Success stories in Indian conservat

Success stories in Indian conservation also carry opportunity costs in the form of human–wildlife conflicts,
especially to people living in close proximity with wildlife. In India, human–wildlife conflict is a
serious challenge to wildlife conservation, which needs a much-improved scientific and social understanding.
In this study, I assess the patterns and correlates of human–elephant conflicts around
Nagarahole National Park, southern India. I hypothesised that human and livestock demographic variables,
and factors such as cropping patterns, availability of irrigated land around the national park, and
protected area frontage to be the underlying correlates of conflict. Using applications and documents filed
with the wildlife department by affected farmers during the period 2006–2009, I analysed crops affected,
compensation payments made by the Government, spatio-temporal patterns of conflict and identified the
key correlates of human–elephant conflict. 98.8% of the conflict incidences occurred in villages that lie
within 6 km from the national park boundary. Of the 26 crop types affected by elephants, finger millet,
maize, cotton, paddy and sugarcane formed 86.34% of the total crop losses. Conflict frequencies were
highest during August–November, a period when there was a decrease in rainfall and important crops
such as finger millet, maize and paddy were ripening. Multiple linear regression results suggest that
villages with higher protected area frontage and unirrigated land were key variables underlying conflict
frequency. However, results from this study suggests that there are other probable factors such as
elephant behaviour, movement patterns and/or maintenance of physical barriers which could be more
important determinants of conflict.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เรื่องราวความสำเร็จในการอนุรักษ์ที่อินเดียยังมีโอกาสที่ต้นทุนในรูปแบบของความขัดแย้งของมนุษย์สัตว์ป่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่อยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ป่า ในอินเดีย ความขัดแย้งของมนุษย์ – สัตว์ป่าเป็นการความท้าทายที่รุนแรงการอนุรักษ์สัตว์ป่า ที่ต้องการปรับปรุงมากทางวิทยาศาสตร์ และสังคมเข้าใจในการศึกษานี้ ฉันประเมินรูปแบบและสัมพันธ์กับความขัดแย้งของมนุษย์ – ช้างรอบของอุทยานแห่งชาติ Nagarahole อินเดียภาคใต้ ผม hypothesised ว่ามนุษย์และปศุสัตว์ประชากรตัวแปรและปัจจัยต่าง ๆ เช่นการครอบตัดรูปแบบ ความพร้อมของที่ดินยามรอบอุทยานแห่งชาติ และตั้งมากมายเป็น ต้นแบบคู่ความขัดแย้ง ใช้โปรแกรมประยุกต์และเอกสารที่ยื่นด้วยกรมสัตว์ป่าโดยเกษตรกรได้รับผลกระทบช่วงปี 2006-2009 ฉัน analysed พืชผลชำระเงินค่าตอบแทนโดยรัฐบาล ขมับ spatio รูปแบบของความขัดแย้ง และระบุการคีย์คู่ความขัดแย้งของมนุษย์ – ช้าง 98.8% ของ incidences ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านที่อยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ 6 กม. ชนิดพืช 26 ที่ได้รับผลกระทบ โดยช้าง ฟ่างนิ้วข้าวโพด ฝ้าย ข้าว และอ้อยเกิด 86.34% ของการสูญเสียพืชผลรวม ความถี่ความขัดแย้งได้สูงสุดระหว่างเดือนสิงหาคม – พฤศจิกายน ระยะเวลาเมื่อมีการลดปริมาณน้ำฝนและพืชที่สำคัญเช่นมีการ ripening ฟ่างนิ้ว ข้าวโพด และข้าว ผลการถดถอยเชิงเส้นหลายแนะนำที่หมู่บ้านสูงขึ้นตั้งมากมายและที่ดินชลประทานถูกคีย์ตัวแปรต้นความขัดแย้งความถี่ อย่างไรก็ตาม ผลจากการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า มีปัจจัยอื่น ๆ น่าเป็นเช่นพฤติกรรมช้าง รูปแบบการเคลื่อนไหว และ/หรือบำรุงรักษาของอุปสรรคทางกายภาพซึ่งอาจเพิ่มเติมดีเทอร์มิแนนต์ที่สำคัญของความขัดแย้ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เรื่องราวความสำเร็จในการอนุรักษ์อินเดียยังดำเนินการค่าใช้จ่ายโอกาสในรูปแบบของความขัดแย้งของมนุษย์สัตว์ป่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับสัตว์ป่า
ในประเทศอินเดียความขัดแย้งของมนุษย์สัตว์ป่าที่เป็นความท้าทายอย่างร้ายแรงต่อการอนุรักษ์สัตว์ป่าที่ต้องการความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์และสังคมที่ดีขึ้นมาก.
ในการศึกษาครั้งนี้ผมประเมินรูปแบบและความสัมพันธ์ของความขัดแย้งคนกับช้างรอบ
Nagarahole อุทยานแห่งชาติภาคใต้ของอินเดีย ฉันสมมุติฐานว่ามนุษย์และปศุสัตว์ตัวแปรทางด้านประชากรศาสตร์และปัจจัยต่าง ๆ เช่นรูปแบบการปลูกพืช, ความพร้อมของที่ดินในเขตชลประทานรอบอุทยานแห่งชาติและอาคารพื้นที่คุ้มครองจะเป็นความสัมพันธ์พื้นฐานของความขัดแย้ง การใช้งานและเอกสารที่ยื่นกับกรมสัตว์ป่าโดยเกษตรกรได้รับผลกระทบในช่วงระยะเวลา 2006-2009 ที่ผมวิเคราะห์พืชที่ได้รับผลกระทบการชำระเงินค่าชดเชยที่ทำโดยรัฐบาลรูปแบบspatio กาลของความขัดแย้งและระบุความสัมพันธ์ที่สำคัญของความขัดแย้งของมนุษย์ช้าง 98.8% ของอุบัติการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านที่อยู่ภายใน 6 กิโลเมตรจากเขตแดนอุทยานแห่งชาติ 26 ชนิดพืชที่ได้รับผลกระทบจากช้าง, ข้าวฟ่างนิ้ว, ข้าวโพด, ผ้าฝ้าย, ข้าวและอ้อยที่เกิดขึ้น 86.34% ของการสูญเสียพืชรวม ความขัดแย้งเป็นความถี่ที่สูงที่สุดในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนพฤศจิกายนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการลดลงของปริมาณน้ำฝนและพืชที่สำคัญเช่นข้าวฟ่างนิ้วข้าวโพดและข้าวถูกสุก หลายผลการถดถอยเชิงเส้นชี้ให้เห็นว่าหมู่บ้านที่มีอาคารพื้นที่คุ้มครองที่สูงขึ้นและที่ดิน unirrigated เป็นตัวแปรที่สำคัญที่อยู่ภายใต้ความขัดแย้งความถี่ อย่างไรก็ตามผลจากการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่ามีปัจจัยที่น่าจะเป็นอื่น ๆ เช่นพฤติกรรมช้างรูปแบบการเคลื่อนไหวและ/ หรือการบำรุงรักษาของอุปสรรคทางกายภาพซึ่งอาจจะมีมากขึ้นปัจจัยสำคัญของความขัดแย้ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เรื่องราวความสำเร็จในการอนุรักษ์อินเดียยังมีค่าเสียโอกาสในรูปแบบของความขัดแย้งของมนุษย์และสัตว์ป่า โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ใน
, ใกล้ชิดกับสัตว์ป่า ความขัดแย้งในอินเดียสัตว์ป่ามนุษย์และเป็น
ท้าทายเพื่อการอนุรักษ์สัตว์ป่า ซึ่งต้องปรับปรุงมากทางวิทยาศาสตร์และสังคมเข้าใจ
ในการศึกษานี้ผมศึกษารูปแบบและความสัมพันธ์ของมนุษย์ความขัดแย้ง–ช้างรอบ
nagarahole อุทยานแห่งชาติ ภาคใต้ของอินเดีย ผมวิชาที่ปศุสัตว์ของมนุษย์และประชากร
และปัจจัยเช่นรูปแบบการปลูกพืช , ความพร้อมของชลประทานพื้นที่รอบๆ อุทยานแห่งชาติและพื้นที่คุ้มครองด้านหน้า
เป็นต้นแบบที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง การใช้โปรแกรมและเอกสารยื่น
กับกรมสัตว์ป่า โดยเกษตรกรได้รับผลกระทบในช่วง พ.ศ. 2549 – 2552 ผมวิเคราะห์พืชผลกระทบ
การจ่ายเงินชดเชยของราชการ , รูปแบบเชิงพื้นที่และเวลาของความขัดแย้งและระบุคีย์ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งช้าง
) มนุษย์ 98.8 % ของ incidences ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านโกหก
ภายใน 6 กิโลเมตร จาก เขตอุทยานแห่งชาติของ 26 ประเภทของพืชที่ได้รับผลกระทบจากช้างนิ้ว , ข้าวฟ่าง ,
ข้าวโพดฝ้าย , นาข้าวและอ้อย ขึ้น 86.34 % ของการสูญเสียพืชทั้งหมด ความถี่สูงสุดในช่วงเดือนสิงหาคม–ความขัดแย้งถูก
พฤศจิกายนระยะเวลาเมื่อมีการลดลงในฝนและพืชสำคัญ
เช่นนิ้วข้าวฟ่าง ข้าวโพด และข้าวกำลังสุก สมการถดถอยพหุคูณพบว่า
หมู่บ้านที่สูงป้องกันพื้นที่อาคาร unirrigated ที่ดินคีย์ตัวแปรความถี่พื้นฐานความขัดแย้ง

อย่างไรก็ตาม ผลจากการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่ามีปัจจัยอื่น ๆเช่น
น่าจะเป็นพฤติกรรมช้าง , รูปแบบการเคลื่อนไหวและ / หรือการรักษาทางกายภาพอุปสรรคซึ่งอาจจะมากกว่า
ที่สำคัญปัจจัยของความขัดแย้ง