It happened wasn’t losing the fores

It happened wasn’t losing the forest only a bad thing. According to the theory of self-destruction, the massive deforestation loosened the topsoil, which blew into the ocean, depleting the ground of nutrients and causing food shortages. However, ongoing research suggests that erosion was not the problem people have assumed.
What is apparent on the ground is the large number of rock gardens that cover much of the island’s interior, in which crops such as taro, yams and bananas were grown. These take several forms, from windbreaks made of large lava rock boulders to piles of smaller rocks mixed with earth that would have acted as so-called “lithic mulches” to keep moisture in the soil. Lipo and Hunt suggest that, given Easter Island’s poor soils and relatively low rainfall – which struggles to top 1500 millimetres a year – it actually made sense to get rid of the forest to make way for these gardens, and to extend agriculture across a greater range of soils and levels of rainfall.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มันเกิดขึ้นไม่ได้สูญเสียป่าเท่านั้นเป็นสิ่งที่ดี ตามทฤษฎีทำลายตนเอง การทำลายป่าใหญ่หลวมชั้นดิน ซึ่งได้พัดลงในมหาสมุทร นี้พื้นดินของสารอาหาร และก่อให้เกิดการขาดแคลนอาหาร อย่างไรก็ตาม วิจัยแนะนำว่า กัดเซาะไม่ใช่ปัญหาที่มีการสันนิษฐานว่าคนมีอะไรชัดเจนบนพื้นดินของสวนหินที่ครอบคลุมมากของตกแต่งภายในของเกาะ ซึ่งพืชเช่นเผือก บุคคล yams และกล้วยที่ปลูก ได้ เหล่านี้มีหลายรูปแบบ จากหน้าบันทำของใหญ่ลาวาหินหินกองหินขนาดเล็กผสมกับดินที่จะได้ทำหน้าที่เป็นสิ่งที่เรียกว่า "lithic mulches" เพื่อให้ความชื้นในดิน Lipo และล่าแนะนำว่า ดินที่ไม่ดีและปริมาณน้ำฝนค่อนข้างต่ำ – เกาะอีสเตอร์ที่ต่อสู้ไปด้านบน 1500 มิลลิเมตรต่อปี – มันทำจริงเพื่อกำจัดของฟอเรสต์ให้สวนเหล่านี้ และ การขยายการเกษตรช่วงมากกว่าของดินและปริมาณน้ำฝน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มันเกิดขึ้นก็ไม่ได้สูญเสียป่าเพียง แต่สิ่งที่ไม่ดี ตามทฤษฎีของการทำลายตนเองที่ตัดไม้ทำลายป่าขนาดใหญ่คลายดินซึ่งพัดลงสู่มหาสมุทร, บรรยากาศพื้นดินของสารอาหารและก่อให้เกิดการขาดแคลนอาหาร อย่างไรก็ตามการวิจัยอย่างต่อเนื่องแสดงให้เห็นว่าการกัดเซาะไม่ได้เป็นปัญหาคนได้สันนิษฐาน.
อะไรคือสิ่งที่เห็นได้ชัดบนพื้นดินเป็นจำนวนมากของสวนหินที่ครอบคลุมมากของการตกแต่งภายในของเกาะซึ่งในพืชเช่นเผือกมันเทศและกล้วยปลูก เหล่านี้ใช้เวลาหลายรูปแบบจาก windbreaks ทำจากก้อนหินลาวาขนาดใหญ่ไปยังกองหินขนาดเล็กผสมกับแผ่นดินที่จะได้ทำหน้าที่เป็นที่เรียกว่า "mulches lithic" เพื่อให้ความชุ่มชื้นในดิน Lipo และล่าขอแนะนำว่าให้เกาะอีสเตอร์ของดินที่ไม่ดีและปริมาณน้ำฝนค่อนข้างต่ำ - ซึ่งต้องดิ้นรนไปข้างบน 1,500 มิลลิเมตรต่อปี - มันรู้สึกทำจริงในการกำจัดของป่าเพื่อเปิดทางให้สวนเหล่านี้และจะขยายการเกษตรทั่วหลากหลายมากขึ้น ของดินและระดับของปริมาณน้ำฝน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มันเกิดขึ้นไม่ได้สูญเสียป่าเพียงสิ่งเลว ตามทฤษฎีของการทำลายตนเอง การตัดไม้ทำลายป่าครั้งใหญ่ที่ติดดิน ซึ่งพัดลงสู่มหาสมุทร , ใช้ดินธาตุอาหารและทำให้ขาดแคลนอาหาร อย่างไรก็ตาม การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการไม่ปัญหามีคนสันนิษฐานสิ่งที่ปรากฏบนพื้นดินเป็นจำนวนมากจากสวนหินที่ครอบคลุมมากของการตกแต่งภายในของเกาะซึ่งในพืช เช่น เผือก มันเทศ และกล้วยปลูก . เหล่านี้ใช้ในหลายรูปแบบจาก windbreaks ทำมาจากหินลาวาก้อนหินขนาดใหญ่ไปยังกองหินเล็ก ผสมกับดินนั้นจะต้องทำหน้าที่เป็นเรียกว่า " lithic mulches " เพื่อรักษาความชื้นในดิน Lipo และล่าแนะนำว่าให้เกาะอีสเตอร์จนดินและปริมาณน้ำฝนค่อนข้างต่ำ ( ซึ่งการต่อสู้ด้านบน 1500 มิลลิเมตรปีซึ่งทำให้ความรู้สึกที่จะกำจัดของป่าทำทางสวนเหล่านี้และการขยายการเกษตรในช่วงของดินและระดับของปริมาณฝน