พิธีมิสซา (บูชาขอบพระคุณ)  พิธีมิสซาฯ คือ พิธีบูชาขอบพระคุณ ในความเป็น การแปล - พิธีมิสซา (บูชาขอบพระคุณ)  พิธีมิสซาฯ คือ พิธีบูชาขอบพระคุณ ในความเป็น ไทย วิธีการพูด

พิธีมิสซา (บูชาขอบพระคุณ) พิธีมิสซ

พิธีมิสซา (บูชาขอบพระคุณ)
พิธีมิสซาฯ คือ พิธีบูชาขอบพระคุณ ในความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชน โดยมีองค์พระเยซูเจ้าเอง เป็นเครื่องบูชาเพื่อไถ่บาปแทนเรามนุษย์ อาศัยพระกายและพระโลหิตที่ยอมสละและพลีชีวิตเพื่อเรา ดังนั้น พิธีมิสซาฯ จึงควรเป็นพิธีของส่วนรวมในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่คริสตชนจะขอบพระคุณพระเจ้าที่ได้ทรงประทานพระบุตรของพระองค์ลงมาไถ่บาป แทนเรามนุษย์ทุกคน
ใน ความเป็นจริง คำว่า "มิสซา" หมายถึง "การถูกส่งไป" เพื่อประกาศข่าวดีและเป็นแบบอย่าง รวมทั้งมอบตนเองและชีวิตให้มีคุณค่าต่อคนอื่น ๆ เช่นเดียวกันกับที่เราได้รับจากพระเจ้า
ความหมายที่แท้จริงของคำว่ามิสซา จึงไม่ถูกต้องตรงกับที่เป็นอยู่ในเวลานี้ เราจึงควรเรียกพิธีกรรมในปัจจุบันว่า "พิธีบูชาขอบพระคุณ (Eucharistic Celebration) โดย เน้นที่ความหมายของพิธีกรรมว่า เป็นการขอบพระคุณอย่างแท้จริง คือ พระเยซูเจ้าเป็นทั้งผู้ถวายและเป็นเครื่องบูชาเอง โดยผ่านทางพิธีการหักปังบนพระแท่นเพื่อขอบพระคุณพระบิดา สำหรับการส่งพระบุตรให้มาไถ่กู้มนุษยชาติ จะเห็นได้ว่าคำว่ามิสซา จึงไม่ตรงกับคำศัพท์ และความหมายทางพิธีกรรม เพียงแต่มีความเข้าใจ และถือกันมาจากธรรมเนียมประเพณีเดิมมากกว่า
ในพิธีมิสซาฯ คริสตชนเชื่อว่า องค์พระเยซูเจ้าประทับอยู่อย่างแท้จริงใน 3 วิธีการ คือ
1. จากพระวาจาของพระองค์ในบทอ่านจากพระคัมภีร์
2. ระหว่างการเสกปัง และเหล้าองุ่น
เป็น ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการที่พระเยซูเจ้าจะสถิตอยู่ในพิธีมิสซาฯ เพราะเป็นการรื้อฟื้นการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูเจ้า
3. การรับศีลมหาสนิท ซึ่งเป็น "ปังทรงชีวิต"
เมื่อ พิธีมิสซาฯ สิ้นสุดแล้ว พระเยซูเจ้ายังคงประทับอยู่ในศีลมหาสนิท ธรรมเนียมการเก็บรักษาศีลมหาสนิทไว้หลังมิสซาจึงเกิดขึ้น เพราะความต้องการที่จะใช้เป็นศีลเสบียงสำหรับคนเจ็บป่วย และแจกศีลแก่ผู้ที่ไม่สามารถมาร่วมพิธีมิสซาฯ ได้ จึงเกิดธรรมเนียม "การเฝ้าศีล" เกิด ขึ้นในภายหลังด้วย จะเห็นได้ว่ามิสซาเกี่ยวข้องโดยตรงกับชีวิตคริสตชน ไม่ใช่เฉพาะเพียงแต่พิธีกรรมภายนอกเท่านั้น หรือการบริจาคทาน คริสตชนทุกคนควรมีส่วนร่วมในพิธีกรรมต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นทุกขั้นตอน

พิธีกรรม (Liturgical Year) และ พิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ (Eucharistic Celebration)
1. เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า (Advent)

เริ่มต้นวันอาทิตย์ สี่สัปดาห์ก่อนคริสต์มาสจนถึงวันที่ 24 ธันวาคม เป็นการเตรียมตัวเพื่อช่วงเวลาของพระคริสตสมภพ ที่กำลังจะมาถึง ช่วงเวลาแห่งการเตรียมนี้ เรียกว่า "เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ" เรารอคอยด้วยความหวัง ถึงการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า พร้อมกับพระนางมารีอา
2. เทศกาลพระคริสตสมภพ (Christmastide)

เริ่มต้นจากวันคริสต์มาส ถึงวันฉลองการรับพิธีล้างของพระเยซูเจ้าใน ระหว่างสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคม และสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม คริสตชนยังคงอยู่ในเทศกาลพระคริสตสมภพในช่วงเวลาแห่งความชื่นชมยินดีเหล่า นี้ เราจะต้อนรับการเสด็จมาของพระผู้ไถ่การประกาศถึงการแสดงองค์ของพระคริสตเจ้า (God'sepiphany) พระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้ามายังแผ่นดินช่วง เวลาแห่งการเตรียมตัว และการเฉลิมฉลอง นำเราให้ผ่านพ้นปีเก่าและเข้าสู่ปีใหม่ สำหรับคริสตชนแล้ว ปีของเรามิใช่เพียงการหมุนเวียนไปของวันเวลาเท่านั้น แต่การเวียนไปจนครบรอบปีของคริสตชน คือการนำออกนอกเวลาไปสู่ความรุ่งเรืองแห่งนิรันดร์กาลในพระเจ้า
3. เทศกาลมหาพรต (The Lent)

เริ่มจากวันพุธรับเถ้า (Ash Wednesday) มหาพรต คือช่วงเวลา 40 วัน แห่งการเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่ปัสกา เลข 40 เตือนให้เราระลึกถึงฝนที่ตกตลอด 40 วัน 40 คืน ในสมัยโนอาห์ เพื่อชำระล้างความชั่วร้ายของแผ่นดินให้สะอาดหมดจด
40 ปี แห่งการเดินทางของชาวฮีบรูในทะเลทราย เพื่อจะเข้าสู่ดินแดนแห่งพระสัญญา
40 วัน ที่พระเยซูเจ้าทรงอดอาหาร และถูกประจญในถิ่นทุรกันดาร
มหาพรต คือช่วงเวลาแห่งการภาวนาที่เข้มข้น การอดอาหาร การพลีกรรม และประกอบกิจศรัทธา ห้วงเวลาแห่งการให้ความสดชื่นแก่โลกของเรา เพื่อไปสู่บ้านของพระเจ้า สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ (Paschal Triduum) เรา คริสตชน จะรักษาวันพระเจ้านี้ได้อย่างเหนียวแน่น เราอดอาหารในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ และชิดสนิทกับพระด้วยการตื่นเฝ้าในวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์เพราะเราตื่นเฝ้า และรอคอยให้การเสด็จกลับคืนพระชนมชีพในวันอาทิตย์ปัสกาที่กำลังมาถึงเรา ด้วยความกระหาย และโหยหาพระองค์
การร่วมชิดสนิท และการอวยพร วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ และวันอาทิตย์ปัสกานี้ รวมเรียกว่า "Paschal Triduum" หมายถึงสามวันแห่งการผ่านพ้น Triduum คือ หัวใจของปีพิธีกรรม ส่วนวันแห่งความตาย การถูกขัง และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า ตลอดช่วงวันอันศักดิ์สิทธิ์นี้ เราจะฉลองการเสด็จผ่านความตายของพระเยซูเจ้า (และของเรา) ด้วยการโปรดศีลล้างบาป พิธียืนยันการเป็นคริสตชน และการรับศีลมหาสนิทในช่วงปัสกานี้ (แก่คริสตชนใหม่)
4. เทศกาลปัสกา (Eastertime)

เริ่มจากวันอาทิตย์ปัสกา จนถึงวันอาทิตย์สมโภชพระจิตเจ้า เทศกาลปัสกา คือช่วงเวลา 50 วันแห่งการเฉลิมฉลอง ซึ่งอยู่ถัด Triduum นับได้ว่าเป็นเทศกาลที่เก่าแก่ และงดงามที่สุดของพระศาสนจักร วันแห่งความชื่นชมยินดีของโลก ซึ่งตื่นจากการหลับใหล
50 วัน (เปนเตก๊อสเต) คือ สัปดาห์ที่ทวีคูณ 7 x 7 = 49 บวกอีก 1 วันอาทิตย์ปัสกา ดังนั้นเทศกาลปัสกาจึงมีวันอาทิตย์ 8 ครั้ง (8 วัน) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ถึงความลึกลับของนิรันดรภาพ
แต่ละสัปดาห์ เรามีวันพระเจ้า และแต่ละปี เรามีเทศกาลปัสกา 50 วันแห่งการเปล่งเสียง "อัลเลลูยา" สรรเสริญพระเจ้า 50 วัน แห่งการใช้ชีวิตตามบทบัญญัติแห่งความยุติธรรม และสันติสุข ซึ่งเต็มเปี่ยมในตัวเรา เมื่อรวมทั้ง 3 ช่วงเข้าด้วยกัน คือ มหาพรต สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ และปัสกา จึงกลายเป็นการผลิบานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระศาสนจักร
5. เทศกาลธรรมดา (Ordinary Time)
เป็น เทศกาลที่แทรกอยู่ระหว่าง เทศกาลพระคริสตสมภพ กับมหาพรต และระหว่างเทศกาลปัสกา กับเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เป็นเวลาประมาณ 34 สัปดาห์ นอกเหนือไปจากเทศกาลสำคัญของพระศาสนจักรแล้ว สัปดาห์เหล่านี้เรียกว่า เทศกาลธรรมดา ดังนั้นในแต่ละสัปดาห์ จึงมีการนับเป็นตัวเลข เพื่อช่วยให้เราแบ่งการอ่าน บทอ่าน บ
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
พิธีมิสซา (บูชาขอบพระคุณ) พิธีมิสซาฯ คือพิธีบูชาขอบพระคุณในความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชนโดยมีองค์พระเยซูเจ้าเองเป็นเครื่องบูชาเพื่อไถ่บาปแทนเรามนุษย์อาศัยพระกายและพระโลหิตที่ยอมสละและพลีชีวิตเพื่อเราดังนั้นพิธีมิสซาฯ จึงควรเป็นพิธีของส่วนรวมในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่คริสตชนจะขอบพระคุณพระเจ้าที่ได้ทรงประทานพระบุตรของพระองค์ลงมาไถ่บาปแทนเรามนุษย์ทุกคน ในความเป็นจริงคำว่า "มิสซา" หมายถึง "การถูกส่งไป" เพื่อประกาศข่าวดีและเป็นแบบอย่างรวมทั้งมอบตนเองและชีวิตให้มีคุณค่าต่อคนอื่นๆ เช่นเดียวกันกับที่เราได้รับจากพระเจ้า ความหมายที่แท้จริงของคำว่ามิสซาจึงไม่ถูกต้องตรงกับที่เป็นอยู่ในเวลานี้เราจึงควรเรียกพิธีกรรมในปัจจุบันว่า "พิธีบูชาขอบพระคุณ (Eucharistic ฉลอง) โดยเน้นที่ความหมายของพิธีกรรมว่าเป็นการขอบพระคุณอย่างแท้จริงคือพระเยซูเจ้าเป็นทั้งผู้ถวายและเป็นเครื่องบูชาเองโดยผ่านทางพิธีการหักปังบนพระแท่นเพื่อขอบพระคุณพระบิดาสำหรับการส่งพระบุตรให้มาไถ่กู้มนุษยชาติจะเห็นได้ว่าคำว่ามิสซาจึงไม่ตรงกับคำศัพท์และความหมายทางพิธีกรรมเพียงแต่มีความเข้าใจและถือกันมาจากธรรมเนียมประเพณีเดิมมากกว่า ในพิธีมิสซาฯ คริสตชนเชื่อว่าองค์พระเยซูเจ้าประทับอยู่อย่างแท้จริงใน 3 วิธีการคือ 1. จากพระวาจาของพระองค์ในบทอ่านจากพระคัมภีร์ 2. ระหว่างการเสกปังและเหล้าองุ่น ความช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการที่พระเยซูเจ้าจะสถิตอยู่ในพิธีมิสซาฯ เพราะเป็นการรื้อฟื้นการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูเจ้า 3. การรับศีลมหาสนิทซึ่งเป็น "ปังทรงชีวิต" เมื่อพิธีมิสซาฯ สิ้นสุดแล้วพระเยซูเจ้ายังคงประทับอยู่ในศีลมหาสนิทธรรมเนียมการเก็บรักษาศีลมหาสนิทไว้หลังมิสซาจึงเกิดขึ้นเพราะความต้องการที่จะใช้เป็นศีลเสบียงสำหรับคนเจ็บป่วยและแจกศีลแก่ผู้ที่ไม่สามารถมาร่วมพิธีมิสซาฯ ได้จึงเกิดธรรมเนียม "การเฝ้าศีล" เกิดขึ้นในภายหลังด้วยจะเห็นได้ว่ามิสซาเกี่ยวข้องโดยตรงกับชีวิตคริสตชนไม่ใช่เฉพาะเพียงแต่พิธีกรรมภายนอกเท่านั้นหรือการบริจาคทานคริสตชนทุกคนควรมีส่วนร่วมในพิธีกรรมต่างๆ ที่ประกอบขึ้นทุกขั้นตอน พิธีกรรม (ปีพิธีกรรม) และพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ (Eucharistic ฉลอง) 1. เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า (จุติ) เริ่มต้นวันอาทิตย์สี่สัปดาห์ก่อนคริสต์มาสจนถึงวันที่ 24 ธันวาคมเป็นการเตรียมตัวเพื่อช่วงเวลาของพระคริสตสมภพที่กำลังจะมาถึงช่วงเวลาแห่งการเตรียมนี้เรียกว่า "เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ" เรารอคอยด้วยความหวังถึงการเสด็จมาของพระเยซูเจ้าพร้อมกับพระนางมารีอา 2. เทศกาลพระคริสตสมภพ (Christmastide) เริ่มต้นจากวันคริสต์มาสถึงวันฉลองการรับพิธีล้างของพระเยซูเจ้าในระหว่างสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคมและสัปดาห์แรกของเดือนมกราคมคริสตชนยังคงอยู่ในเทศกาลพระคริสตสมภพในช่วงเวลาแห่งความชื่นชมยินดีเหล่านี้เราจะต้อนรับการเสด็จมาของพระผู้ไถ่การประกาศถึงการแสดงองค์ของพระคริสตเจ้า (God'sepiphany) พระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้ามายังแผ่นดินช่วงเวลาแห่งการเตรียมตัวและการเฉลิมฉลองนำเราให้ผ่านพ้นปีเก่าและเข้าสู่ปีใหม่สำหรับคริสตชนแล้วปีของเรามิใช่เพียงการหมุนเวียนไปของวันเวลาเท่านั้นแต่การเวียนไปจนครบรอบปีของคริสตชนคือการนำออกนอกเวลาไปสู่ความรุ่งเรืองแห่งนิรันดร์กาลในพระเจ้า3. เทศกาลมหาพรต (เข้าพรรษา) เริ่มจากวันพุธรับเถ้า (พุธเถ้า) มหาพรตคือช่วงเวลา 40 วันแห่งการเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่ปัสกาเลข 40 เตือนให้เราระลึกถึงฝนที่ตกตลอด 40 วัน 40 คืนในสมัยโนอาห์เพื่อชำระล้างความชั่วร้ายของแผ่นดินให้สะอาดหมดจด 40 ปีแห่งการเดินทางของชาวฮีบรูในทะเลทรายเพื่อจะเข้าสู่ดินแดนแห่งพระสัญญา 40 วันที่พระเยซูเจ้าทรงอดอาหารและถูกประจญในถิ่นทุรกันดาร มหาพรตคือช่วงเวลาแห่งการภาวนาที่เข้มข้นการอดอาหารการพลีกรรมและประกอบกิจศรัทธาห้วงเวลาแห่งการให้ความสดชื่นแก่โลกของเราเพื่อไปสู่บ้านของพระเจ้าสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ (ปาสคาล Triduum) เราคริสตชนจะรักษาวันพระเจ้านี้ได้อย่างเหนียวแน่นเราอดอาหารในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์และชิดสนิทกับพระด้วยการตื่นเฝ้าในวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์เพราะเราตื่นเฝ้าและรอคอยให้การเสด็จกลับคืนพระชนมชีพในวันอาทิตย์ปัสกาที่กำลังมาถึงเราด้วยความกระหายและโหยหาพระองค์ การร่วมชิดสนิทและการอวยพรวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์และวันอาทิตย์ปัสกานี้รวมเรียกว่า "ปาสคาล Triduum" หมายถึงสามวันแห่งการผ่านพ้น Triduum คือหัวใจของปีพิธีกรรมส่วนวันแห่งความตายการถูกขังและการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้าตลอดช่วงวันอันศักดิ์สิทธิ์นี้เราจะฉลองการเสด็จผ่านความตายของพระเยซูเจ้า (และของเรา) ด้วยการโปรดศีลล้างบาปพิธียืนยันการเป็นคริสตชนและการรับศีลมหาสนิทในช่วงปัสกานี้ (แก่คริสตชนใหม่) 4. เทศกาลปัสกา (Eastertime) เริ่มจากวันอาทิตย์ปัสกาจนถึงวันอาทิตย์สมโภชพระจิตเจ้าเทศกาลปัสกาคือช่วงเวลา 50 วันแห่งการเฉลิมฉลองซึ่งอยู่ถัด Triduum นับได้ว่าเป็นเทศกาลที่เก่าแก่และงดงามที่สุดของพระศาสนจักรวันแห่งความชื่นชมยินดีของโลกซึ่งตื่นจากการหลับใหล 50 วัน (เปนเตก๊อสเต) คือ 7 x 7 = 49 สัปดาห์ที่ทวีคูณบวกอีก 1 วันอาทิตย์ปัสกาดังนั้นเทศกาลปัสกาจึงมีวันอาทิตย์ 8 ครั้ง (8 วัน) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ถึงความลึกลับของนิรันดรภาพ แต่ละสัปดาห์ เรามีวันพระเจ้า และแต่ละปี เรามีเทศกาลปัสกา 50 วันแห่งการเปล่งเสียง "อัลเลลูยา" สรรเสริญพระเจ้า 50 วัน แห่งการใช้ชีวิตตามบทบัญญัติแห่งความยุติธรรม และสันติสุข ซึ่งเต็มเปี่ยมในตัวเรา เมื่อรวมทั้ง 3 ช่วงเข้าด้วยกัน คือ มหาพรต สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ และปัสกา จึงกลายเป็นการผลิบานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระศาสนจักร 5. เทศกาลธรรมดา (Ordinary Time) เป็น เทศกาลที่แทรกอยู่ระหว่าง เทศกาลพระคริสตสมภพ กับมหาพรต และระหว่างเทศกาลปัสกา กับเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เป็นเวลาประมาณ 34 สัปดาห์ นอกเหนือไปจากเทศกาลสำคัญของพระศาสนจักรแล้ว สัปดาห์เหล่านี้เรียกว่า เทศกาลธรรมดา ดังนั้นในแต่ละสัปดาห์ จึงมีการนับเป็นตัวเลข เพื่อช่วยให้เราแบ่งการอ่าน บทอ่าน บ
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: