How could change agents have more i

How could change agents have more impact?
Throughout this section we will make use of a framework of four core change strategies [21‐23].
This framework was developed based on a literature review of 192 journal articles focused on efforts by
change agents to improve instructional practices used in undergraduate STEM courses.
The four categories of change strategies (Figure 1) are based on the combined answers to two
fundamental questions that emerged from analysis of articles. The first question is, “What is the
primary aspect of the system that the change strategy seeks to directly impact (individuals or environments and structures)?” For individuals, the change strategy seeks to directly impact the beliefs
and behaviors of instructors, assuming that they act of their own volition. For environments and
structures, the change strategy seeks to impact the environments that are assumed to influence the
actions of individuals. The second question is, “To what extent is the intended outcome for the
individual or environment known in advance (prescribed or emergent)?” For prescribed outcomes, the
change agent knows upon initiating a change process what kind of behavior or mental states in
individuals or groups are expected and sought, driven by the assumption that the change agent has the
key knowledge needed to define the outcomes. For emergent outcomes, the end state in terms of
behaviors or mental states are determined as part of change process, with the assumption that those
involved in the change have important information needed to define the outcomes.
Of the four categories of change strategies, STEM change agents strongly favor the individual and
prescriptive category (Disseminating Curriculum and Pedagogy). This emphasis on development and
dissemination is evident in much of the discourse related to STEM educational change which places
substantial emphasis on the development and testing of specific instructional innovations. Once shown
to be successful by their developer, these innovations are then disseminated to instructors who are
expected to use them with some degree of fidelity. The instructor is not an important part of the
development of these strategies and is often considered to be a barrier to educational change [12,24‐
27]. As an example, consider the model of curriculum development and dissemination described in a
recent program solicitation of the NSF Course, Curriculum, and Laboratory Improvement (CCLI) program:
“The CCLI program is based on a cyclic model of the relationship between knowledge production
and improvement of practice in undergraduate STEM education. The model is adapted from the
report, "Mathematical Proficiency for All Students" (see
http://www.rand.org/publications/MR/MR1643/). In this model, research findings about learning
and teaching challenge existing approaches, thus leading to new educational materials and
teaching strategies. New materials and teaching strategies that show promise give rise to faculty
development programs and methods that incorporate these materials. The most promising of
these developments are first tested in limited environments and then implemented and adapted
in diverse curricula and educational institutions. These innovations are carefully evaluated by
assessing their impact on teaching and learning. In turn, these implementations and assessments
generate new insights and research questions, initiating a new cycle of innovation.” From ref. 28.
We believe that this development and dissemination change model has persisted for so long despite
a lack of proven success because it makes intuitive sense. A change agent might imagine that the
development and dissemination model would be most effective because it places much of the burden
on the change agent to develop innovative strategies and materials. Conducting educational research
and developing new curricular materials requires considerable time and expertise that typical faculty
may not possess. Therefore these tasks are delegated to change agents who develop materials and then
disseminate the materials directly to faculty. The assumption is that the faculty will be convinced to use
these new instructional materials and strategies once they are shown data demonstrating that these
new methods produce improved student learning compared to traditional instructional methods.
The development and dissemination change model has been reasonably successful at increasing
awareness and interest in research based innovations. However, it is not effective at changing practice.
This is not surprising since the model implicitly assumes that knowledge and interest are sufficient for
change.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิธีบริษัทตัวแทนการเปลี่ยนแปลงอาจมีผลกระทบเพิ่มเติมตลอดส่วนนี้ เราจะทำให้การใช้กรอบของหลักสี่เปลี่ยนกลยุทธ์ [21‐23]กรอบนี้ได้รับการพัฒนาจากการทบทวนวรรณกรรม 192 บทความวารสารที่มุ่งเน้นความพยายามเปลี่ยนตัวแทนการปรับปรุงวิธีสอนที่ใช้ในหลักสูตรปริญญาตรีก้านในสี่ประเภทของกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลง (รูปที่ 1) ขึ้นอยู่กับคำตอบรวมสองคำถามพื้นฐานที่เกิดขึ้นจากการวิเคราะห์บทความ คำถามแรกคือ, "สิ่งหลักด้านระบบที่กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงไปโดยตรงผลกระทบ (บุคคล หรือสภาพแวดล้อม และโครงสร้าง) หรือไม่" สำหรับแต่ละบุคคล กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงพยายามที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อและพฤติกรรมของผู้สอน สมมติว่า พวกเขาทำหน้าที่ของตน volition สำหรับสภาพแวดล้อม และโครงสร้าง กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงพยายามที่จะส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมที่จะมีอิทธิพลต่อการการกระทำของบุคคล คำถามที่สองคือ, "ขอบเขตเป็นได้ผลในการบุคคลหรือสิ่งแวดล้อมทราบล่วงหน้า (กำหนด หรือโผล่ออกมา)" สำหรับผลลัพธ์ที่กำหนด การบริษัทตัวแทนการเปลี่ยนแปลงทราบเมื่อเริ่มต้นกระบวนการเปลี่ยนแปลงชนิดของลักษณะการทำงานหรือในสถานะจิตบุคคลหรือกลุ่มที่คาด และขอ ขับเคลื่อน ด้วยสมมุติฐานที่ว่ามีตัวแทนการเปลี่ยนแปลงความรู้สำคัญที่จำเป็นในการกำหนดผลลัพธ์ โผล่ออกมาผล สถานะสิ้นสุดในแง่ของพฤติกรรมหรืออเมริกาจิตจะถูกกำหนดเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเปลี่ยนแปลง มีสมมติฐานว่าผู้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงที่มีข้อมูลสำคัญที่จำเป็นในการกำหนดผลในสี่ประเภทของกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลง ก้านเปลี่ยนตัวแทนอย่างยิ่งชอบแต่ละบุคคล และประเภทรับมือ (หลักสูตรเผยแพร่และศึกษาศาสตร์) ความสำคัญในการพัฒนา และเผยแพร่จะเห็นได้ชัดของวาทกรรมที่เกี่ยวข้องกับก้านเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาที่ทำพบเน้นการพัฒนาและทดสอบนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอน เมื่อแสดงจะประสบความสำเร็จ โดยนักพัฒนาของพวกเขา นวัตกรรมเหล่านี้อยู่แล้วเผยแพร่ผู้สอนที่มีคาดว่าจะใช้กับบางส่วนของความจงรักภักดี ผู้สอนไม่ได้เป็นส่วนสำคัญของการพัฒนากลยุทธ์เหล่านี้ และมักจะถือเป็นอุปสรรคของการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา [12, 24‐27] นั้นเป็นตัวอย่าง พิจารณารูปแบบของการพัฒนาหลักสูตร และเผยแพร่ที่อธิบายไว้ในการล่าสุดโปรแกรมชักโปรแกรมหลัก สูตร NSF หลักสูตร และปรับปรุงห้องปฏิบัติการ (CCLI):"โปรแกรม CCLI ตามแบบวัฏจักรของความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ผลิตและปรับปรุงแนวทางปฏิบัติในการศึกษาระดับปริญญาตรีก้าน รูปแบบจะปรับจากการรายงาน "คณิตศาสตร์ความชำนาญสำหรับนักเรียนทุกคน" (ดูhttp://www.rand.org/publications/MR/MR1643/) ในรุ่นนี้ วิจัยผลการวิจัยเกี่ยวกับการเรียนรู้และสอนวิธีที่มีอยู่ จึง นำไปประกอบใหม่ท้าทาย และสอนกลยุทธ์ วัสดุใหม่และกลยุทธ์การสอนที่แสดงสัญญาให้สูงขึ้นเพื่อคณะพัฒนาโปรแกรมและวิธีการที่วัสดุเหล่านี้ สุดสัญญาของพัฒนาเหล่านี้เป็นครั้งแรกทดสอบในสภาพแวดล้อมที่จำกัดแล้วดำเนินการ และปรับในหลักสูตรที่หลากหลายและสถาบันการศึกษา นวัตกรรมเหล่านี้จะถูกประเมินอย่างรอบคอบโดยประเมินผลการสอน และการเรียนรู้ เปิด เหล่านี้ใช้งาน และการประเมินผลสร้างความเข้าใจใหม่และคำถามการวิจัย การเริ่มต้นวงจรใหม่ของนวัตกรรม" จากอ้างอิง 28เราเชื่อว่า รูปแบบของการเปลี่ยนแปลงนี้พัฒนาและเผยแพร่ได้ยังคงนาน แม้มีขาดพิสูจน์ความสำเร็จได้เนื่องจากมันทำให้รู้สึกง่าย บริษัทตัวแทนการเปลี่ยนแปลงอาจคิดที่จะพัฒนาและเผยแพร่รูปแบบจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเนื่องจากมันวางภาระมากบนตัวแทนการเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนากลยุทธ์ใหม่ ๆ และวัสดุ ดำเนินการศึกษาวิจัยและพัฒนาวัสดุใหม่เสริมต้องใช้เวลาพอสมควรและความเชี่ยวชาญที่คณาจารย์ทั่วไปอาจมีการ จึง มอบหมายงานเหล่านี้เพื่อเปลี่ยนตัวแทนผู้พัฒนาวัสดุแล้วสื่อวัสดุโดยตรงกับคณะ สมมติฐานคือ ว่า คณะจะมั่นใจในการใช้วัสดุการเรียนการสอนใหม่และกลยุทธ์เมื่อพวกเขาเหล่านี้แสดงข้อมูลที่เห็นที่นี่วิธีการใหม่ผลิตนักเรียนที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับวิธีสอนแบบการเรียนรู้พัฒนาและเผยแพร่ในรูปแบบเปลี่ยนแปลงได้รับความสำเร็จที่เพิ่มขึ้นความตระหนักและสนใจในงานวิจัยใช้นวัตกรรม อย่างไรก็ตาม ไม่มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติไม่น่าแปลกใจเนื่องจากรูปแบบนัยสันนิษฐานว่า ความรู้และสนใจเพียงพอสำหรับเปลี่ยนแปลง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วิธีสามารถเปลี่ยนตัวแทนมีผลกระทบมากขึ้น?
ตลอดส่วนนี้เราจะใช้ประโยชน์จากกรอบของสี่กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงหลัก [21-23].
กรอบนี้ได้รับการพัฒนาอยู่บนพื้นฐานของการทบทวนวรรณกรรมจาก 192 บทความในวารสารวิชาการที่มุ่งเน้นความพยายามของ
ตัวแทนการเปลี่ยนแปลงในการปรับปรุง การเรียนการสอนการปฏิบัติที่ใช้ในหลักสูตรระดับปริญญาตรี STEM.
สี่ประเภทของกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลง (รูปที่ 1) จะขึ้นอยู่กับคำตอบรวมถึงสอง
คำถามพื้นฐานที่โผล่ออกมาจากการวิเคราะห์ของบทความ คำถามแรกคือ "อะไรคือ
ด้านหลักของระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์พยายามที่จะส่งผลกระทบโดยตรง (บุคคลหรือสภาพแวดล้อมและสิ่งปลูกสร้าง) "สำหรับบุคคลกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงพยายามที่จะส่งผลกระทบโดยตรงกับความเชื่อ
และพฤติกรรมของอาจารย์สมมติว่า พวกเขาทำหน้าที่จากความตั้งใจของตัวเอง สำหรับสภาพแวดล้อมและ
โครงสร้างกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงพยายามที่จะส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมที่มีการสันนิษฐานว่าจะมีอิทธิพลต่อ
การกระทำของบุคคล คำถามที่สองคือ "สิ่งที่ขอบเขตเป็นผลที่ตั้งใจไว้สำหรับ
บุคคลหรือสภาพแวดล้อมที่รู้จักกันดีในล่วงหน้า (กำหนดหรือฉุกเฉิน) "สำหรับผลที่กำหนด
ตัวแทนการเปลี่ยนแปลงที่รู้เมื่อเริ่มต้นกระบวนการการเปลี่ยนแปลงชนิดของรัฐหรือพฤติกรรมทางจิตใน
บุคคล หรือกลุ่มที่คาดว่าและพยายามขับเคลื่อนด้วยสมมติฐานที่ว่าตัวแทนการเปลี่ยนแปลงที่มี
ความรู้ที่สำคัญที่จำเป็นในการกำหนดผล สำหรับผลฉุกเฉินรัฐสิ้นสุดในแง่ของ
พฤติกรรมหรือจิตจะถูกกำหนดเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเปลี่ยนแปลงด้วยสมมติฐานที่ว่าผู้ที่
มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงมีข้อมูลสำคัญที่จำเป็นในการกำหนดผลลัพธ์.
ของสี่ประเภทของกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลง STEM เปลี่ยนแปลง ตัวแทนโปรดปรานอย่างยิ่งบุคคลและ
ประเภทกำหนด (เผยแพร่หลักสูตรและการสอน) เน้นการพัฒนาและ
การเผยแพร่ที่เห็นได้ชัดมากในวาทกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา STEM ซึ่งเป็นสถานที่
ให้ความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาและการทดสอบของนวัตกรรมการเรียนการสอนที่เฉพาะเจาะจง เมื่อแสดง
จะประสบความสำเร็จโดยนักพัฒนาของพวกเขานวัตกรรมเหล่านี้ได้รับการเผยแพร่ไปแล้วอาจารย์ผู้สอนที่มีความ
คาดหวังว่าจะใช้พวกเขามีระดับของความจงรักภักดีบางส่วน อาจารย์ผู้สอนไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของ
การพัฒนากลยุทธ์เหล่านี้และมักจะคิดว่าเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา [12,24-
27] ในฐานะที่เป็นตัวอย่างเช่นพิจารณารูปแบบของการพัฒนาหลักสูตรและการเผยแพร่ที่อธิบายไว้ใน
การชักชวนโปรแกรมล่าสุดของสนามมาตรฐาน NSF, หลักสูตรและปรับปรุงห้องปฏิบัติการ (CCLI) โปรแกรม:
"โปรแกรม CCLI จะขึ้นอยู่กับรูปแบบวงจรของความสัมพันธ์ระหว่างการผลิตความรู้
และ การปรับปรุงการปฏิบัติในการศึกษา STEM ระดับปริญญาตรี รูปแบบที่ถูกดัดแปลงมาจาก
รายงาน "ความชำนาญทางคณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนทุกคน" (ดู
http://www.rand.org/publications/MR/MR1643/) ในรุ่นนี้ผลการวิจัยเกี่ยวกับการเรียน
การสอนและความท้าทายวิธีการที่มีอยู่จึงนำไปสู่วัสดุการศึกษาใหม่และ
กลยุทธ์การสอน วัสดุใหม่และกลยุทธ์การสอนที่แสดงให้สัญญาว่าจะก่อให้เกิดคณะ
การพัฒนาโปรแกรมและวิธีการที่รวมวัสดุเหล่านี้ มีแนวโน้มมากที่สุดของ
การพัฒนาเหล่านี้จะมีการทดสอบครั้งแรกในสภาพแวดล้อมที่ จำกัด และดำเนินการแล้วและปรับตัว
ในหลักสูตรที่มีความหลากหลายและสถาบันการศึกษา นวัตกรรมเหล่านี้ได้รับการประเมินอย่างรอบคอบโดย
การประเมินผลกระทบของพวกเขาในการเรียนการสอนและการเรียนรู้ ในทางกลับกันการใช้งานเหล่านี้และการประเมินผล
การสร้างองค์ความรู้ใหม่และคำถามการวิจัยเริ่มต้นรอบใหม่ของนวัตกรรม. "จากการอ้างอิง 28.
เราเชื่อว่าการพัฒนาและเผยแพร่แบบจำลองการเปลี่ยนแปลงได้ยืนยันมานานแม้จะมี
การขาดของความสำเร็จที่พิสูจน์แล้วเพราะมันทำให้ความรู้สึกที่ใช้งานง่าย ตัวแทนการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะคิดว่า
การพัฒนาและรูปแบบการเผยแพร่จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดเพราะสถานที่มากของภาระ
ใน บริษัท ตัวแทนการเปลี่ยนแปลงในการพัฒนากลยุทธ์นวัตกรรมและวัสดุ การทำวิจัยการศึกษา
และการพัฒนาวัสดุหลักสูตรใหม่ต้องใช้เวลามากและความเชี่ยวชาญที่คณะทั่วไป
ไม่อาจมี ดังนั้นงานเหล่านี้ได้รับการมอบหมายให้เปลี่ยนตัวแทนที่พัฒนาวัสดุแล้ว
เผยแพร่วัสดุโดยตรงกับคณะ สมมติฐานคืออาจารย์จะมั่นใจในการใช้
สื่อการสอนเหล่านี้ใหม่และกลยุทธ์เมื่อพวกเขาจะแสดงข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้
วิธีการใหม่ในการผลิตในการเรียนรู้ที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับวิธีการเรียนการสอนแบบดั้งเดิม.
การพัฒนาและการเผยแพร่รูปแบบการเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จพอสมควรที่การเพิ่ม
ความตระหนัก และความสนใจในการวิจัยนวัตกรรม แต่ก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติ.
นี้ไม่น่าแปลกใจเพราะรูปแบบโดยปริยายสันนิษฐานว่ามีความรู้และความสนใจมีเพียงพอสำหรับ
การเปลี่ยนแปลง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทำไมเปลี่ยนตัวแทนมีผลกระทบมากขึ้น
ตลอดส่วนนี้เราจะใช้กรอบสี่หลักเปลี่ยนกลยุทธ์ [ 21 ‐ 23 ] .
ซึ่งพัฒนาขึ้นจากการทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับ 192 บทความวารสารที่เน้นความพยายาม
ตัวแทนเปลี่ยนปฏิบัติ การใช้ ระดับปริญญาตรี หลักสูตร
ก้าน .สี่ประเภทของการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ ( รูปที่ 1 ) จะขึ้นอยู่กับคำตอบรวมสอง
พื้นฐานคำถามที่เกิดจากการวิเคราะห์บทความ คำถามแรกคือ " อะไรคือ
ด้านหลักของระบบที่เปลี่ยนกลยุทธ์มุ่งโดยตรงต่อ ( บุคคลหรือสภาพแวดล้อมและโครงสร้าง ) " บุคคล กลยุทธ์ เปลี่ยน มุ่งโดยตรงต่อความเชื่อ
และพฤติกรรมของอาจารย์ สมมติว่าพวกเขากระทำด้วยความสมัครใจของตนเอง สำหรับสภาพแวดล้อมและ
โครงสร้าง กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงและผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมที่ถือว่ามีอิทธิพลต่อ
การกระทำของบุคคล คำถามที่สองคือ " สิ่งที่ขอบเขตเป็นตั้งใจผลสำหรับบุคคลหรือสิ่งแวดล้อม
รู้ล่วงหน้า ( ที่กำหนดไว้หรือฉุกเฉิน ) " สำหรับผลตามที่กำหนด
ตัวแทนการเปลี่ยนแปลง รู้เมื่อเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตชนิดของพฤติกรรมหรือสภาพจิตใจใน
บุคคลหรือกลุ่มที่คาดว่า และพยายามผลักดันอัสสัมชัญที่เปลี่ยนแปลงมี
คีย์ความรู้ต้องสร้างผลลัพธ์ สำหรับ ผลปรากฏออกมา สุดท้ายรัฐในแง่ของ
พฤติกรรมหรือสภาพจิตใจที่มุ่งมั่นเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเปลี่ยนแปลง ด้วยสมมติฐานว่าผู้
มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญข้อมูลที่จำเป็นในการกำหนดผลลัพธ์ .
ของทั้งสี่ประเภทของการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ตัวแทนเปลี่ยนก้านขอความโปรดปรานของบุคคลและประเภทคํา
( เผยแพร่หลักสูตรและการสอน ) นี้เน้นการพัฒนาและ
เห็นได้ชัดมากในการเผยแพร่วาทกรรมที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ซึ่งสถานที่
เปลี่ยนก้านเน้นอย่างมากในการพัฒนาและทดสอบเฉพาะการสอนนวัตกรรม เมื่อแสดง
จะประสบความสำเร็จ โดยนักพัฒนาของพวกเขา นวัตกรรมใหม่ ๆ เหล่านี้จะได้เผยแพร่ให้อาจารย์ที่
คาดว่าจะใช้กับบางระดับของความจงรักภักดี ผู้สอนไม่ได้เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาของกลยุทธ์เหล่านี้ และถือว่าเป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปการศึกษา [ 1224 ‐
27 ] ตัวอย่าง พิจารณารูปแบบของการพัฒนาหลักสูตร และการอธิบายใน
ชักชวนโปรแกรมล่าสุดของ NSF หลักสูตร หลักสูตร และ การปรับปรุงห้องปฏิบัติการ ( ccli ) โปรแกรม :
" โปรแกรม ccli ตามรูปแบบวัฏจักรของความสัมพันธ์ระหว่าง ความรู้ เจตคติ และการปฏิบัติในการผลิต
ปรับปรุงการศึกษาระดับปริญญาตรี . รูปแบบดัดแปลงมาจาก
รายงาน" ความสามารถทางคณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนทุกคน " ( ดู
http : / / www.rand . org / สิ่งพิมพ์ / นาย / mr1643 / ) ในรูปแบบนี้ ผลการวิจัยเกี่ยวกับการเรียนรู้และการสอนแนวทาง
ท้าทายที่มีอยู่จึงนำไปสู่การศึกษาวัสดุใหม่และ
กลยุทธ์การสอน วัสดุใหม่และกลยุทธ์การสอนที่แสดงสัญญาก่อคณะ
พัฒนาโปรแกรม และวิธีการรวมวัสดุเหล่านี้มีแนวโน้มมากที่สุดของการพัฒนาเหล่านี้แรก
ทดสอบในสภาพแวดล้อมที่จำกัด และใช้ และดัดแปลง
ในหลักสูตรที่หลากหลายและสถาบันการศึกษา นวัตกรรมเหล่านี้มีการประเมินอย่างรอบคอบโดย
ประเมินผลกระทบต่อการจัดการเรียนการสอน ในการเปิดใช้งานเหล่านี้และการประเมิน
สร้างมุมมองใหม่ คำถามวิจัยและเริ่มต้นวงจรใหม่ของนวัตกรรม" จาก 28 Ref .
เราเชื่อว่าการพัฒนานี้และเปลี่ยนรูปแบบการเผยแพร่ได้หายมานานแม้จะ
ขาดพิสูจน์ความสําเร็จเพราะมันทำให้รู้สึกใช้งานง่าย ตัวแทนการเปลี่ยนแปลงอาจจินตนาการว่า
รูปแบบการพัฒนาและเผยแพร่จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด เนื่องจากสถานที่ มากของภาระ
ในตัวแทนการเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนากลยุทธ์นวัตกรรมและวัสดุการดำเนินการวิจัยการศึกษา และการพัฒนาวัสดุใหม่
หลักสูตรต้องใช้เวลามากและความเชี่ยวชาญที่
คณะทั่วไปอาจไม่ครอบครอง ดังนั้นงานเหล่านี้จะมอบหมายให้ตัวแทนที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงวัสดุและวัสดุโดยตรงแล้ว
เผยแพร่ฯ สันนิษฐานว่า คณะฯ จะให้ใช้
วัสดุการสอนและกลยุทธ์ใหม่เหล่านี้เมื่อพวกเขาจะแสดงข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าวิธีการใหม่ผลิตนักเรียนเรียนดีขึ้น

เมื่อเทียบกับวิธีการสอนแบบดั้งเดิม พัฒนาและเปลี่ยนรูปแบบการเผยแพร่ที่ประสบความสำเร็จพอสมควรในการเพิ่มความตระหนักและความสนใจใน
งานวิจัยนวัตกรรม อย่างไรก็ตาม , มันไม่ได้มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติ .
นี้ไม่น่าแปลกใจเนื่องจากแบบจำลองโดยปริยายถือว่า ความรู้และความสนใจเพียงพอสำหรับ
เปลี่ยน