SWOT Analysis : อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป
Strength
• ไทยเป็นผู้ส่งออกปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ที่สุดของโลก และมีธุรกิจต่อเนื่องครบวงจร จึงมีความได้เปรียบ
ด้านขนาดเทียบกับคู่แข่ง
• แรงงานไทยมีศักยภาพและความชํานาญในการแปรรูปอาหารทะเล โดยเฉพาะขั1นตอนการลอกหนัง แยก
หัวปลา และเลาะก้างออกให้เหลือเพียงเนื้อปลา ซึ่งเป็นขั้นตอนสําคัญในการผลิตปลาทูน่ากระป๋อง
• ผู้ประกอบการไทยมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ ให้สะดวกและสอดคล้องกับความต้องการ
ของผู้บริโภคมากขึ1นเป็นลําดับ
• ประเทศไทยได้เปรียบด้านทําเลที่ตั้ง ซึ่งอยู่ระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย อันเป็น
แหล่งวัตถุดิบปลาทูน่ารวมกว่าร้อยละ 90 ของปริมาณปลาทูน่าทั่วโลก ทําให้มีความสะดวกในการรับซื้อ
วัตถุดิบ
Weakness
• ต้องพึ่งพาปลาทูน่านําเข้าถึงกว่าร้อยละ 80 ของปริมาณปลาทูน่าที่ใช้ทั้งหมด
• สุขอนามัยของแหล่งวัตถุดิบ และสถานที่ ที่เกี่ยวข้องบางแห่ง อาทิ สะพานปลา เรือประมง และโรงงาน
แปรรูปขนาดเล็ก ยังไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์
• ปลาทูน่ากระป๋องเป็นสินค้าราคาถูกในความรู้สึกของผู้บริโภค ทําให้ปรับขึ้นราคาขายได้ไม่มากนัก
• เผชิญปญหาขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากสภาพแวดล้อมในการทํางานที่ ชื้นแฉะและมีกลิ่นเหม็น
Opportunity
• กระแสความนิยมบริโภคผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ปลาทะเลจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมตามการ ขยายตัวของความต้องการของทั1งตลาดเดิม และตลาดใหม่ เช่น แอฟริกาใต้ และตะวันออกกลาง
• การเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) กับประเทศต่างๆ ส่งผลให้ประเทศคู่เจรจาปรับลดอัตราภาษีนําเข้าปลา ทูน่ากระป๋องจากไทย อาทิ ญี่ปุ่นทยอยลดอัตราภาษีนําเข้าปลาทูน่ากระป๋องจากไทยตั1งแต่วันที่1 พฤศจิกายน 2550 จากร้อยละ 9.6 เหลือร้อยละ 0 ภายในปี 2555
Threat
• ประเทศคู่ค้าของไทยให้สิทธิประโยชน์แก่ประเทศคู่แข่งมากกว่าไทย อาทิ สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนําเข้า ปลาทูน่าบรรจุถุง Pouch จากกลุ่ม ANDEAN1/ ในอัตราร้อยละ 0 โดยไม่จํากัดโควตานําเข้า ขณะที่เรียกเก็บ ภาษีนําเข้าปลาทูน่าในน้ามันและในนํ1าเกลือ/นํ1าแร่บรรจุถุง Pouch จากไทยในอัตราร้อยละ 35 และร้อยละ 12.5 ตามลําดับ
• ต้นทุนบรรจุภัณฑ์ชนิดถุงอะลูมิเนียมของไทยค่อนข้างสูง เพราะต้องพึ่งพาการนําเข้า ขณะที่ผู้บริโภคมี แนวโน้มนิยมสินค้าในบรรจุภัณฑ์แบบถุงอะลูมิเนียมมากขึ้น