4.2. Soil erosion by land-use typeS

4.2. Soil erosion by land-use type
Soil pedestal heights indicated that short-term soil erosion was
greatest in the four land use types with the least understory biomass
(Fig. 4). The correlation analysis showed that pedestal height was
most strongly related to percent ground cover, as the four land uses
with the highest pedestal heights did not have more than 63% ground
cover (Tables 1, 2), while none of the land uses with more than 76%
cover had any soil pedestals. Other studies also have shown soil erosion
under a forest canopy with sparse understory vegetation and ground
cover (Miyata et al., 2009). Taken together, these results indicate that
both understory biomass and ground cover are important for reducing
rainfall kinetic energy and rainsplash, but ground cover is more important.
This result is supported by both modeling and field studies that
show a strong, nonlinear relationship between percent surface cover
and erosion (e.g., Larsen et al., 2009; Miller et al., 2011). The main difference
between these other studies and our data set in Fig. 4b is that the
threshold for no erosion is at least 76% ground cover. This relatively

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

4.2 การกันดินพังทลายตามประเภทการใช้ที่ดินดินเชิงสูงระบุว่า ถูกกัดเซาะดินระยะสั้นสูงที่สุดชนิดใช้สี่แผ่นดินกับชีวมวลศึกษาน้อยที่สุด(Fig. 4) วิเคราะห์ความสัมพันธ์พบว่า มีเชิงสูงสุดขอสัมพันธ์เปอร์เซ็นต์ครอบคลุมดิน ใช้สี่แผ่นดินมีเชิงสูงที่ไม่มีความสูงมากกว่าที่เป็นพื้นดิน 63%ฝาครอบ (ตาราง 1, 2), ในขณะที่ไม่มีการใช้ที่ดินมากกว่า 76%ปก pedestals ดินใด ๆ ได้ ศึกษาอื่น ๆ นอกจากนี้ยังได้แสดงกันดินพังทลายภายใต้ร่มเงาป่าบ่อศึกษาพืชและพื้นดินปก (Miyata et al., 2009) ปวง ผลลัพธ์เหล่านี้บ่งชี้ว่าชีวมวลศึกษาและครอบคลุมพื้นดินมีความสำคัญสำหรับการลดพลังงานจลน์ของฝน และ rainsplash แต่ครอบคลุมพื้นดินเป็นสำคัญผลนี้ได้รับการสนับสนุน โดยทั้งสองโมเดล และฟิลด์ศึกษาที่แสดงความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง ไม่เชิงเส้นระหว่างเปอร์เซ็นต์ครอบคลุมพื้นผิวและพังทลาย (เช่น Larsen et al., 2009 มิลเลอร์ et al., 2011) ความแตกต่างหลักระหว่างนี้ศึกษาและชุดข้อมูลของเราใน Fig. 4b เป็นที่ขีดจำกัดสำหรับพังทลายไม่เป็นน้อย 76% ครอบคลุมพื้นดิน นี้ค่อนข้าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

4.2 พังทลายของดินตามประเภทการใช้ที่ดิน
สูงแท่นชี้ให้เห็นว่าดินพังทลายของดินในระยะสั้นเป็น
ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการใช้ประโยชน์ที่ดินที่มีสี่ประเภทชีวมวล understory น้อย
(รูปที่ 4). การวิเคราะห์ความสัมพันธ์พบว่าความสูงของฐานได้รับการ
ที่เกี่ยวข้องมากที่สุดในการคลุมดินเปอร์เซ็นต์ขณะที่สี่การใช้ประโยชน์ที่ดิน
ที่มีความสูงแท่นสูงสุดไม่ได้มีมากกว่า 63% พื้น
ปก (ตารางที่ 1, 2) ในขณะที่ไม่มีที่ดินใช้ที่มีมากขึ้น กว่า 76%
ปกมีแท่นดินใด ๆ การศึกษาอื่น ๆ นอกจากนี้ยังได้แสดงให้เห็นการพังทลายของดิน
ภายใต้ร่มเงาของไม้ด้วยพันธุ์ไม้ understory เบาบางและพื้นดิน
ปก (Miyata et al., 2009) ที่ร่วมกันผลลัพธ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า
ทั้งชีวมวล understory และคลุมดินที่มีความสำคัญในการลด
ปริมาณน้ำฝนพลังงานจลน์และ rainsplash แต่คลุมดินเป็นสิ่งสำคัญมาก.
ผลที่ได้นี้ได้รับการสนับสนุนจากทั้งการสร้างแบบจำลองและการศึกษาข้อมูลที่
แสดงให้เห็นความแข็งแกร่งความสัมพันธ์เชิงเส้นระหว่างผิวร้อยละ ฝาครอบ
และการกัดเซาะ (เช่นเสน et al, 2009;. มิลเลอร์และคณะ, 2011.) แตกต่างที่สำคัญ
ระหว่างการศึกษาอื่น ๆ เหล่านี้และข้อมูลของเราตั้งอยู่ในรูป 4b คือ
เกณฑ์สำหรับการพังทลายไม่เป็นอย่างน้อย 76% คลุมดิน นี้ค่อนข้าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

4.2 . การชะล้างพังทลายของดิน โดยการใช้ที่ดินประเภท
ดินพบว่าดิน ความสูงฐานระยะสั้นคือ
ที่สุดใน 4 การใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทชีวมวลด้วย
understory น้อยที่สุด ( รูปที่ 4 ) การวิเคราะห์สหสัมพันธ์พบว่า ความสูงของฐานคือ
อย่างมากที่สุดที่เกี่ยวข้องกับเปอร์เซ็นต์ครอบคลุมพื้นที่ 4 การใช้ประโยชน์ที่ดิน
ที่มีมากที่สุดที่ความสูงฐานไม่ได้มีมากกว่า 63% พื้นดิน
ปก ( ตารางที่ 1 , 2 )ในขณะที่ไม่มีการใช้ประโยชน์ที่ดินกว่า 76%
ปกมีดินแท่น . การศึกษาอื่น ๆยังได้แสดง
การชะล้างพังทลายของดินภายใต้ทรงพุ่มมีป่าโปร่ง ป่า understory พืชและพื้นดิน
ปก ( มิยาตะ et al . , 2009 ) ถ่ายด้วยกัน ผลลัพธ์เหล่านี้บ่งชี้ว่าทั้งชีวมวลและ
understory คลุมดินที่สำคัญสำหรับการลดปริมาณพลังงานจลน์ และ rainsplash
,แต่ครอบคลุมพื้นดินสำคัญ .
ผลนี้ได้รับการสนับสนุนโดยทั้งสองแบบและการศึกษาภาคสนามที่
ให้แข็งแรง เส้นความสัมพันธ์ระหว่างเปอร์เซ็นต์ ผิวปก
และการกัดกร่อน ( เช่น ลาร์เซน et al . , 2009 ; มิลเลอร์ et al . , 2011 ) แตกต่างหลักระหว่างนี้
การศึกษาอื่น ๆและข้อมูลของเราตั้งอยู่ในรูปที่ 4B ที่เกณฑ์ไม่กัดเซาะ
อย่างน้อย 76% พื้นครอบคลุม นี้ค่อนข้าง