slits occurs, and an intense band i

slits occurs, and an intense band is observed. With the aid of Figure 6-8c, the conditions for maximum constructive interference, which result in the other light bands, can be derived. In Figure 6-8c, the angle of diffraction 0 is the angle from the normal, formed by the dotted line extend¬ing from a point o, halfway between the shts, to the point of maximum intensity D. The solid lines BD and CD rep¬resent the light paths from the slits B and c to this point. Ordinarily, the distance OE is enormous compared to the distance between the slits BC. As a consequence, the lines BD, OD, and CD are, for all practical purposes, par¬allel. Line BF is perpendicular to CD and forms the trian¬gle BCF, which is, to a close approximation, similar to DOE; consequently, the angle CBF is equal to the angle of diffraction 0. We may then write
CF = BC sin 0
measure of the difference in path lengths of beams BD and CD. For the two beams to be in phase at D, it is necessary that CF correspond to the wavelength of the radiation; that is,
X = CF = BC sin 0
Reinforcement also occurs when the additional path length corresponds to 2, 3X, and so forth. Thus, a more general expression for the light bands surrounding the central band is
n = BC sin 0 (6-9)
where ท is an integer called the order of interference.
The linear displacement DE of the diffracted beam along the plane of the screen is a function of the dis-tance OE between the screen and the plane of the slits, as well as the spacing between the slits, and is given by
DE = OD sin 0

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รอยแยกที่เกิดขึ้นและเป็นวงดนตรีที่รุนแรงเป็นที่สังเกต ด้วยความช่วยเหลือของรูป 6-8c เงื่อนไขการรบกวนสูงสุดที่สร้างสรรค์ซึ่งส่งผลให้วงดนตรีแสงอื่น ๆ จะได้รับ ในรูปที่ 6-8c มุมการเลี้ยวเบน 0 คือมุมจากปกติที่เกิดขึ้นจากเส้นประextend¬ingจากจุด o ที่กึ่งกลางระหว่าง shts เพื่อจุดเข้มสูงสุดดีที่เส้นทึบ BD และแผ่นซีดี rep¬resentเส้นทางแสงจากช่อง B และ C ถึงจุดนี้ ปกติระยะ OE เป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับระยะห่างระหว่างช่องก่อนคริสตกาล เป็นผลให้เส้น BD, OD และซีดีเพื่อวัตถุประสงค์ในทางปฏิบัติทุกpar¬allel BF เส้นตั้งฉากกับซีดีและรูปแบบ BCF trian¬gleซึ่งเป็นไปใกล้เคียงกับที่คล้ายกับ DOE; ดังนั้นมุม CBF เท่ากับมุมของการเลี้ยวเบน 0 จากนั้นเราอาจจะเขียน
CF = BC บาป 0
ตัวชี้วัดของความแตกต่างในความยาวเส้นทางของคาน BD และแผ่นซีดี สำหรับสองคานจะอยู่ในขั้นตอนที่ดีก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ CF สอดคล้องกับความยาวคลื่นของรังสีนั้น นั่นคือ
X = CF = BC บาป 0
เสริมนอกจากนี้ยังเกิดขึ้นเมื่อความยาวเส้นทางเพิ่มเติมที่สอดคล้องกับ 2 , 3X และอื่น ๆ ดังนั้นการแสดงออกทั่วไปมากขึ้นสำหรับวงดนตรีแสงโดยรอบวงกลางเป็น
n = BC บาป 0 (6-9)
ที่ทเป็นจำนวนเต็มเรียกว่าคำสั่งของรบกวน.
แทนที่เชิงเส้น DE ของลำแสง diffracted พร้อมเครื่องบินของ หน้าจอเป็นฟังก์ชั่นของโรคในระยะ OE ระหว่างหน้าจอและเครื่องบินกรีดเช่นเดียวกับระยะห่างระหว่างช่องและจะได้รับจาก
DE = OD บาป 0

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รอยแยกที่เกิดขึ้น และเป็นวงดนตรีที่รุนแรงเป็นที่สังเกต ด้วยความช่วยเหลือของรูป 6-8c เงื่อนไขสำหรับการสร้างสรรค์สูงสุด ซึ่งส่งผลให้วงแสงอื่น ๆ สามารถมา ในรูป 6-8c มุมองศาของเลนส์ 0 เป็นมุมจากปกติที่เกิดจากเส้นประขยาย¬ไอเอ็นจีจากจุด O , ครึ่งทางระหว่าง shts ไปยังจุดที่ความเข้มสูงสุด .เส้นทึบและตัวแทน¬ BD CD ส่งเส้นทางที่แสงจากช่อง B และ C ในจุดนี้ โดยปกติ ระยะทาง OE เป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับระยะห่างระหว่างช่อง BC ผลที่ตามมา , เส้น BD , OD , และแผ่นซีดี เพื่อวัตถุประสงค์ในทางปฏิบัติ , พาร์¬แอลลีล . บรรทัด ( ตั้งฉากกับ CD และรูปแบบเทรน¬ GLE bcf ซึ่งก็คือ การปิด คล้ายกับ โด ; ดังนั้นมุมมูลนิธิสายธารพระพรจะเท่ากับมุมของเลนส์ 0 เราอาจจะเขียน
0
CF = BC บาปวัดความแตกต่างในเส้นทางความยาวของคาน BD และซีดี สำหรับคานทั้งสองอยู่ในเฟสที่ D เป็นโฆษณานั้นสอดคล้องกับความยาวคลื่นของรังสี นั่นคือ x =
0
= BC บาป CF เสริมยังเกิดขึ้นเมื่อความยาวเส้นทางเพิ่มเติมสอดคล้องกับ 2 , 3 x และอื่น ๆ ดังนั้นนิพจน์ทั่วไปมากขึ้นสำหรับแสงวงรอบวงกลาง
n = บาป พ.ศ. 0 ( 6-9 )
ที่ทเป็นจำนวนเต็มเรียกลำดับของการรบกวน
การกระจัดของกระจายลำแสงเส้นเดอตามระนาบของหน้าจอที่เป็นฟังก์ชันของ DIS ไป OE ระหว่างหน้าจอและเครื่องบิน ในช่อง รวมทั้งระยะห่างระหว่างช่องและรับ
0
= od ซินเดอ