To be successful as a colonizer, a

To be successful as a colonizer, a plant must be capable
of increasing its numbers at low densities. A plant capable
of vegetative reproduction may have a selective advantage
over a plant that only reproduces sexually because even a
single individual would be able to reproduce and colonize
new habitats (Baker 1962, 1965). If a plant is incapable of
vegetative reproduction and only reproduces sexually
through cross-pollination (allogamy), then having both
sexes on the same plant [i.e., either a monoecious plant or
a plant with perfect flowers (hermaphrodite)] may confer a
selective advantage over a unisexual (dioecious) plant.
Any two plants would be capable of reproduction and
colonization (Baker 1962). If a plant is bisexual, then selfcompatibility
may confer a selective advantage over selfincompatibility
because just a single plant is capable of
reproduction and colonization (Baker 1962, 1965). If the
plant is not self-pollinating (autogamous), then a generalist
pollination system (e.g., wind pollination) may confer a
selective advantage over a specialized pollination system
because the specialist pollinator may not be present in the
area being colonized (Baker 1965). Plants that colonize
disturbed areas are subject to further selective pressures.
These habitats tend to have high levels of light and,
consequently, low levels of soil moisture. Therefore, a
plant that is tolerant of high light levels would have a
selective advantage over a plant that is shade tolerant, and
a plant that is adapted to low soil moisture would have a
selective advantage over a plant that is adapted to more
moist habitats (Baker 1967).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จะประสบความสำเร็จเป็นแบบ colonizer โรงงานต้องมีความสามารถเพิ่มหมายเลขของความหนาแน่นต่ำ พืชสามารถสืบพันธุ์ผักเรื้อรังอาจมีประโยชน์ใช้มากกว่าพืชที่เฉพาะ คมทางเพศเนื่องจากแม้แบบคนหนึ่งคนจะสามารถทำซ้ำ และ colonizeใหม่อยู่อาศัย (1962 เบเกอร์ 1965) ถ้าโรงงานไม่สามารถทำงานสืบพันธุ์ผักเรื้อรัง และคมทางเพศเท่านั้นโดยการผสมเกสร (allogamy), แล้วมีทั้งเพศในพืชเดียวกัน [เช่น แบบ monoecious พืช หรือพืชดอกไม้โก (กะเทย)] อาจประสาทเป็นเปรียบ unisexual (dioecious) พืชใช้พืชสองใด ๆ จะสามารถสืบพันธุ์ และสนาม (1962 เบเกอร์) ถ้าพืชเป็น bisexual แล้ว selfcompatibilityอาจประสาทเปรียบ selfincompatibility งานเนื่องจากสามารถเพียงพืชเดียวขยายพันธุ์และสนาม (1962 เบเกอร์ 1965) ถ้าการโรงงานไม่ใช่มะเขือ (autogamous), แล้วคนที่ประสาทระบบ pollination (เช่น ลม pollination) อาจเป็นเปรียบ pollination เฉพาะระบบงานเนื่องจาก pollinator ผู้เชี่ยวชาญอาจไม่ปรากฏในพื้นที่ที่ยึดครอง (เบเกอร์ 1965) พืชที่ colonizeรบกวนพื้นที่อยู่ภายใต้ความดันที่ใช้เพิ่มเติมอยู่อาศัยเหล่านี้มักจะ มีระดับสูงของแสง และดังนั้น ต่ำระดับความชื้นดิน ดังนั้น การพืชที่ทนกับแสงระดับสูงจะมีการเลือกได้เปรียบพืชที่เป็นร่มเงาป้องกันความผิดพลาด และโรงงานที่จะปรับให้ความชื้นในดินต่ำจะมีการเปรียบพืชที่ถูกดัดแปลงเพื่อใช้ชุ่มชื่นอยู่อาศัย (1967 เบเกอร์)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จะประสบความสำเร็จในฐานะที่เป็นอาณานิคม, พืชต้องมีความสามารถ
ที่เพิ่มขึ้นของตัวเลขที่มีความหนาแน่นต่ำ พืชที่มีความสามารถ
ในการสืบพันธุ์อาจจะมีความได้เปรียบในการคัดเลือก
มากกว่าพืชที่มีเพียงพันธุ์ทางเพศเพราะแม้แต่
คนเดียวจะสามารถทำซ้ำและตั้งรกราก
อยู่อาศัยใหม่ (เบเกอร์ 1962, 1965) หากโรงงานไม่สามารถ
สืบพันธุ์และมีเพียงพันธุ์ทางเพศ
ผ่านการผสมเกสรข้าม (allogamy) จากนั้นมีทั้ง
สองเพศในโรงงานเดียวกัน [คือทั้งพืชกระเทยหรือ
พืชที่มีดอกที่สมบูรณ์แบบ (กระเทย)] อาจมอบ
ประโยชน์การคัดเลือก มากกว่าเพศหญิง (ต่างหาก) พืช.
ใด ๆ สองโรงงานจะมีความสามารถในการสืบพันธุ์และการ
ล่าอาณานิคม (เบเกอร์ 1962) ถ้าพืชเป็นกะเทยแล้ว selfcompatibility
อาจมอบความได้เปรียบในการคัดเลือกกว่า selfincompatibility
เพราะเพียงโรงงานเดียวมีความสามารถใน
การสืบพันธุ์และการล่าอาณานิคม (เบเกอร์ 1962, 1965) ถ้า
พืชเป็นตัวเองไม่ได้ผสมเกสร (autogamous) แล้ว Generalist
ระบบการผสมเกสร (เช่นการผสมเกสรลม) อาจหารือ
ประโยชน์เลือกมากกว่าระบบการผสมเกสรเฉพาะ
เพราะ pollinator ผู้เชี่ยวชาญอาจจะไม่ได้อยู่ใน
พื้นที่ที่ถูกอาณานิคม (เบเกอร์ 1965) . พืชที่อพยพไปอยู่
พื้นที่ที่ถูกรบกวนอาจมีการเลือกแรงกดดันต่อไป.
แหล่งที่อยู่อาศัยเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมีระดับสูงของแสงและ
ดังนั้นระดับต่ำของความชื้นในดิน ดังนั้น
พืชที่เป็นใจกว้างของระดับแสงสูงจะมี
ความได้เปรียบในการคัดเลือกกว่าพืชที่เป็นร่มเงาใจกว้างและ
พืชที่มีการปรับให้เข้ากับความชื้นในดินต่ำจะมี
ความได้เปรียบในการคัดเลือกมากกว่าพืชที่มีการปรับขึ้นไป
ที่อยู่อาศัยชื้น ( เบเคอร์ 1967)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จะประสบความสำเร็จในฐานะ colonizer พืชต้องมีความสามารถ
การเพิ่มของตัวเลขที่มีความหนาแน่นต่ำด้วย พืชที่สามารถสืบพันธุ์ของพืช
อาจเลือกประโยชน์
มากกว่าพืชที่ reproduces ทางเพศ เพราะแม้แต่
บุคคลเดียวที่จะสามารถสืบพันธุ์และตั้งรกราก
ที่อยู่อาศัยใหม่ ( Baker 1962 1965 ) ถ้าโรงงานมีความสามารถ
การสืบพันธุ์ของพืชและหน้าที่ทางเพศ
ผ่านการผสมข้าม ( allogamy ) แล้วมีทั้ง
เพศในโรงงานเดียวกัน [ เช่น ทั้งโมนีเชียส หรือพืช
พืชกับดอกไม้ที่สมบูรณ์แบบ ( กะเทย ) อาจจะหารือ
ข้อได้เปรียบที่เลือกมากกว่า unisexual ( ของ )
2 พืช พืชจะสามารถสืบพันธุ์ และ
อาณานิคม ( Baker 1962 ) ถ้าโรงงานเป็นกะเทยแล้ว selfcompatibility
อาจหารือข้อได้เปรียบที่เลือกมา selfincompatibility
เพราะแค่ต้นเดียวมีความสามารถในการสืบพันธุ์และการล่าอาณานิคม (
เบเกอร์ 1962 1965 ) ถ้าไม่ใช่ตนเอง pollinating พืช
( autogamous ) แล้ว เป็นผู้มีความรู้ความสามารถหลากหลาย
การระบบ ( เช่น ลม การผสมเกสร ) อาจจะหารือ
ข้อได้เปรียบที่เลือกมาเฉพาะระบบการผสมเกสร
เพราะผู้เชี่ยวชาญแมลงผสมเกสรอาจไม่เป็นปัจจุบันใน
พื้นที่ ที่อยู่ ( Baker 1965 ) พืชที่อพยพ
รบกวนพื้นที่อาจมีแรงกดดันต่อการคัดเลือก
ที่อยู่อาศัยเหล่านี้ มักจะมีระดับสูงของแสงและ
ดังนั้นระดับของความชื้นในดิน ดังนั้น
พืชที่ใจกว้างของระดับแสงสูงจะมี
ข้อได้เปรียบที่เลือกมากกว่าพืชที่เป็นร่มเงาใจกว้าง ,และ
พืชที่ถูกดัดแปลงให้ความชื้นในดินต่ำ จะมี
ข้อได้เปรียบที่เลือกมากกว่าพืชที่ถูกดัดแปลงให้พื้นที่ชุ่มชื้นมากขึ้น
( Baker 1967 )