History[edit]Early history[edit] P

History[edit]

Early history[edit]





Pixar's studio lot in Emeryville. The studio opened in November 2000.




A Pixar Computer photographed at the Computer History Museum with the 1986-1995 logo on it.
Pixar was founded as The Graphics Group, which was one third of the Computer Division of Lucasfilm that was launched in 1979 with the hiring of Dr. Ed Catmull from the New York Institute of Technology (NYIT),[6] where he was in charge of the Computer Graphics Lab (CGL). At NYIT, the researchers pioneered many of the CG foundation techniques—in particular the invention of the "alpha channel" (by Catmull and Alvy Ray Smith);[7] years later the CGL produced an experimental film called The Works. After moving to Lucasfilm, the team worked on creating the precursor to RenderMan, called REYES (for "renders everything you ever saw"); and developed a number of critical technologies for CG—including "particle effects" and various animation tools.

In 1982, the team began working on film sequences with Industrial Light & Magic on special effects.[6] After years of research, and key milestones in films such as the Genesis Effect in Star Trek II: The Wrath of Khan and the Stained Glass Knight in Young Sherlock Holmes,[6] the group, which numbered 40 individuals back then,[1] was spun out as a corporation in February 1986 with investment by Steve Jobs shortly after he left Apple Computer.[1] Jobs paid $5 million to George Lucas for technology rights and put them and $5 million cash as capital into the company.[1] A factor contributing to Lucas' sale was an increase in cash flow difficulties following his 1983 divorce, which coincided with the sudden dropoff in revenues from Star Wars licenses following the release of Return of the Jedi. The newly independent company was headed by Dr. Edwin Catmull as President and Dr. Alvy Ray Smith as Executive Vice President. They were joined on the Board of Directors by Steve Jobs who was Chairman.[1]

Initially, Pixar was a high-end computer hardware company whose core product was the Pixar Image Computer, a system primarily sold to government agencies and the medical community. One of the buyers of Pixar Image Computers was Walt Disney Studios, which was using it as part of their secretive CAPS project, using the machine and custom software written by Pixar to migrate the laborious ink and paint part of the 2-D animation process to a more automated method. The Image Computer never sold well.[8] In a bid to drive sales of the system, Pixar employee John Lasseter—who had long been creating short demonstration animations, such as Luxo Jr., to show off the device's capabilities—premiered his creations at SIGGRAPH, the computer graphics industry's largest convention, to great fanfare.[8]

Inadequate sales of Pixar's computers threatened to put the company out of business as financial losses grew. Jobs invested more and more money in exchange for an increasing portion of the company, reducing the fraction of ownership by the management and employees until after several years he owned essentially all the company for a total investment of $50 million. Lasseter's animation department began producing computer-animated commercials for outside companies. Early successes included campaigns for Tropicana, Listerine, and Life Savers.[9] In April 1990 Pixar sold its hardware division, including all proprietary hardware technology and imaging software, to Vicom Systems, and transferred 18 of Pixar's approximately 100 employees. The same year Pixar moved from San Rafael to Richmond, California.[10] During this period, Pixar continued its successful relationship with Walt Disney Feature Animation, a studio whose corporate parent would ultimately become its most important partner. In 1991, after a tough start of the year when about 30 employees in the company's computer department were dismissed (including the company's president, Chuck Kolstad),[11] which reduced the total number of employees to just 42, essentially its original number,[12] Pixar made a $26 million deal with Disney to produce three computer-animated feature films, the first of which was Toy Story. At that point, the software programmers, who were doing RenderMan and CAPS, and Lasseter’s animation department, who made television commercials, some 3-D Stings for Nickelodeon, and a few shorts for Sesame Street, was all that was left of Pixar.[13]

Despite the total income of these products, the company was still losing money, and Jobs, still chairman of the board and now the full owner, often considered selling it. Even as late as 1994, Jobs contemplated selling Pixar to other companies, among them Microsoft. Only after learning from New York critics that Toy Story was probably going to be a success and confirming that Disney would distribute it for the 1995 Christmas season did he decide to give Pixar another chance.[14] He also began then for the first time to take an active direct leadership role in the company, making himself its CEO. The film went on to gross more than $361 million worldwide.[15] Later that year, Pixar held its initial public offering on November 29, 1995, and the company's stock was priced at US$22 per share.[16]

Pixar built a new studio in Emeryville which opened in November 2000.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

[แก้ไข] ประวัติ

[แก้ไข] ประวัติศาสตร์ยุคแรก





มากสตูดิโอของพิกซาร์ใน Emeryville สตูดิโอเปิดในเดือน 2000 พฤศจิกายน




A พิกซาร์คอมพิวเตอร์ถ่ายที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์มีโลโก้ 1986-1995 ในมัน
พิกซาร์ก่อตั้งขึ้นเป็น กลุ่มกราฟิก ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของคอมพิวเตอร์ส่วนของลูคัสฟิล์มที่ถูกเปิดตัวในปีค.ศ. 1979 มีการจ้างงานของ Dr Ed Catmull จากนิวยอร์กสถาบันเทคโนโลยี (NYIT), [6] ซึ่งเขารับผิดชอบห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์กราฟิก (CGL) ที่ NYIT นักวิจัยเป็นผู้บุกเบิกเทคนิคพื้นฐาน CG มากมาย — โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประดิษฐ์ "ช่องอัลฟา" (โดย Catmull Alvy เรย์สมิธ);[7] ปี CGL การผลิตฟิล์มการทดลองที่เรียกว่าทำงาน หลังจากย้ายไปลูคัสฟิล์ม กลุ่มคนทำงานในการสร้างสารตั้งต้นการ RenderMan เรียกว่า REYES (สำหรับ "ทำทุกอย่างที่คุณเคยเห็น"); และพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญจำนวนหนึ่งสำหรับ CG — "ผลกระทบอนุภาค" และต่าง ๆ เคลื่อนไหวมือ

ใน 1982 กลุ่มคนเริ่มทำงานบนฟิล์มลำดับด้วยแสงอุตสาหกรรม&วิเศษในลักษณะพิเศษ[6] หลังจากปีของการวิจัย และเป้าหมายหลักในภาพยนตร์เช่นผลปฐมกาลใน Star Trek II: อาชญาคันและงานกระจกอัศวินหนุ่มเชอร์ล็อกโฮลมส์, [6] กลุ่ม การกำหนดหมายเลขเฉพาะบุคคล 40 กลับมาแล้ว, [1] ถูกปั่นออกเป็นบริษัทในเดือน 1986 กุมภาพันธ์ด้วยลงทุนโดย Steve ไม่ช้าหลังจากที่เขาออกจากแอปเปิลคอมพิวเตอร์[1] งานจ่าย $5 ล้านให้จอร์จ Lucas สิทธิเทคโนโลยี และวางพวกเขาและเงินสด 5 ล้านดอลลาร์เป็นทุนในบริษัท[1] เป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการขายของ Lucas เป็นการเพิ่มปัญหากระแสเงินสดต่อเขาหย่า 1983 ซึ่งร่วมกับ dropoff ฉับพลันในรายได้จากลิขสิทธิ์สตาร์วอร์สดังต่อไปนี้ของการกลับมาของเจได บริษัทอิสระใหม่เป็นหัวหน้า โดยดร. Edwin Catmull เป็นประธานและดร. Alvy เรย์สมิธเป็นรองประธาน พวกเขาได้เข้าร่วมในคณะกรรมการ โดย Steve ที่เป็นประธาน[1]

เริ่ม พิกซาร์ถูกบริษัทฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์คุณภาพสูงที่มีผลิตภัณฑ์หลักคือ คอมพิวเตอร์ที่ พิกซาร์ รูป ระบบหลักขายให้หน่วยงานราชการและชุมชนทางการแพทย์ หนึ่งผู้ซื้อคอมพิวเตอร์รูปพิกซาร์ได้วอล์ดิสนีย์สตูดิโอ ซึ่งถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการของหมวกความลับ การใช้เครื่องและซอฟท์แวร์เขียน โดยพิกซาร์เพื่อโยกย้ายลำบากหมึก และสีการเคลื่อนไหว 2 มิติวิธีอัตโนมัติมากขึ้น คอมพิวเตอร์รูปที่ไม่เคยขายดี[8] ในการเสนอราคาเพื่อขายไดรฟ์ของระบบ พิกซาร์พนักงาน Lasseter จอห์น — ที่มียาวนานการสร้างภาพเคลื่อนไหวสาธิตสั้น เช่นจูเนียร์ Luxo การแสดงความสามารถของอุปกรณ์ซึ่งฉายรอบปฐมทัศน์ที่สร้างสรรค์ของเขาที่ซิกกราฟ คอมพิวเตอร์กราฟิกอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดประชุม การ fanfare ดี[8]

ขายไม่เพียงพอของคอมพิวเตอร์ของพิกซาร์ที่ถูกคุกคามให้บริษัทออกจากธุรกิจขาดทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น งานลงทุนเงินมาก ขึ้นเพื่อแลกกับส่วนการเพิ่มขึ้นของบริษัท ลดสัดส่วนของความเป็นเจ้าของโดยผู้บริหารและพนักงานจนกว่าหลังจากหลายปี เขาเป็นเจ้าของเป็นบริษัททั้งหมดสำหรับการลงทุนทั้งหมดของ $50 ล้านบาท ภาคเคลื่อนไหวสเซเริ่มผลิตคอมพิวเตอร์เคลื่อนไหวโฆษณาบริษัทภายนอก ความสำเร็จเริ่มต้นรวมแคมเปญสำหรับทรอปิคาน่า Listerine และโปรแกรม รักษาชีวิต[9] ในเดือนเมษายนปี 1990 พิกซาร์ขายส่วนของฮาร์ดแวร์ รวมทั้งเทคโนโลยีลิขสิทธิ์ฮาร์ดแวร์ทั้งหมด และภาพซอฟต์แวร์ ระบบ Vicom และโอน 18 พนักงานประมาณ 100 ของพิกซาร์ ปีเดียวกันพิกซาร์ย้ายจาก San Rafael ยังริชมอนด์ แคลิฟอร์เนีย[10] ในช่วงเวลานี้ พิกซาร์อย่างต่อเนื่องของความสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จกับวอล์ดิสนีย์คุณลักษณะภาพเคลื่อนไหว สตูดิโอหลักองค์กรสุดจะกลายเป็น พันธมิตรที่สำคัญที่สุด ในพ.ศ. 2534 หลังจากการเริ่มต้นยากปีเมื่อประมาณ 30 คนแผนกคอมพิวเตอร์ของบริษัทถูกไล่ (รวมทั้งประธานของบริษัท Kolstad เชย), [11] ซึ่งลดจำนวนพนักงานเพียง 42 หลักของหมายเลขต้นฉบับ พิกซาร์ [12] ทำ $26 ล้านกับดิสนีย์สามคอมพิวเตอร์เคลื่อนไหวคุณลักษณะฟิล์ม การผลิตแรกที่มีเรื่องราว ของเล่น ณ ที่ซอฟต์แวร์โปรแกรมเมอร์ ผู้ได้ทำ RenderMan และหมวก และสเซแผนก ภาพเคลื่อนไหว ที่ทำโฆษณาโทรทัศน์ ไร้บาง 3 มิติสำหรับข้อศอกจาระบี และกางเกงขาสั้นไม่กี่สำหรับนก มีทั้งหมดที่เหลือของพิกซาร์[13]

แม้ มีรายได้ทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ บริษัทยังคงขาดทุน และงาน ยังประธานคณะกรรมการ และตอนนี้เจ้าเต็ม มักจะพิจารณาขายให้ แม้ว่าช้าเป็นปี 1994 งานไตร่ตรองขายพิกซาร์กับบริษัทอื่น ๆ ฝ่าย Microsoft หลังจากเรียนรู้จากนักวิจารณ์นิวยอร์กที่ทอยสตอรี่เกิดขึ้นอาจ จะ ประสบความสำเร็จและยืนยันว่า ดิสนีย์จะกระจายใน 1995 เทศกาลคริสต์มาสได้เขาตัดสินใจที่จะให้โอกาสอีกครั้งของพิกซาร์[14] เขายังเริ่ม แล้วครั้งแรกจะมีบทบาทเป็นผู้นำโดยตรงที่ใช้งานอยู่ในบริษัท ทำให้ตัวเองเป็น CEO ภาพยนตร์เรื่องนี้ไปในการเพิ่มเติมรวมกว่า 361 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก[15] ต่อมาปี พิกซาร์จัดเสนอขายบน 29 พฤศจิกายน 1995 และหุ้นของบริษัทมีราคาที่อเมริกา $22 ต่อหุ้น[16]

พิกซาร์สร้างสตูดิโอใหม่ใน Emeryville ซึ่งเปิดในเดือน 2000 พฤศจิกายน.

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประวัติ [ แก้ไข ]

ประวัติต้น [ แก้ไข ]





ใน Emeryville พิกซาร์สตูดิโอมาก . สตูดิโอเปิดในเดือนพฤศจิกายน 2000




พิกซาร์คอมพิวเตอร์ถ่ายภาพที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์กับ 1986-1995 โลโก้บนมัน .
พิกซาร์ก่อตั้งขึ้นเป็นกราฟิก กรุ๊ป ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของคอมพิวเตอร์ส่วนของลูคัสฟิล์ม ที่เปิดตัวในปี 1979 กับการจ้างงานของดร.เอ็ด catmull จากนิวยอร์กสถาบันเทคโนโลยี ( นิต ) [ 6 ] ซึ่งเขาอยู่ในค่าใช้จ่ายของกราฟิกคอมพิวเตอร์แล็บ ( cgl ) ในนิต นักวิจัยบุกเบิกหลายมูลนิธิ CG เทคนิคเฉพาะการประดิษฐ์ของ " ช่องอัลฟา " ( และโดย catmull alvy Ray Smith ) ; [ 7 ] ปีต่อมา cgl ผลิตทดลองฟิล์มเรียกว่างาน หลังจากที่ย้ายไปลูคัสฟิล์ม ,ทีมทำงานในการสร้างสารตั้งต้น RenderMan เรียกว่า เรเยส ( " แสดงทุกสิ่งที่คุณเคยเห็น " ) ; และพัฒนาจำนวนของเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับ CG รวมทั้ง " อนุภาค " และเครื่องมือภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ .

ในปี 1982 ทีมเริ่มทำภาพยนตร์ลำดับกับอุตสาหกรรมเบา&เวทมนตร์พิเศษ . 6 ] หลังจากปีของการวิจัยและที่สำคัญ เหตุการณ์สำคัญในภาพยนตร์เช่นปฐมผลใน Star Trek II : การลงโทษของข่านและกระจกสีอัศวินหนุ่ม Sherlock Holmes , [ 6 ] กลุ่มซึ่งเลข 40 บุคคลกลับแล้ว [ 1 ] ถูกปั่นออกมา เป็นบริษัทที่มีการลงทุนในกุมภาพันธ์ 2529 โดยสตีฟจ็อบส์ไม่นานหลังจากที่เขาออกจากแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์[ 1 ] งานจ่าย $ 5 ล้าน จอร์จ ลูคัส เพื่อสิทธิเทคโนโลยี และใส่และ $ 5 ล้านเงินสดเป็นเงินเข้าบริษัท . [ 1 ] เป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการขายลูคัสเพิ่มขึ้นปัญหากระแสเงินสดต่อไปนี้การหย่าร้างของเขาปี 1983 ซึ่งสอดคล้องกับฉับพลันฟรีรายได้จาก Star Wars ใบอนุญาตดังต่อไปนี้ ปล่อยกลับมาของเจไดบริษัทอิสระใหม่ คือ นำโดย ดร. เอ็ดวิน catmull เป็นประธาน และ ดร. alvy เรย์ สมิธ ผู้บริหารในฐานะรองประธาน พวกเขาเข้าร่วมในคณะกรรมการของ บริษัท โดยสตีฟ จ็อบส์เป็นประธาน [ 1 ]

ตอนแรก Pixar เป็น high - end ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ บริษัท ที่มีผลิตภัณฑ์หลักเป็นพิกซาร์ภาพคอมพิวเตอร์ ระบบหลักที่ขายให้กับหน่วยงานราชการและชุมชนทางการแพทย์หนึ่งในผู้ซื้อของพิกซาร์ภาพคอมพิวเตอร์คือ วอลท์ ดิสนีย์ สตูดิโอ ซึ่งถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการลับ หมวก โดยใช้เครื่องจักรและซอฟแวร์ที่กำหนดเองที่เขียนโดยพิกซาร์ โยกย้ายลำบากหมึกและสีเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเป็นอัตโนมัติมากขึ้นภาพเคลื่อนไหว 2 มิติโดยวิธี คอมพิวเตอร์ ภาพที่เคยขายดี [ 8 ] ในการเสนอราคาเพื่อผลักดันยอดขายของระบบพิกซาร์ จอห์น แลสซิเตอร์ที่มีพนักงานนานสร้างภาพเคลื่อนไหวสาธิตสั้น เช่น el salvador . kgm จูเนียร์ เพื่อแสดงความสามารถของอุปกรณ์ฉายสร้างสรรค์ของเขาที่ซิกกราฟการประชุมใหญ่กราฟิก , คอมพิวเตอร์อุตสาหกรรม , ยอดเยี่ยม . . . . [ 8 ]

ไม่เพียงพอขายพิกซาร์ขู่ใส่คอมพิวเตอร์ของบริษัทธุรกิจการเงิน ขาดทุนมากขึ้นเรื่อยๆงานลงทุนมากขึ้นในการแลกเปลี่ยนสำหรับการเพิ่ม ส่วนของบริษัท การลดสัดส่วนของการเป็นเจ้าของ โดยผู้บริหารและพนักงานขององค์กร จนกระทั่งหลายปีเขาเป็นเจ้าของหลักทั้งหมด บริษัท การลงทุนรวมของ $ 50 ล้าน แลสซิเตอร์เริ่มผลิตคอมพิวเตอร์ภาพเคลื่อนไหวภาพเคลื่อนไหวของฝ่ายโฆษณา บริษัท ภายนอกความสำเร็จแรกรวมแคมเปญสำหรับ Tropicana , ลิสเตอรีน และเซฟชีวิต . [ 9 ] ในเมษายน 1990 คับขายส่วนของฮาร์ดแวร์ รวมทั้งกรรมสิทธิ์เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ภาพ , ระบบ vicom และโอน 18 ของพิกซาร์ ประมาณ 100 คน ปีเดียวกันคับ ย้ายจาก ซาน ราฟาเอล ริชมอนด์ แคลิฟอร์เนีย [ 10 ] ในช่วงเวลานี้พิกซาร์อย่างต่อเนื่องของความสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จกับวอลท์ ดิสนีย์ แอนิเมชั่น สตูดิโอ ซึ่งคุณลักษณะ , บริษัทแม่จะสุดเป็นพันธมิตรสำคัญที่สุดของ ในปี 1991 หลังจากที่เริ่มต้นที่แข็งแกร่งของปีเมื่อพนักงานประมาณ 30 ในแผนกคอมพิวเตอร์ของ บริษัท ถูกไล่ออก ( รวมถึงประธานของ บริษัท , ชัค โคลสตัด ) [ 11 ] ซึ่งลดจำนวนของพนักงานเพียง 42 ,เป็นหลักของหมายเลขเดิม [ 12 ] พิกซาร์ทำข้อตกลง 26 $ ล้านกับ Disney ผลิตสามคอมพิวเตอร์ภาพเคลื่อนไหวภาพยนตร์ แรกซึ่งคือเรื่องราวของเล่น ณจุดที่ , ซอฟต์แวร์โปรแกรมเมอร์ที่ทำ RenderMan และหมวกแลสซิเตอร์และภาพเคลื่อนไหวของแผนก ทำโฆษณาโทรทัศน์ บางห้อง 3-D ต่อยสำหรับตู้เพลง และกางเกงขาสั้นสามถนนงาคือทั้งหมดที่ด้านซ้ายของพิกซาร์ . [ 13 ]

แม้รายได้รวมของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ของ บริษัท ยังเสียทั้งเงิน และงาน ยังเป็นประธานคณะกรรมการ และขณะนี้ถือว่ามักจะเต็ม เจ้าของขายเอง แม้จะเป็นปลาย 1994 งานออกมาขายคับ กับ บริษัท อื่น ๆในหมู่พวกเขา Microsoftหลังจากเรียนรู้จากนิวยอร์กวิจารณ์เรื่องของเล่นอาจจะประสบความสำเร็จและยืนยันว่าดิสนีย์จะแจกจ่ายสำหรับ 2538 เทศกาลคริสต์มาสเขาตัดสินใจจะให้ลูกอีกครั้ง [ 14 ] เขายังเริ่มแล้วเป็นครั้งแรกที่จะใช้บทบาทความเป็นผู้นำโดยตรงใน บริษัท ที่ทำเองของซีอีโอ . ฟิล์มก็จะรวมมากกว่า $ 361 ล้านรายทั่วโลก[ 15 ] ในภายหลังว่าปี , Pixar จัดเสนอขายเริ่มต้นของวันที่ 29 พฤศจิกายน 2538 และหุ้นของบริษัทมีราคาที่ US $ 20 ต่อหุ้น [ 16 ]

สร้างสตูดิโอใหม่ใน Emeryville พิกซาร์ซึ่งเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2000