ประวัติความเป็นมา
เชื่อกันว่ากลองยาวได้แบบอย่างมาจากพม่าในสมัยกรุงธนบุรีหรือต้นกรุงรัตนโกสินทร์รัตนโกสินทร์สมัยที่ไทยกับพม่ากำลังทำสงครามกัน เวลาพักรบ พวกทหารพม่าก็เล่น "กลองยาว" กันสนุกสนาน พวกชาวไทยได้เห็นก็จำแบบอย่างมาเล่นบ้าง แต่บางท่านก็เล่าว่า กลองยาวของพม่าแบบนี้ มีชาวพม่าพวกหนึ่งนำเข้ามาเล่นในงานที่มีกระบวนแห่ เช่นบวชนาคทอดกฐิน เป็นต้น และนิยมเล่นกันเป็นที่รื่นเริง สนุกสนานในเทศกาลสงกรานต์และเล่นกันแพร่หลายไปแทบทุกหัวบ้านหัวเมือง วงหนึ่งๆ จะใช้กลองยาวหลายลูกก็ได้ เครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงร่วม มีฉิ่ง,ฉาบเล็ก,กรับ,โหม่งเรียกการเล่นชนิดนี้ว่า "เถิดเทิง" หรือ "เทิงกลองยาว" ที่เรียกเช่นนี้เข้าใจว่า เรียกตามเสียงกลองที่ตีและตามรูปลักษณะกลองยาว
ในส่วนของตำบลหนองบัว มีการถ่ายทอดการแสดงกลองยาวโดยนายสุชาติ ชัยเจริญ เป็นผู้ก่อตั้งคณะกลองยาวมากว่า 40 ปี ปัจจุบันคณะกลองยาวของท่านยังทำการแสดงในงานรื่นเริงต่างๆ และมีการสืบทอดให้กับรุ่นลูกและหลานอีกด้วย
ประเภท
กลองยาวเป็นกลองหน้าเดียว รูปร่างทรงยาว ด้านล่างกลึงเป็นรูปคล้ายปากแตร ส่วนบนป่องเล็กน้อยปิดด้วยหนังวัว ขึงด้วยเชือกให้ตึง กลองยาวมีหลายขนาดขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผู้เล่น ตกแต่งด้วยผ้าสีสวยงาม มีสายสะพายคล้องบ่าเพื่อสะดวกในการเดินตีผู้เล่นกลองยาวจะใช้มือตีทั้งสองมือ บางครั้งตีแบบโลดโผนเพื่อความสนุกสนาน ใช้กำปั้น ศอก เข่า ศีรษะ หรือต่อตัวในการตีกลอง ซึ่งต้องใช้ทักษะและความชำนาญในการตี
ความเชื่อ
ในการละเล่นกลองยาวนั้น ถ้าจะให้มีความสนุกสนานมากขึ้น ผู้แสดงต้องร้องทำนองกลองยาวสอดแทรกเข้าไปตามจังหวะต่างๆ เนื้อร้องของกลองยาวจะมีจุดเด่นในเชิงหยอกเย้าเกี้ยวพาราสีระหว่างหญิงกับชาย เนื้อร้องบทร้องจะชวนให้คิดเป็นสองแง่สองง่าม เนื้อร้องทำนองกลองยาวนี้มีหลายบทด้วยกันแล้วแต่ว่าผู้ใดจะคิดแต่งให้เป็นแบบธรรมดาหรือพิสดารอย่างไรก็ได้เพราะฉะนั้นการเล่นเล่นย่อมเป็นส่วนของวัฒนธรรมที่แสดงออกมา จะเป็นวัฒนธรรมอยู่ในระดับใดก็แล้วแต่สถานที่และโอกาสเหมาะกับถิ่นหนึ่งแต่ไม่เหมาะกับอีกถิ่นหนึ่งก็ได้ ถ้าปรับให้มีลักษณะเหมือนกันตลอดทุกถิ่น ก็ไม่เป็นความเจริญในทางวัฒนธรรม ความเจริญของวัฒนธรรมอยู่ที่แปลกๆ ต่างๆ กัน แต่ว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในส่วนรวม และรู้จักดัดแปลงแก้ไขให้เหมาหะกับความเป็นอยู่ของแต่ละท้องถิ่นตามกาลสมัย แต่ไม่ทำลายลักษณะอันเป็นเอกเทศของแต่ละถิ่นให้สูญไป เปรียบเหมือนเป็นคนไทยด้วยกัน
ปัจจุบันวงกลองยาวของชาวตำบลหนองบัว ยังคงทำหน้าที่สืบทอดภูมิปัญญาของชุมชนและเผยแพร่ไปยังชุมชนต่างๆ อันส่งผลให้วัฒนธรรมทางดนตรีของชุมชนแห่งนี้ได้รับการอนุรักษ์อยู่คู่กับชุมชนต่อ