Omar Hassan Ahmad al-Bashir (Arabic

Omar Hassan Ahmad al-Bashir (Arabic: عمر حسن أحمد البشير‎; born 1 January 1944) is the President of Sudan and the head of the National Congress Party. He came to power in 1989 when, as a brigadier in the Sudanese army, he led a group of officers in a military coup that ousted the democratically elected government of Prime Minister Sadiq al-Mahdi after it began negotiations with rebels in the south.[1] Since then, he has been elected three times as President in elections that have been under scrutiny for corruption.[2] In March 2009, al-Bashir became the first sitting president to be indicted by the International Criminal Court (ICC), for allegedly directing a campaign of mass killing, rape, and pillage against civilians in Darfur.[3]

In October 2005, al-Bashir's government negotiated an end to the Second Sudanese Civil War,[4] leading to a referendum in the South, resulting in the separation of the south into the separate country of South Sudan. In the Darfur region, he oversaw the War in Darfur that has resulted in death tolls that are about 10,000 according to the Sudanese Government,[5] but most sources suggest between 200,000[6] and 400,000.[7][8][9] During his presidency, there have been several violent struggles between the Janjaweed militia and rebel groups such as the Sudanese Liberation Army (SLA) and the Justice and Equality Movement (JEM) in the form of guerrilla warfare in the Darfur region. The civil war has displaced[10] over 2.5 million people out of a total population of 6.2 million in Darfur[11] and has created a crisis in the diplomatic relations between Sudan and Chad.[12] The rebels in Darfur lost the support from Libya after the death of Muammar Gaddafi and the collapse of his regime in 2011.[13][14][15]

In July 2008, the prosecutor of the International Criminal Court (ICC), Luis Moreno Ocampo, accused al-Bashir of genocide, crimes against humanity, and war crimes in Darfur.[16] The court issued an arrest warrant for al-Bashir on 4 March 2009 on counts of war crimes and crimes against humanity, but ruled that there was insufficient evidence to prosecute him for genocide.[17][18] However, on 12 July 2010, the Court issued a second warrant containing three separate counts. The new warrant, as with the first, were delivered to the Sudanese government, which did not recognize it nor the ICC.[18] Al-Bashir is the first sitting head of state indicted by the ICC.[18] The indictments do not allege that Bashir personally took part in such activities. Instead, they say, he is "suspected of being criminally responsible, as an indirect co-perpetrator".[19] Some international experts think it is unlikely that Ocampo has enough evidence.[20] The court's decision is opposed by the African Union, League of Arab States, Non-Aligned Movement, and the governments of Russia and China.[21][22] A leak from WikiLeaks allegedly reveals that the Sudanese president had embezzled state funds amounting to US$9 billion, to which Lloyds Bank of England later rejected as "Lloyds insisted it was not aware of any link with Bashir" while a Sudanese government spokesman said that the claim that the president had taken the cash was "ludicrous" and attacked the motives of the prosecutor.[23] In an interview with the Guardian, al-Bashir said, referring to ICC Prosecuter Ocampo, "The biggest lie was when he said I have $9bn in one of the British banks, and thank God, the British bank and the [British] finance minister ... denied these allegations."[19] The arrest warrant has actively increased public support for al-Bashir in Sudan.[

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Omar Hassan Ahmad al-ชาร์ (อาหรับ: عمرحسنأحمدالبشير เกิด 1 1944 มกราคม) เป็นประธานาธิบดีของประเทศซูดานและหัวหน้าพรรคคองเกรสแห่งชาติ เขามาสู่อำนาจในปี 1989 เมื่อ เป็น brigadier กองทัพซูดาน เขานำคณะเจ้าหน้าที่ในการรัฐประหารที่ล้มรัฐบาลนายกรัฐมนตรี Sadiq al-Mahdi democratically ป่าวหลังจากที่ได้เริ่มเจรจากับกบฏในภาคใต้ [1] ตั้งแต่นั้น เขาได้รับการรับเลือกสามครั้งเป็นประธานในการเลือกตั้งที่ได้รับภายใต้ scrutiny สำหรับความเสียหาย [2] ในเดือน 2552 มีนาคม อัลชาร์เป็น ประธานนั่งครั้งแรกจะถูกฟ้องโดยนานาชาติศาลอาญา (ICC), ในการกำกับส่งเสริมการขายโดยรวมฆ่า ข่มขืน และ pillage ต่อพลเรือนในดาร์ฟูร์กำลังลักลอบ [3]ในเดือน 2005 ตุลาคม อัลชาร์รัฐบาลเจรจายุติการสองซูดานสงครามกลางเมือง, [4] นำไปสู่การลงประชามติในภาคใต้ เกิดแบ่งแยกภาคใต้ในประเทศซูดานใต้แยกต่างหาก ฟัวร์ เขาดูแลสงครามในดาร์ฟูร์กำลังที่มีทำให้เกิดความตายผ่านที่ประมาณ 10000 ตามรัฐบาลซูดาน, [5] แต่ส่วนใหญ่แหล่งที่แนะนำระหว่าง 200000 [6] และ 400000 [7] [8] [9] ในระหว่างประธานาธิบดีของเขา มีหลายย่างรุนแรงระหว่าง Janjaweed อาสาและกบฏกลุ่มกองทัพปลดปล่อยซูดาน (SLA) และความยุติธรรมและความเสมอภาคเคลื่อนไหว (JEM) ในรูปแบบของสงครามกองโจรในฟัวร์ สงครามกลางเมืองได้พลัดถิ่น [10] มากกว่า 2.5 ล้านคนออกของประชากร 6.2 ล้านในดาร์ฟูร์กำลัง [11] และได้สร้างวิกฤตในความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศซูดานและสาธารณรัฐชาด [12] กบฏในดาร์ฟูร์กำลังสูญเสียการสนับสนุนจากลิเบียหลังจากการตายของ Muammar Gaddafi และการล่มสลายของระบอบการปกครองของเขาในปี 2554 [13] [14] [15]In July 2008, the prosecutor of the International Criminal Court (ICC), Luis Moreno Ocampo, accused al-Bashir of genocide, crimes against humanity, and war crimes in Darfur.[16] The court issued an arrest warrant for al-Bashir on 4 March 2009 on counts of war crimes and crimes against humanity, but ruled that there was insufficient evidence to prosecute him for genocide.[17][18] However, on 12 July 2010, the Court issued a second warrant containing three separate counts. The new warrant, as with the first, were delivered to the Sudanese government, which did not recognize it nor the ICC.[18] Al-Bashir is the first sitting head of state indicted by the ICC.[18] The indictments do not allege that Bashir personally took part in such activities. Instead, they say, he is "suspected of being criminally responsible, as an indirect co-perpetrator".[19] Some international experts think it is unlikely that Ocampo has enough evidence.[20] The court's decision is opposed by the African Union, League of Arab States, Non-Aligned Movement, and the governments of Russia and China.[21][22] A leak from WikiLeaks allegedly reveals that the Sudanese president had embezzled state funds amounting to US$9 billion, to which Lloyds Bank of England later rejected as "Lloyds insisted it was not aware of any link with Bashir" while a Sudanese government spokesman said that the claim that the president had taken the cash was "ludicrous" and attacked the motives of the prosecutor.[23] In an interview with the Guardian, al-Bashir said, referring to ICC Prosecuter Ocampo, "The biggest lie was when he said I have $9bn in one of the British banks, and thank God, the British bank and the [British] finance minister ... denied these allegations."[19] The arrest warrant has actively increased public support for al-Bashir in Sudan.[

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โอมาร์ฮัสซันอาห์หมัดอัลบาชีร์ (อาหรับ: عمرحسنأحمدالبشير; เกิด 1 มกราคม 1944) เป็นประธานาธิบดีของซูดานและหัวหน้าพรรคสภาแห่งชาติ เขาเข้ามามีอำนาจในปี 1989 เมื่อเป็นนายพลในกองทัพซูดานเขานำกลุ่มของเจ้าหน้าที่ในการทำรัฐประหารที่โค่นล้มรัฐบาลเลือกตั้งของนายกรัฐมนตรี Sadiq อัลมะห์หลังจากที่มันเริ่มการเจรจากับกลุ่มกบฏในภาคใต้. [ 1] ตั้งแต่นั้นมาเขาได้รับการเลือกตั้งสามครั้งเป็นประธานาธิบดีในการเลือกตั้งที่ได้รับภายใต้การตรวจสอบข้อเท็จจริงทุจริต. [2] ในเดือนมีนาคมปี 2009 อัลบาชีร์กลายเป็นประธานาธิบดีนั่งครั้งแรกที่จะฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่ถูกกล่าวหาว่าผู้กำกับการรณรงค์ของการฆ่ามวลข่มขืนและปล้นกับพลเรือนในดาร์ฟัวร์. [3] ในเดือนตุลาคมปี 2005 รัฐบาลอัลบาชีร์ของการเจรจาต่อรองสิ้นไปสองสงครามกลางเมืองซูดาน [4] ที่นำไปสู่การลงประชามติในภาคใต้ ส่งผลให้การแยกของภาคใต้เข้ามาในประเทศที่แยกต่างหากจากซูดานใต้ ในภูมิภาคดาร์ฟัวร์เขาเป็นคนคุมสงครามในดาร์ฟัวร์ที่มีผลในการตายของโทลเวย์ที่มีประมาณ 10,000 ตามที่รัฐบาลซูดาน [5] แต่ส่วนใหญ่ที่มาแนะนำระหว่าง 200,000 [6] และ 400,000. [7] [8] [9 ] ในระหว่างที่ประธานได้มีการต่อสู้ที่รุนแรงหลายครั้งระหว่างอาสาสมัคร Janjaweed และกลุ่มกบฏเช่นซูดานกองทัพปลดปล่อย (SLA) และความยุติธรรมและความเท่าเทียมกันในการเคลื่อนที่ (JEM) ในรูปแบบของสงครามกองโจรในภูมิภาคดาร์ฟัวร์ สงครามกลางเมืองได้ย้าย [10] กว่า 2.5 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 6.2 ล้านบาทในดาร์ฟัวร์ [11] และได้สร้างวิกฤติในความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างซูดานและแช้ด. [12] กบฏในดาร์ฟัวร์สูญเสียการสนับสนุนจาก ลิเบียหลังจากการตายของ Muammar Gaddafi และการล่มสลายของระบอบการปกครองของเขาในปี 2011 [13] [14] [15] ในเดือนกรกฎาคม 2008 อัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC), หลุยส์โมเรโนแคมโปกล่าวหาว่าอัลบาชีร์ของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติและอาชญากรรมสงครามในดาร์ฟัว. [16] ศาลออกหมายจับสำหรับอัลบาชีร์ที่ 4 มีนาคม 2009 ข้อหาอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ แต่ตัดสินว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีเขาสำหรับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ . [17] [18] อย่างไรก็ตามในวันที่ 12 กรกฏาคม 2010 ศาลที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่สองที่มีสามข้อหาแยกต่างหาก ใบสำคัญแสดงสิทธิใหม่เช่นเดียวกับครั้งแรกที่ถูกส่งไปยังรัฐบาลซูดานซึ่งไม่ได้รับรู้มันหรือไอซีซี. [18] อัลบาชีร์เป็นหัวนั่งแรกของรัฐฟ้อง ICC. [18] ข้อหาไม่ กล่าวหาว่าบาชีร์เองมีส่วนร่วมในกิจกรรมดังกล่าว แต่พวกเขาบอกว่าเขาจะ "น่าสงสัยว่าจะเป็นผู้รับผิดชอบทางอาญาเป็นทางอ้อมร่วมกระทำผิด". [19] บางผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศคิดว่ามันไม่น่าที่แคมโปมีหลักฐานเพียงพอ. [20] การตัดสินของศาลเป็นศัตรูโดยสหภาพแอฟริกัน ลีกของรัฐอาหรับ, ไม่ใช่แนวทางเคลื่อนไหวและรัฐบาลของรัสเซียและจีน. [21] [22] การรั่วไหลจาก WikiLeaks ถูกกล่าวหาว่าแสดงให้เห็นว่าประธานาธิบดีซูดานได้ยักยอกเงินจำนวน US $ 9000000000 รัฐที่ธนาคารลอยด์ ประเทศอังกฤษต่อมาปฏิเสธว่า "ลอยด์ยืนกรานว่ามันไม่ได้ตระหนักถึงการเชื่อมโยงกับ Bashir ใด ๆ " ขณะที่โฆษกรัฐบาลซูดานกล่าวว่าการเรียกร้องว่าประธานาธิบดีได้รับเงินสดเป็น "หัวเราะ" และโจมตีแรงจูงใจของอัยการ. [23] ใน ให้สัมภาษณ์กับเดอะการ์เดีย, อัลบาชีร์กล่าวว่าหมายถึง ICC Prosecuter แคมโป "โกหกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ตอนที่เขาบอกว่าผมมี $ 9BN ในหนึ่งในธนาคารที่อังกฤษและขอบคุณพระเจ้าที่ธนาคารของอังกฤษและ [อังกฤษ] กระทรวงการคลัง .. ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้. "[19] หมายจับได้เพิ่มการสนับสนุนจากประชาชนอย่างแข็งขันสำหรับอัลบาชีร์ในซูดาน. [

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โอมาร์ ฮาสซาน อาหมัด อัล บาชีร์ ( ภาษาอาหรับ : عمرحسنأحمدالبشير‎ ; เกิดวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1944 ) เป็นประธานาธิบดีของซูดานและหัวของพรรคคองเกรสแห่งชาติ เขาเข้ามามีอำนาจในปี 1989 เมื่อเป็นนายพลจัตวาในกองทัพซูดาน ,เขานำกลุ่มทหารในทหารทำรัฐประหารที่โค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของนายกรัฐมนตรีซาดิก อัล มะห์ดี หลังจากมันเริ่มเจรจากับกบฏในภาคใต้ [ 1 ] หลังจากนั้นเขาได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ในการเลือกตั้งครั้งที่ได้รับภายใต้การพิจารณาสำหรับการทุจริต [ 2 ] ในเดือนมีนาคม 2552al Bashir เป็นครั้งแรก นั่งประธานจะฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ ( ICC ) ที่ถูกกล่าวหาว่านำแคมเปญของมวลฆ่า , ข่มขืนและปล้นต่อพลเรือนในดาร์ฟูร์ . [ 3 ]

ในเดือนตุลาคมปี 2005 รัฐบาล อัล บาชีร์เจรจายุติสงครามกลางเมืองซูดานครั้งที่ 2 , [ 4 ] ชั้นนํา การประชามติในภาคใต้ผลในการแยกของภาคใต้ในประเทศ แยก ทางใต้ของซูดาน ในเขตดาร์ฟูร์ เขาดูแลสงครามในดาร์ฟูร์ที่ก่อให้เกิดความตายผ่านทางที่มีประมาณ 10 , 000 ตามที่รัฐบาลซูดาน [ 5 ] แต่แหล่งข้อมูลส่วนใหญ่เสนอแนะระหว่าง 200000 [ 6 ] และ 400000 [ 7 ] [ 8 ] [ 9 ] ในระหว่างที่เขาเป็นประธาน ,มีการต่อสู้รุนแรงระหว่างจันจาวีดและทหารกบฏหลายกลุ่มเช่นกองทัพปลดปล่อยซูดาน ( SLA ) และขบวนการเพื่อความยุติธรรมและความเสมอภาค ( เจม ) ในรูปแบบของสงครามกองโจรในเขตดาร์ฟู สงครามกลางเมืองได้พลัดถิ่น [ 10 ] มากกว่า 2.5 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 6 ตัว2 ล้านในดาร์ฟูร์ [ 11 ] และได้สร้างวิกฤติในความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างซูดานและแชด [ 12 ] กบฏในดาร์ฟูร์สูญเสียการสนับสนุนจากลิเบีย หลังจากการตายของ Muammar Gaddafi และการล่มสลายของระบอบการปกครองของเขาใน 2011 . [ 13 ] [ 14 ] [ 15 ]

ในเดือนกรกฎาคม 2008 อัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศ ( ICC ) , Luis Moreno Ocampo , กล่าวหาว่า อัล บาชีร์ ของเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติและอาชญากรรมสงครามในดาร์ฟูร์ . [ 16 ] ศาลออกหมายจับ อัล บาชีร์ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2552 ในข้อหาอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ แต่กล่าวว่ามีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะดำเนินคดีกับเขาสำหรับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ [ 17 ] [ 18 ] อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 ศาลออกหมายที่สอง ที่ประกอบด้วยสามนับแยก หมายใหม่เป็นครั้งแรกถูกส่งไปยังรัฐบาลซูดาน ซึ่งไม่ได้รู้จักมันหรือ ICC . [ 18 ] อัล บาชีร์ เป็นครั้งแรกที่นั่งหัวของรัฐฟ้อง ICC . [ 18 ] ข้อหาไม่กล่าวหาว่าบาชีร์เองเอาส่วนหนึ่งในกิจกรรมดังกล่าว แต่พวกเขากล่าวว่าเขาเป็น " สงสัยว่าเป็นผู้รับผิดชอบ รวมถึงเป็นผู้กระทำผิด " Co ทางอ้อม[ 19 ] บางประเทศผู้เชี่ยวชาญคิดว่า มันไม่น่าที่ Ocampo มีหลักฐานเพียงพอ [ 20 ] การตัดสินของศาลเป็นตรงข้ามโดยสหภาพแอฟริกัน ลีกของรัฐอาหรับ ชิดนอก การเคลื่อนไหว และรัฐบาลของรัสเซียและจีน . [ 21 ] [ 22 ] รั่วจาก Wikileaks นัยว่าเผยว่า ประธานาธิบดี ซูดานมี ยักยอกเงินกองทุนรัฐเป็นเงิน US $ 9 พันล้านที่ Lloyds ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษต่อมาปฏิเสธว่า " กระแส ยืนยันไม่ได้ตระหนักถึงการเชื่อมโยงใด ๆ กับ บาชีร์ " ขณะที่โฆษกรัฐบาลซูดานกล่าวว่า เรียกร้องให้ ประธานาธิบดีได้ยึดเงินสด " หัวเราะ " และโจมตีเป้าหมายของอัยการ [ 23 ] ในการสัมภาษณ์กับผู้ปกครอง อัล บาชีร์ กล่าว หมายถึงอัยการ ICC Ocampo ," คำโกหกที่ใหญ่ที่สุดคือเมื่อเขากล่าวว่าฉันมี $ 9bn หนึ่งในธนาคารอังกฤษ และขอบคุณพระเจ้าที่ ธนาคารอังกฤษและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอังกฤษ [ . . . ] ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ . " [ 19 ] หมายจับได้งานเพิ่มขึ้น ประชาชนสนับสนุน al Bashir ในซูดาน .