High fructose syrup (HFS) is a high

High fructose syrup (HFS) is a highly valued liquid sweetener for beverage, confectionery and processed food
industry, owing to its special attributes like high solubility and non-crystalline nature. Even though 85% HFS
production is from corn, increased food demand has necessitated the search for alternative substrates and
starchy root crops like cassava and sweet potato are potential raw materials. However, the economic
production needs direct use of the roots and simplification of the cost-intensive steps. This study aims at the
direct enzymatic conversion of roots for HFS production. Glucose yield was compared from six treatment
systems viz., liquezyme–dextrozyme (T1), Stargen (T2), Stargen in two split doses (T3), Spezyme–Stargen
(T4), Stargen (60 °C;T5) and Spezyme–Stargen (60 °C; T6). Glucose was higher (22–25%) from cassava than
sweet potato (14.0–15.7%), owing to the high starch content in cassava. Conversion to glucose was higher in
T1–T4 (95–98%) compared to 88–92% for T5 and T6. Although the fructose yield was more from cassava
(8.36–9.78%) than sweet potato (5.2–6.0%), percentage conversion was similar (37–38%) for both the roots.
The cost of production of HFS could be reduced by the direct hydrolysis of root slurry using Stargen.
Industrial relevance: The conventional process for HFS production involved three cost-intensive enzyme steps
such as liquefaction, saccharification and isomerization and the major raw material is starch. Economic
production using cheaper raw materials and simplification of the process are the decisive factors for the
widespread use of HFS in the developing and less developed countries. The present study aimed at the direct
conversion of cassava and sweet potato root slurry (without conversion to starch) through the use of
improved enzymes like Spezyme and Stargen and mild operating conditions of pH and temperature. The cost
of production of HFS could be reduced by using the wet root slurry and performing the Stargen aided
saccharification at room temperature, followed by isomerization at 60 °C using Sweetzyme T.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

น้ำเชื่อมฟรักโทสสูง (HFS) จะมีคุณค่าของเหลวสารให้ความหวานสำหรับเครื่องดื่ม ขนม และอาหารแปรรูปอุตสาหกรรม เนื่องจากแอตทริบิวต์ของพิเศษเช่นละลายสูงและลักษณะไม่เป็นผลึก ถึงแม้ว่า 85% HFSผลิตจากข้าวโพด ความต้องการอาหารเพิ่มขึ้นมี necessitated หาพื้นผิวอื่น และฟูมรากพืชเช่นมันสำปะหลังและมันเทศดิบที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ทางเศรษฐกิจผลิตต้องใช้รากโดยตรงและการรวบขั้นตอนต้นทุนเร่งรัด การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ตรงแปลงเอนไซม์ในระบบของรากสำหรับผลิต HFS ผลผลิตกลูโคสถูกเปรียบเทียบจากรักษา 6ระบบ (T1), การ liquezyme สินค้า – การ dextrozyme สินค้า viz., Stargen (T2) Stargen ในสองแบ่งปริมาณ (T3), Spezyme-Stargen(T4), Stargen (60 ° C T5) และ Spezyme – Stargen (60 ° C T6) น้ำตาลกลูโคสสูงขึ้น (22-25%) จากมันสำปะหลังกว่ามันฝรั่งหวาน (14.0-15.7%), เนื่องจากเนื้อหาสูงแป้งในมันสำปะหลัง แปลงกลูโคสได้สูงกว่าT1-T4 (95-98%) เมื่อเทียบกับ 88 – 92% T5 และ T6 แม้ว่าผลผลิตฟรักโทสได้จากมันสำปะหลังเพิ่มเติม(8.36-9.78%) กว่ามันเทศ (5.2 – 6.0%), แปลงเปอร์เซ็นต์คล้ายกัน (37-38%) ทั้งรากไม่สามารถลดต้นทุนการผลิตของ HFS ที่ไฮโตรไลซ์โดยตรงของน้ำรากโดยใช้ Stargenเกี่ยวข้องอุตสาหกรรม: เอนไซม์ต้นทุนเร่งรัดขั้นตอนที่สามที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการแบบดั้งเดิมสำหรับผลิต HFSเช่น liquefaction, saccharification และ isomerization และวัตถุดิบหลักเป็นแป้ง ทางเศรษฐกิจใช้วัตถุดิบและรวบการผลิตมีปัจจัยเด็ดขาดสำหรับการแพร่หลายใช้ HFS ในการพัฒนา และน้อย กว่าประเทศที่พัฒนา การศึกษาปัจจุบันมุ่งตรงแปลงมันสำปะหลังและมันเทศรากน้ำ (โดยไม่ต้องแปลงแป้ง) โดยใช้ของเอนไซม์ดีขึ้นเช่น Spezyme และ Stargen และเงื่อนไขการปฏิบัติอ่อนของ pH และอุณหภูมิ ค่าใช้จ่ายการผลิตของ HFS สามารถลดลง โดยใช้สารละลายรากเปียก และทำ Stargen ช่วยsaccharification ที่อุณหภูมิห้อง ตาม isomerization ที่ 60 ° C โดยใช้ Sweetzyme ต.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

น้ำเชื่อมฟรุกโตสสูง (HFS)
เป็นมูลค่าสูงสารให้ความหวานเหลวสำหรับเครื่องดื่มขนมและอาหารแปรรูปอุตสาหกรรมเนื่องจากคุณลักษณะพิเศษเช่นการละลายสูงและลักษณะที่ไม่ใช่ผลึก แม้ว่า 85% HFS ผลิตจากข้าวโพดมีความต้องการอาหารที่เพิ่มขึ้นจำเป็นต้องมีการค้นหาสำหรับพื้นผิวทางเลือกและรากพืชประเภทแป้งเช่นมันสำปะหลังมันเทศและเป็นวัตถุดิบที่มีศักยภาพ อย่างไรก็ตามทางเศรษฐกิจการผลิตความต้องการใช้โดยตรงของรากและความเรียบง่ายของขั้นตอนค่าใช้จ่ายที่เข้มข้น การศึกษาครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายที่แปลงเอนไซม์โดยตรงจากรากสำหรับการผลิต HFS ผลผลิตน้ำตาลกลูโคสเมื่อเทียบจากหกรักษาระบบ ได้แก่ , liquezyme-dextrozyme (T1) Stargen (T2) Stargen ในสองแยกปริมาณ (T3) Spezyme-Stargen. (T4) Stargen (60 ° C; T5) และ Spezyme- Stargen (60 ° C; T6) กลูโคสสูง (22-25%) จากมันสำปะหลังกว่ามันเทศ(14.0-15.7%) เนื่องจากปริมาณแป้งในมันสำปะหลังสูง แปลงเป็นน้ำตาลกลูโคสที่สูงขึ้นในT1-T4 (95-98%) เมื่อเทียบกับ 88-92% สำหรับ T5 และ T6 แม้ว่าผลผลิตฟรุกโตสได้มากขึ้นจากมันสำปะหลัง(8.36-9.78%) มากกว่ามันเทศ (5.2-6.0%) แปลงร้อยละคล้ายคลึง (37-38%) สำหรับทั้งราก. ค่าใช้จ่ายในการผลิตของ HFS อาจจะลดลงที่ . การย่อยโดยตรงของสารละลายรากใช้ Stargen ความเกี่ยวข้องอุตสาหกรรม: กระบวนการแบบเดิมสำหรับการผลิตที่เกี่ยวข้องกับ HFS สามขั้นตอนการทำงานของเอนไซม์ค่าใช้จ่ายมากเช่นเหลวsaccharification และ isomerization และวัตถุดิบที่สำคัญคือแป้ง เศรษฐกิจการผลิตโดยใช้วัตถุดิบที่ถูกกว่าและความเรียบง่ายของกระบวนการที่เป็นปัจจัยชี้ขาดสำหรับการใช้งานอย่างแพร่หลายของHFS ในประเทศกำลังพัฒนาและพัฒนาน้อย การศึกษาครั้งนี้มุ่งเป้าไปที่ตรงแปลงมันสำปะหลังมันเทศและสารละลายราก (โดยไม่ต้องแปลงแป้ง) ผ่านการใช้เอนไซม์ที่ดีขึ้นเช่นSpezyme และ Stargen และสภาพการทำงานที่อ่อนค่า pH และอุณหภูมิ ค่าใช้จ่ายของการผลิตของ HFS อาจจะลดลงโดยใช้สารละลายรากเปียกและการแสดง Stargen ช่วย saccharification ที่อุณหภูมิห้องตามด้วย isomerization ที่ 60 องศาเซลเซียสโดยใช้ Sweetzyme ตัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

น้ำเชื่อมฟรุคโตสสูง ( HFS ) เป็นสารให้ความหวานของเหลวมูลค่าสูงสำหรับเครื่องดื่ม ขนม และอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป
, เนื่องจากลักษณะพิเศษของเหมือนในธรรมชาติผลึกสูงและไม่ แม้ว่า 85% การผลิต HFS
จากข้าวโพด , อาหารเพิ่มขึ้นอุปสงค์มี necessitated การค้นหาพื้นผิวทางเลือก
พืชรากมันสำปะหลังและแป้ง เช่น มันฝรั่งหวานมีวัตถุดิบที่มีศักยภาพ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจ
การผลิตความต้องการใช้โดยตรงของราก และหนึ่งเดียวของต้นทุนเร่งรัดขั้นตอน การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ในการแปลงโดยตรงของราก
เอนไซม์สำหรับการผลิต HFS . จากการเปรียบเทียบผลผลิตน้ำตาลหก
ระบบ ได้แก่ , liquezyme – dextrozyme ( T1 ) stargen ( T2 )stargen สอง doses แยก ( T3 ) spezyme – stargen
( T4 ) stargen ( 60 องศา C ; T5 ) และ spezyme – stargen ( 60 องศา C ; T6 ) กลูโคสสูงกว่า ( 22 – 25 % ) จากมันสำปะหลังกว่า
มันเทศ ( 14.0 ( 15.7% ) เนื่องจากปริมาณแป้งสูงในมันสำปะหลัง การเปลี่ยนกลูโคสสูงกว่า T1
) T4 ( 95 - 98 % ) เมื่อเทียบกับ 88 - 92 % T5 และ T6 . ถึงแม้ว่าฟรักโทส ศึกษาเพิ่มเติมจากมันสำปะหลัง
( 8.36 – 978 เปอร์เซ็นต์ ) มากกว่ามันฝรั่งหวาน ( 5.2 ) 6.0 ) , การแปลงค่าใกล้เคียง ( 37 - 38 % ) ทั้งราก
ต้นทุนการผลิตของ HFS สามารถลดลงได้โดยตรงโดยใช้เอนไซม์น้ำราก stargen .
ความเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตอุตสาหกรรม ( เกี่ยวข้องกับสามขั้นตอนค่าเอนไซม์เข้มข้น
, เช่น ,เส้น และ การแยก และวัตถุดิบหลัก คือ แป้ง เศรษฐกิจการผลิต
ใช้ถูกกว่าวัตถุดิบและหนึ่งเดียวของกระบวนการเป็นปัจจัยชี้ขาดใน
อย่างกว้างขวางใช้ HFS ในการพัฒนาและประเทศที่พัฒนาน้อยกว่า การศึกษาครั้งนี้ที่โดยตรงแปลงมันสำปะหลัง
น้ำรากมันเทศ ( โดยไม่มีการแปลงเป็นแป้ง ) ผ่านการใช้
เพิ่มเอนไซม์ เช่น spezyme stargen และอ่อนและสภาวะ pH และอุณหภูมิ ต้นทุน
การผลิต HFS สามารถลดลงได้โดยการใช้สารละลายรากเปียกและการปฏิบัติ stargen ช่วย
saccharification ที่อุณหภูมิ ห้อง ตามด้วยการแยก ที่ 60 องศา C โดยใช้ sweetzyme T