P1 In 1967, the WHO embarked on wha

P1 In 1967, the WHO embarked on what was an outrageous program to eradicate smallpox. In that
year, there were 34 countries affected with smallpox. By 1970, we were down to 18 countries. 1974, we
were down to five countries. But in that year, smallpox exploded throughout India. And India was the
place where smallpox made its last stand. In 1974, India had a population of 600 million. There are 21
linguistic states in India, which is like saying 21 different countries. There are 20 million people on the
road at any time in buses and trains, walking, 500,000 villages, 120 million households, and none of them
wanted to report if they had a case of smallpox in their house because they thought that smallpox was the
visitation of a deity, Shitala Mata, the cooling mother, and it was wrong to bring strangers into your house
when the deity was in the house. No incentive to report smallpox.
P2 It wasn't just India that had smallpox deities; smallpox deities were prevalent all over the world.
So, how we eradicated smallpox was -- max vaccination wouldn't work. You could vaccinate everybody
in India, but one year later there'll be 21 million new babies, which was then the population of Canada. It
wouldn't do just to vaccinate everyone. You had to find every single case of smallpox in the world at the
same time and draw a circle of immunity around it. And that's what we did. In India alone, my 150,000
best friends and Iwent door to door with that same picture to every single house in India. We made over
one billion house calls.
patients.
P3 And in the process, I learned something very important. Every time we did a house-to-house
search, we had a spike in the number of reports of smallpox. When we didn't search, we had the illusion
that there was no disease. When we did search, we had the illusion that there was more disease. A
surveillance system was necessary because what we needed was early detection, early response. So, we
searched and we searched, and we found every case of smallpox in India. We had a reward. We raised the
reward. We continued to increase the reward. We had a scorecard that we wrote on every house. And as
we did that, the number of reported cases in the world dropped to zero, and in 1980 we declared the globe
free of smallpox.
P5 It was the largest campaign in United Nations history until the Iraq war. 150,000 people from all
over the world, doctors of every race, religion, culture and nation, who fought side by side, brothers and
sisters, with each other, not against each other, in a common cause to make the world better. But smallpox
was the fourth disease that was intended for eradication. We failed three other times. We failed against
malaria, yellow fever and yaws. But soon we may see polio eradicated. But the key to eradicating polio is
early detection, early response. This may be the year we eradicate polio -- that will make it the second
disease in history.


P1 Bird flu. I stand here as a representative of all terrible things -- this might be the worst. The key to
preventing or mitigating pandemic bird flu is early detection and rapid response. We will not have a
vaccine or adequate supplies of an antiviral to combat bird flu if it occurs in the next three years. WHO
stages the progress of a pandemic. We are now at stage three on the pandemic alert stage, with just a little
bit of human-to-human transmission, but no human-to-human sustained transmission.
P2 The moment WHO says we've moved to category four, this will not be like Katrina. The world as
we know it will stop. There'll be no airplanes flying. Would you get in an airplane with 250 people you
didn't know, coughing and sneezing, when you knew that some of them might carry a disease that could
kill you, for which you had no antivirals or vaccine? I did a study of the top epidemiologists in the world
in October. I asked them -- these are all fluologists and specialists in influenza -- and I asked them the
questions you'd like to ask them. What do you think the likelihood is that there'll be a pandemic? If it
happens, how bad do you think it will be? 15 percent said they thought there'd be a pandemic within three
years. But much worse than that, 90 percent said they thought there'd be a pandemic within your children
or your grandchildren's lifetime. And they thought that if there was a pandemic, a billion people would get
sick. As many as 165 million people would die.
P3 Let me show you a simulation of what a pandemic looks like so we know what we're talking
about. Let's assume, for example, that the first case occurs in South Asia. It initially goes quite slowly.
You get two or three discrete locations. Then there'll be secondary outbreaks, and the disease will spread
from country to country so fast that you won't know what hit you. Within three weeks it will be
everywhere in the world. Now, if we had an "undo" button, and we could go back and isolate it and grab it
when it first started. If we could find it early, and we had early detection and early response, and we could
put each one of those viruses in jail -- that's the only way to deal with something like a pandemic.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

P1 ใน 1967 ผู้เริ่มต้นในสิ่งโปรแกรมอุกอาจเพื่อขจัดไข้ทรพิษ ในที่ปี มี 34 ประเทศที่ได้รับผลกระทบ ด้วยไข้ทรพิษ ปี 1970 ได้ไปยัง 18 ประเทศ 1974 เราได้ลงไปห้าประเทศ แต่ในปี ไข้ทรพิษกระจายทั่วอินเดีย และอินเดียสถานที่ที่ไข้ทรพิษทำยืนสุดท้าย 1974 อินเดียมีประชากรประมาณ 600 ล้าน มี 21อเมริกาภาษาศาสตร์ในอินเดีย ซึ่งจะเหมือนกับว่า ต่างประเทศ 21 มีอยู่ 20 ล้านคนถนนตลอดเวลาในรถบัสและรถไฟ เดิน หมู่บ้าน 500000, 120 ล้านครัวเรือน ไม่มีพวกเขาอยากรายงานถ้า มีกรณีของไข้ทรพิษในบ้านของพวกเขา เพราะพวกเขาคิดว่า เป็นไข้ทรพิษการเสด็จเยี่ยมของพระเจ้า Shitala ภะรัตมะตะ แม่เย็น และผิดนำคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านของคุณเมื่อพระที่อยู่ในบ้าน ไม่จูงใจให้รายงานไข้ทรพิษP 2 มันไม่ได้เพียงอินเดียมีไข้ทรพิษเทวดา ไข้ทรพิษเทวดาได้แพร่หลายทั่วโลกดังนั้น วิธีกำจัดให้หมดเรา มีไข้ทรพิษ - วัคซีนสูงสุดจะไม่ทำงาน คุณสามารถปลูกฝีทุกคนในอินเดีย แต่หนึ่งปีต่อมา จะมีเด็กใหม่ 21 ล้าน ซึ่งเป็นประชากรของประเทศแคนาดาแล้ว มันจะไม่ทำเพียงการปลูกฝีทุกคน ก็ต้องค้นหาทุกตัวเดียวของไข้ทรพิษที่เหมือนเวลา และวาดวงกลมของภูมิคุ้มกันรอบ ๆ และนั่นคือสิ่งที่เราได้ อินเดียคนเดียว 150, 000 ของฉันดีเพื่อนและ Iwent ถึงมือกับรูปภาพที่เหมือนกันทุกบ้านเดียวในอินเดีย เราทำมากกว่าโทรศัพท์บ้านของพันผู้ป่วยP3 และในกระบวนการ ฉันรู้สิ่งที่สำคัญมาก ทุกครั้งที่เราได้ house-to-houseค้นหา เรามีการเก็บชั่วคราวในจำนวนรายงานของไข้ทรพิษ เมื่อเราไม่ค้นหา เรามีภาพลวงตาที่มีโรคไม่ เมื่อเราได้ค้นหา เรามีภาพลวงตาว่า มีโรคมากขึ้น Aระบบเฝ้าระวังไม่จำเป็นเพราะสิ่งที่เราจำเป็นต้อง ตรวจหา ตอบก่อน ดังนั้น เราค้นหา และเราค้นหา และเราพบทุกกรณีของไข้ทรพิษในอินเดีย เรามีรางวัล เรายกรางวัล เรายังคงเพิ่มรางวัล เรามีดัชนีชี้วัดที่เราเขียนในบ้านทุกหลัง และเป็นเราไม่ได้ว่า รายงานกรณีและในโลกลดลงเป็นศูนย์ และในปี 1980 เราประกาศทั่วโลกฟรีของไข้ทรพิษP5 ได้แคมเปญที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติจนถึงสงครามอิรัก บริการ 150000 คนจากทั้งหมดเหนือโลก แพทย์ทุกเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม และชาติ ที่สู้เคียงข้าง พี่น้อง และน้องสาว กัน ไม่ต่อกัน ในสาเหตุที่ทำให้โลกนี้ดีขึ้น แต่ไข้ทรพิษโรคที่สี่ที่มีไว้สำหรับปราบได้ เราไม่สามารถรั้งอื่น ๆ เราล้มเหลวกับมาลาเรีย ไข้เหลือง และโรคคุดทะราด แต่เร็ว ๆ นี้ เราอาจเห็นวัคซีนกำจัดให้หมด แต่สำคัญการ eradicating โรคโปลิโอคือเนิ่น ๆ การตอบสนองก่อน อาจเราขจัดโรคโปลิโอ - ที่จะทำให้ปีที่สองโรคในประวัติศาสตร์ไข้หวัดนก P1 ฉันยืนอยู่ที่นี่เป็นตัวแทนของสิ่งชั่วร้ายทั้งหมด — นี้อาจเป็นร้ายได้ กุญแจสำคัญที่จะป้องกัน หรือบรรเทาไข้หวัดนกระบาดเป็นต้นการตรวจสอบและการตอบสนองอย่างรวดเร็ว เราจะไม่มีการวัคซีนหรืออุปกรณ์อย่างเพียงพอของการยาต้านไวรัสในการต่อสู้กับไข้หวัดนกถ้ามันเกิดขึ้นในสามปีถัดไป ผู้ขั้นความคืบหน้าของการระบาด เรามีตอนนี้ในขั้นตอนที่ 3 บนเวทีเตือนระบาด เพียงเล็กน้อยบิตของส่งมนุษย์มนุษย์ แต่ไม่ส่ง sustained มนุษย์เพื่อมนุษย์P 2 ขณะที่กล่าวว่า เราได้ไป 4 ประเภทนี้จะไม่ได้เช่นแคทรีนา โลกเป็นเรารู้ว่า มันจะหยุด จะมีเครื่องบินไม่บิน จะหาในเครื่องบินกับคน 250 คุณไม่ ทราบ ไอ และจาม เมื่อคุณรู้ว่า บางส่วนของพวกเขาอาจมีโรคที่สามารถฆ่าคุณ ที่คุณมีไม่ antivirals หรือวัคซีน ค่ะการศึกษาของ epidemiologists ที่สุดในโลกในเดือนตุลาคมนี้ ถามพวกเขา - fluologists ทั้งหมดและผู้เชี่ยวชาญในไข้หวัดใหญ่ - และถามพวกเขาคำถามที่คุณอยากขอให้ อะไรคุณคิดว่า เป็นโอกาสที่จะมีการระบาดหรือไม่ ถ้ามันเกิดขึ้น วิธีไม่ดีคุณคิดว่า มันจะเป็นอย่างไร 15 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่า พวกเขาคิดว่า จะมีการระบาดภายในสามปี แต่มากเลวร้ายยิ่งกว่านั้น 90 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่า พวกเขาคิดว่า จะมีการระบาดภายในของเด็กหรืออายุการใช้งานของบุตรหลานของคุณ และพวกเขาคิดว่า ถ้ามีการระบาด พันล้านคนจะได้รับป่วยการ จำนวน 165 ล้านคนจะตายP3 ให้ฉันแสดงการจำลองการระบาดมีลักษณะเพื่อให้เรารู้ว่าสิ่งที่เรากำลังพูดเกี่ยวกับการ สมมติ ตัวอย่าง กรณีแรกเกิดขึ้นในเอเชียใต้ มันเริ่มไปค่อนข้างช้าคุณได้รับตำแหน่งแยกกันสอง หรือสาม แล้วจะมีระบาดรอง และโรคจะแพร่กระจายจากประเทศสู่ประเทศอย่างรวดเร็วว่า คุณจะไม่ทราบว่าตีคุณ ภายในสามสัปดาห์ จะทุกที่ในโลก ตอนนี้ ถ้าเรามีปุ่ม "ยกเลิก" ตัว และเราสามารถย้อนกลับไปแยก และคว้ามันเมื่อแรกเริ่มต้นขึ้น ถ้าเราพบมันก่อน และเรามีก่อน ตรวจ และตอบรับก่อน และเราสามารถใส่แต่ละหนึ่งของไวรัสในคุก - ที่เป็นวิธีเดียวที่จะจัดการกับสิ่งที่ต้องการระบาด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

P1 ใน 1967 , ผู้ที่เริ่มต้นในสิ่งที่ถูกโปรแกรมอุกอาจที่จะกำจัดฝีดาษ ในที่ปี
มี 34 ประเทศได้รับผลกระทบด้วยไข้ทรพิษ โดยปี 1970 เราลงมาถึง 18 ประเทศ 1974 เรา
ลงในห้าประเทศ แต่ในปีนั้น ไข้ทรพิษ ระเบิดทั่วอินเดีย และอินเดียเป็นสถานที่ที่ไข้ทรพิษได้
ยืนสุดท้าย ในปี 1974 , อินเดีย มีประชากร 600 ล้านคนมี 21
อเมริกาภาษาศาสตร์ในอินเดีย ซึ่งเหมือนกับว่า 21 ประเทศที่แตกต่างกัน มี 20 ล้านคน บนถนน
ตลอดเวลาในรถโดยสารและรถไฟเดิน 500000 หมู่บ้าน , 120 ล้านครัวเรือน และไม่มีของพวกเขา
ต้องการที่จะรายงานว่าพวกเขามีกรณีของโรคฝีดาษในบ้านของพวกเขาเพราะพวกเขาคิดว่าฝีดาษคือ
เยี่ยมของเทพ shitala Mata , เย็น , แม่มันผิดที่พาคนแปลกหน้าเข้าบ้าน
เมื่อพระเจ้าอยู่ในบ้าน แรงจูงใจที่จะรายงานเงินสดย่อย .
P2 ไม่ใช่อินเดียที่มีโรคฝีดาษไข้ทรพิษเทพเทวดา ; มีแพร่หลายทั่วโลก .
แล้วเรากำจัดฝีดาษ . . แม็กซ์วัคซีนไม่ได้ผล คุณสามารถฉีดวัคซีนทุกคน
ในอินเดีย แต่หนึ่งปีต่อมาจะมี 21 ล้านทารกใหม่ซึ่งเป็นประชากรของประเทศแคนาดา มันไม่ทำเพียง
ฉีดวัคซีนทุกคน คุณจะพบทุกกรณีไข้ทรพิษในโลกที่
เวลาเดียวกันและวาดรูปวงกลม เข้ากรอบ และนั่นคือสิ่งที่เราทำ ในอินเดียคนเดียว 150 , 000
ของฉันเพื่อนที่ดีที่สุด และ iwent ประตูกับภาพเดียวกันทุกบ้านเดียวในอินเดีย เราทำมากกว่าหนึ่งพันล้าน
โทรบ้าน

ค่ะ