดำหลายเท่าตัว โดย "ชาขาว" คือส่วนยอดสุดของต้นชาที่ยังตูมอยู่ มีลักษณะ คล้ายเข็ม และมีขนอ่อนสีขาวปกคลุมอยู่
ความ โดดเด่นของ "ชาขาว" นอกจากจะมีรสอ่อนละมุน และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะ EGCG สารแอนตี้ออกซิแดนท์ ซึ่งมีอยู่ในชาขาวมากกว่าชาชนิดอื่นๆ และด้วยคุณสมบัติพิเศษของชาขาวนี่เอง ทำให้โลกตะวันตกทุ่มงบวิจัยเรื่องชาขาวอย่างคึกคัก โดยล่าสุด ผลจากการศึกษาค้นคว้าของสถาบันลีนัส แห่งมหาวิทยาลัยโอเรกอน สเตท ประเทศสหรัฐ อเมริกา ค้นพบว่า "ชาขาว" มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ในปริมาณที่สูงกว่าชาเขียวถึง 3 เท่าตัว
ขณะ เดียวกัน สถาบันค้นคว้าวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยโรงพยาบาลคลีฟแลนด์ ประเทศสหรัฐ อเมริกา ก็ค้นพบเช่นกันว่าสารแอนตี้ออกซิแดนท์ในชาขาว ช่วยปกป้องผิวจากภายใน ด้วยคุณประโยชน์ 2 ประการ คือ ช่วยป้องกันระบบภูมิคุ้มกันผิวจากการถูกทำลาย และยับยั้งอนุมูลอิสระที่มีสาเหตุมาจากรังสียูวี นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการสูญเสียโปรตีนในชั้นผิวจากกระบวนการออกซิเดชั่น และทำให้ต่อมน้ำเหลืองขจัดสารพิษออกจากผิว ทำให้ผิวไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร ด้วยเหตุนี้ ผู้ผลิตเครื่องสำอางชั้นนำ ทั้งในอเมริกาและยุโรป จึงนิยมนำชาขาวมาเป็นวัตถุดิบหลักในผลิตภัณฑ์ลบเลือนริ้วรอยและชะลอวัย
สำหรับ ประเทศอังกฤษ "ศาสตราจารย์ ดีแคลน นอตัน" จากมหาวิทยาลัยคิงสตัน ในกรุงลอนดอน ค้นพบว่าสารสกัดที่ได้จากชาขาว จะช่วยบำรุงผิวล้ำลึกถึงในระดับโครงสร้างชั้นในของผิวหนัง โดยการเสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ผิวหนังในชั้นอีลาสติน และช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวคงความยืดหยุ่นไม่หย่อนยาน จากการทดลองยังพบว่าสารประกอบในชาขาวจะช่วยหยุดยั้งการทำงานของ เอนไซม์ ที่จะเข้าไปทำลายโครงสร้างภายในของผิวในระดับลึก เนื่องจากความเครียดและสภาวะเร่งรีบในการใช้ชีวิตยุค