Theory is a contemplative and ratio

Theory is a contemplative and rational type of abstract or generalizing thinking, or the results of such thinking. Depending on the context, the results might for example include generalized explanations of how nature works. The word has its roots in ancient Greek, but in modern use it has taken on several different related meanings. A theory is not the same as a hypothesis. A theory provides an explanatory framework for some observation, and from the assumptions of the explanation follows a number of possible hypotheses that can be tested in order to provide support for, or challenge, the theory.

One modern group of meanings emphasizes the interpretative, abstracting, and generalizing nature of theory. For example in the arts and philosophy, the term "theoretical" may be used to describe ideas and empirical phenomena which are not easily measurable. Theory abstracts. It draws away from the particular and empirical. By extension of the philosophical meaning, "theoria" is a word still used in theological contexts to mean viewing through contemplation — speculating about meanings that transcend measurement. However, by contrast to theoria, theory is based on the act of viewing analytically and generalizing contextually. It is thus based upon a process of abstraction. That is, theory involves stepping back, or abstracting, from that which one is viewing.[1]

A theory can be normative (or prescriptive),[2] meaning a postulation about what ought to be. It provides "goals, norms, and standards".[3] A theory can be a body of knowledge, which may or may not be associated with particular explanatory models. To theorize is to develop this body of knowledge.[4]

As already in Aristotle's definitions, theory is very often contrasted to "practice" (from Greek praxis, πρᾶξις) a Greek term for "doing", which is opposed to theory because pure theory involves no doing apart from itself. A classical example of the distinction between "theoretical" and "practical" uses the discipline of medicine: medical theory involves trying to understand the causes and nature of health and sickness, while the practical side of medicine is trying to make people healthy. These two things are related but can be independent, because it is possible to research health and sickness without curing specific patients, and it is possible to cure a patient without knowing how the cure worked.[5]

In modern science, the term "theory" refers to scientific theories, a well-confirmed type of explanation of nature, made in a way consistent with scientific method, and fulfilling the criteria required by modern science. Such theories are described in such a way that any scientist in the field is in a position to understand and either provide empirical support ("verify") or empirically contradict ("falsify") it. Scientific theories are the most reliable, rigorous, and comprehensive form of scientific knowledge,[6] in contrast to more common uses of the word "theory" that imply that something is unproven or speculative (which is better characterized by the word 'hypothesis').[7] Scientific theories are distinguished from hypotheses, which are individual empirically testable conjectures, and scientific laws, which are descriptive accounts of how nature will behave under certain conditions.[8]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎีเป็นการ contemplative และชนิดเชือดความคิดนามธรรม หรือ generalizing หรือผลของความคิดดังกล่าว ขึ้นอยู่กับบริบท ผลลัพธ์อาจตัวอย่างรวมถึงเมจแบบทั่วไปคำอธิบายของวิธีการทำงานของธรรมชาติ คำที่มีรากของมันในกรีกโบราณ แต่ใช้สมัย นั้นได้ดำเนินการในหลายความหมายที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ทฤษฎีไม่เหมือนกับสมมติฐาน ทฤษฎีเป็นกรอบการอธิบายสำหรับสังเกตบาง และจากสมมติฐานของคำอธิบายตามตัวเลขของสมมุติฐานที่เป็นไปได้ที่สามารถทดสอบเพื่อให้การสนับสนุน หรือ ท้าทาย ทฤษฎีการ

กลุ่มสมัยหนึ่งของความหมายเน้นที่ interpretative, abstracting และ generalizing ธรรมชาติของทฤษฎี ตัวอย่างในศิลปะและปรัชญา คำว่า "ทฤษฎี" อาจถูกใช้เพื่ออธิบายแนวคิดและปรากฏการณ์ประจักษ์ซึ่งไม่ได้วัด บทคัดย่อจากทฤษฎี มันวาดเฉพาะ และประจักษ์ โดยขยายความหมายปรัชญา "theoria" เป็นคำที่ใช้ในศาสนศาสตร์บริบทหมายถึง การดูผ่านสื่อ — speculating เกี่ยวกับความหมายที่ transcend วัด อย่างไรก็ตาม โดยคมชัด การ theoria ทฤษฎีขึ้นกับการกระทำ น่าดู analytically generalizing contextually มันจะดังขึ้นตามกระบวนการของ abstraction นั่นคือ ทฤษฎีเกี่ยวข้องกับก้าวกลับ หรือ abstracting จากที่ที่หนึ่งดู[1]

เป็นทฤษฎีสามารถ normative (หรือรับมือ) [2] หมายถึง postulation เกี่ยวกับสิ่งที่ควรจะเป็น มันมี "เป้าหมาย บรรทัดฐาน และมาตรฐาน"[3] เป็นทฤษฎีได้เป็นองค์ความรู้ ซึ่งอาจ หรืออาจไม่สัมพันธ์กับแบบจำลองที่อธิบายเฉพาะ ตั้งทฤษฎีคือการ พัฒนาองค์ความรู้นี้[4]

ตามแล้วในคำนิยามของอาริสโตเติล ทฤษฎีเป็นบ่อยต่างไป "ปฏิบัติ" (จากภาษากรีก praxis πρᾶξις) เป็นคำภาษากรีกสำหรับการ "ทำ" ซึ่งตรงข้ามกับทฤษฎีเนื่องจากทฤษฎีล้วนเกี่ยวข้องกับการไม่ทำนอกจากตัวเอง ตัวอย่างที่คลาสสิกของความแตกต่างระหว่าง "ทฤษฎี" และ "ปฏิบัติ" ใช้วินัยการแพทย์: ทฤษฎีทางการแพทย์เกี่ยวข้องกับการพยายามทำความเข้าใจสาเหตุและลักษณะของสุขภาพและการเจ็บป่วย ในขณะที่ด้านการปฏิบัติของแพทย์จะพยายามที่จะทำให้คนมีสุขภาพดี ทั้งสองสิ่งเกี่ยวข้อง แต่ได้อย่างอิสระ เพราะเป็นการวิจัยสุขภาพและการเจ็บป่วยโดยไม่ต้องบ่มผู้ป่วยเฉพาะ และสามารถรักษาผู้ป่วยโดยไม่ทราบวิธีการทำงานของการรักษา[5]

ในวิทยาการสมัยใหม่ คำว่า "ทฤษฎี" หมายถึงทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ ชนิดอธิบายธรรมชาติ ทำในลักษณะที่สอดคล้องกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์ และการตอบสนองเงื่อนไขที่จำเป็นต้องใช้วิทยาการสมัยใหม่ได้รับการยืนยันห้องพัก ทฤษฎีดังกล่าวอธิบายในลักษณะว่า นักวิทยาศาสตร์ใด ๆ ในฟิลด์อยู่ในตำแหน่งเพื่อให้เข้าใจ และอย่างใดอย่างหนึ่งให้ประจักษ์สนับสนุน ("ตรวจสอบ") หรือ empirically ขัดแย้ง ("ปลอม") ก็ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ได้มากที่สุดเชื่อถือได้ เข้มงวด ครอบคลุมแบบ และความรู้ทางวิทยาศาสตร์[6] ในทางตรงกันข้ามการใช้งานทั่วไปของคำว่า "ทฤษฎี" ที่เป็นสิทธิ์แบบว่า อะไรคือ unproven หรือเก็งกำไรที่ดีกว่าค้นคำว่า "สมมติฐาน")[7] วิทยาศาสตร์ทฤษฎีแตกต่างจากสมมุติฐาน ซึ่งมี conjectures empirically testable ละ และกฎหมายวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นบัญชีคำอธิบายของวิธีธรรมชาติจะทำงานภายใต้เงื่อนไขบางประการ[8]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎีเป็นชนิดครุ่นคิดและมีเหตุผลของความคิดที่เป็นนามธรรมหรือ generalizing หรือผลของการคิดดังกล่าว ขึ้นอยู่กับบริบทผลลัพธ์ที่อาจจะยกตัวอย่างเช่นมีคำอธิบายทั่วไปของวิธีการทำงานของธรรมชาติ คำที่มีรากมาจากภาษากรีกโบราณ แต่ในการใช้งานที่ทันสมัยจะได้ดำเนินการในหลายความหมายที่เกี่ยวข้องที่แตกต่างกัน ทฤษฎีไม่ได้เป็นเช่นเดียวกับการตั้งสมมติฐาน ทฤษฎีให้กรอบการอธิบายสำหรับการสังเกตบางส่วนและจากสมมติฐานของคำอธิบายดังต่อไปนี้จำนวนของสมมติฐานที่เป็นไปได้ที่สามารถผ่านการทดสอบเพื่อที่จะให้การสนับสนุนหรือความท้าทายทฤษฎีกลุ่มหนึ่งที่ทันสมัยของความหมายเน้นการแปลความหมายที่เป็นนามธรรม และ generalizing ลักษณะของทฤษฎี ตัวอย่างเช่นในศิลปะและปรัชญาคำว่า "ทฤษฎี" อาจจะใช้ในการอธิบายความคิดและปรากฏการณ์เชิงประจักษ์ที่ไม่สามารถวัดได้อย่างง่ายดาย บทคัดย่อทฤษฎี มันดึงออกไปจากโดยเฉพาะและเชิงประจักษ์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของความหมายปรัชญา "theoria" เป็นคำที่ยังคงใช้ในบริบทศาสนศาสตร์หมายถึงการดูผ่านฌาน - คาดเดาเกี่ยวกับความหมายที่อยู่เหนือวัด แต่โดยทางตรงกันข้ามกับ theoria ทฤษฎีจะขึ้นอยู่กับการกระทำของการดูและวิเคราะห์บริบท generalizing มันขึ้นอยู่กับขั้นตอนจึงเป็นนามธรรม นั่นคือทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการก้าวกลับหรือการสรุปจากที่ที่หนึ่งที่ดู. [1] ทฤษฎีสามารถกฎเกณฑ์ (หรือกำหนด) [2] หมายถึงการยืนยันเกี่ยวกับสิ่งที่ควรจะเป็น มันมี "เป้าหมายบรรทัดฐานและมาตรฐาน" [3]. ทฤษฎีสามารถร่างกายของความรู้ซึ่งอาจจะหรืออาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับรูปแบบการอธิบายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทฤษฎีคือการพัฒนาองค์ความรู้นี้. [4] ในขณะที่อยู่ในคำนิยามของอริสโตเติลทฤษฎีมากมักจะเทียบกับ "การปฏิบัติ" (จากแพรคซิกรีกπρᾶξις) คำภาษากรีกสำหรับ "ทำ" ซึ่งตรงข้ามกับทฤษฎีเพราะบริสุทธิ์ ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการไม่ทำนอกเหนือจากตัวเอง ตัวอย่างคลาสสิกของความแตกต่างระหว่าง "ทฤษฎี" และ "ปฏิบัติ" ใช้ระเบียบวินัยของยาทฤษฎีทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการพยายามที่จะเข้าใจสาเหตุและลักษณะของการมีสุขภาพและความเจ็บป่วยในขณะที่ด้านการปฏิบัติของแพทย์พยายามที่จะทำให้คนที่มีสุขภาพ ทั้งสองสิ่งมีความสัมพันธ์กัน แต่สามารถเป็นอิสระเพราะมันเป็นไปได้เพื่อการวิจัยสุขภาพและความเจ็บป่วยโดยไม่ต้องรักษาผู้ป่วยที่เฉพาะเจาะจงและมันก็เป็นไปได้ที่จะรักษาผู้ป่วยโดยไม่ทราบวิธีการรักษาทำงาน. [5] ในวิทยาศาสตร์สมัยใหม่คำว่า "ทฤษฎี "หมายถึงทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ประเภทที่ได้รับการยืนยันของคำอธิบายของธรรมชาติทำในลักษณะที่สอดคล้องกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์และการปฏิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดโดยวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ทฤษฎีดังกล่าวจะมีการอธิบายในลักษณะที่นักวิทยาศาสตร์ในสาขาใด ๆ อยู่ในตำแหน่งที่จะเข้าใจและให้การสนับสนุนทั้งเชิงประจักษ์ ("ตรวจสอบ") หรือสังเกตุขัดแย้ง ("ปลอมแปลง") มัน ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นรูปแบบที่เชื่อถือได้มากที่สุดอย่างเข้มงวดและครอบคลุมความรู้ทางวิทยาศาสตร์ [6] ในทางตรงกันข้ามกับการใช้งานทั่วไปของคำว่า "ทฤษฎี" ที่บ่งบอกถึงว่าสิ่งที่เป็นที่มาหรือการเก็งกำไร (ซึ่งเป็นลักษณะที่ดีขึ้นโดยคำว่า 'สมมติฐาน' .) [7] ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์มีความแตกต่างไปจากสมมติฐานที่มีการคาดเดาของแต่ละบุคคลที่สามารถทดสอบได้สังเกตุและกฎหมายทางวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นบัญชีที่อธิบายถึงวิธีการที่ธรรมชาติจะทำงานภายใต้เงื่อนไขบาง. [8]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎีเป็นครุ่นคิดและเหตุผลประเภทของนามธรรมหรือ Generalizing คิด หรือผลของการคิดเช่น ขึ้นอยู่กับบริบท ผลลัพธ์อาจตัวอย่างเช่นรวมทั่วไปคำอธิบายของลักษณะงานอย่างไร คำที่มีรากในสมัยกรีกโบราณ แต่ปัจจุบันใช้มันมีหลายที่แตกต่างกันที่เกี่ยวข้องกับความหมาย ทฤษฎีไม่ได้เป็นเช่นเดียวกับสมมติฐานทฤษฎีมีกรอบการอธิบายบางสังเกตการณ์ และจากสมมติฐานของคำอธิบายตามจำนวนของสมมติฐานที่เป็นไปได้ที่สามารถทดสอบเพื่อให้การสนับสนุน หรือท้าทายทฤษฎี

หนึ่งที่ทันสมัย กลุ่มความหมายเน้นตีความสาระสังเขปและ Generalizing ธรรมชาติของทฤษฎี ตัวอย่างเช่นในศิลปะและปรัชญาคำว่า " ทฤษฎี " อาจจะถูกใช้เพื่ออธิบายแนวคิดและปรากฏการณ์เชิงประจักษ์ซึ่งไม่สามารถวัดได้อย่างง่ายดาย ทฤษฎีสาระสังเขป มันดึงออกจากที่เฉพาะเจาะจงและเชิงประจักษ์ โดยการขยายของความหมายเชิงปรัชญา " theoria " เป็นคำที่ใช้ในบริบทศาสนศาสตร์ยังหมายถึงการดูผ่านฌาน - คาดเดาเกี่ยวกับความหมายว่าอยู่เหนือวัด อย่างไรก็ตามในทางตรงกันข้าม เพื่อ theoria ทฤษฎีจะขึ้นอยู่กับการกระทำของการพิจารณาบริบท และ Generalizing . มันจึงขึ้นอยู่กับกระบวนการของนามธรรม นั่นคือ ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับก้าวถอย หรือสาระสังเขปจากอันไหนดู [ 1 ]

ทฤษฎีสามารถอ้างอิง ( หรืออายุความ ) [ 2 ] ความหมายสัจพจน์เกี่ยวกับสิ่งที่ควรจะเป็น มันมี " เป้าหมาย กฎเกณฑ์ และมาตรฐาน "[ 3 ] ทฤษฎีเป็นองค์ความรู้ซึ่งอาจจะหรืออาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับโมเดลที่อธิบายโดยเฉพาะ การสร้างทฤษฎีเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ [ 4 ]

แล้วในทฤษฎีของอริสโตเติลนิยามมากมักจะเปรียบเทียบกับ " ปฏิบัติ " ( จากกรีก πρᾶξις 2000 ) คำกรีกสำหรับ " ทำ " ซึ่งเป็นตรงข้ามกับทฤษฎี เพราะทฤษฎีบริสุทธิ์ เกี่ยวข้องกับ ไม่ทำอะไร นอกจากตัวเองตัวอย่างคลาสสิกของความแตกต่างระหว่าง " ทฤษฎี " และ " ปฏิบัติ " ใช้วินัยยา : ทฤษฎีการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการพยายามที่จะเข้าใจสาเหตุและลักษณะของสุขภาพและการเจ็บป่วย ในขณะที่ด้านการปฏิบัติของแพทย์พยายามให้ประชาชนมีสุขภาพดี สองสิ่งนี้เกี่ยวข้องกัน แต่สามารถเป็นอิสระเพราะมันเป็นไปได้เพื่อการวิจัยสุขภาพและความเจ็บป่วย โดยเฉพาะการบ่มของผู้ป่วย และเป็นไปได้ที่จะรักษาคนไข้ โดยไม่รู้ว่า รักษาได้ผล [ 5 ]

ในวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ คำว่า " ทฤษฎี คือ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์เป็นอย่างดียืนยันชนิดของคำอธิบายของธรรมชาติในทางที่สอดคล้องกับวิธี วิทยาศาสตร์และการปฏิบัติตามเกณฑ์ที่ต้องการ โดยวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ทฤษฎีดังกล่าวอธิบายไว้ในวิธีที่นักวิทยาศาสตร์ในสาขาที่อยู่ในตำแหน่งที่จะเข้าใจและให้การสนับสนุนเชิงประจักษ์ ( " ตรวจสอบ " ) หรือใช้ขัดแย้ง ( " ปลอม " ) ได้ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นที่เชื่อถือได้มากที่สุดอย่างเข้มงวด และครอบคลุมรูปแบบของความรู้ทางวิทยาศาสตร์[ 6 ] ในทางตรงกันข้ามทั่วไปใช้คำว่า " ทฤษฎี " ที่บ่งบอกว่าเป็นสิ่งที่พิสูจน์ หรือเก็ง ( ซึ่งดีกว่า characterized โดยคำว่า ' สมมติฐาน ' ) [ 7 ] วิทยาศาสตร์ทฤษฎี มีความโดดเด่นจากสมมติฐาน ซึ่งเป็นบุคคลจากผลทดสอบได้คาดเดา และกฎทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นบัญชีโดยวิธีธรรมชาติ จะทำภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง [ 8 ]