The metabolic pathway for ethylene

The metabolic pathway for ethylene glycol is shown in Figure 3-3. Asterisks indicate rate-limiting steps
in the pathway. The metabolism of ethylene glycol was reviewed by NTP-CERHR (2004) and Slikker et
al. (2004). Ethylene glycol is converted to glycolaldehyde by nicotinamide adenine dinucleotide (NAD)­
dependent alcohol dehydrogenase. Subsequent reduction of NAD results in the formation of lactic acid
from pyruvate. Glycolaldehyde has a brief half-life and is rapidly converted to glycolic acid (and to a
lesser extent glyoxal) by aldehyde dehydrogenase and aldehyde oxidase, respectively. Glycolic acid is
oxidized to glyoxylic acid by glycolic acid oxidase or lactic dehydrogenase. Glyoxylic acid can be
metabolized to formate, glycine, or malate, all of which may be further broken down to generate
respiratory CO2, or to oxalic acid, which is excreted in the urine. In excess, oxalic acid can form calcium
oxalate crystals. Rate-limiting steps in the metabolism of ethylene glycol include the initial formation of
glycolaldehyde and the conversion of glycolic acid to glyoxylic acid, both of which are saturable
processes. The conversion of glycolic acid to glyoxylic acid is the most rate-limiting step in ethylene
glycol metabolism (Slikker et al. 2004).
Both glycolic acid and oxalic acid are found in the blood and urine of unexposed individuals as a result of
normal metabolism of proteins and carbohydrates (NTP-CERHR 2004). The ranges of background levels
of glycolic acid are 0.0044–0.0329 mM (plasma) and 0.075–0.790 mM (urine) (NTP-CERHR 2004). For
oxalic acid, the background ranges are 0.002–0.0233 mM (plasma) and 0.086–0.444 mM (urine) (NTPCERHR
2004).
In volunteers who inhaled 13C-ethylene glycol for 4 hours, glycolic acid concentrations in the plasma
peaked at about 4–5 hours after the commencement of exposure (Carstens et al. 2003). About 1% of the
estimated dose of 0.96–1.51 mg/kg was excreted in the urine as glycolic acid, and 0.08–0.28% was
excreted as oxalic acid over 30 hours. Expired CO2 was not measured in this study. Similar results were
obtained for two other similarly exposed volunteers (Upadhyay et al. 2008).
Plasma glycolate levels of 12.2 and 15.4 mmol/L were reported upon hospital admission of an infant
female and an adult male, respectively, with ethylene glycol intoxication after oral exposure (Hewlett et
al. 1986). The infant survived, while the adult male died, probably due to delayed treatment. In a case

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เมแทบอลิซึมในเอทิลีน glycol ถูกแสดงในรูป 3-3 เครื่องหมายดอกจันแสดงขั้นตอนการจำกัดอัตราในทางเดิน เมแทบอลิซึมของเอทิลีน glycol ถูกตรวจทาน โดย NTP-CERHR (2004) และ Slikker etal. (2004) เอทิลีน glycol ถูกแปลงเป็น glycolaldehyde โดย nicotinamide adenine dinucleotide (และ)เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้น dehydrogenase ต่อมาลดลงและเกิดการก่อตัวของกรดจาก pyruvate Glycolaldehyde มี half-life สั้น ๆ และรวดเร็วแปลงกรด glycolic (และการน้อยกว่าขอบเขต glyoxal) แอลดีไฮด์ dehydrogenase และแอลดีไฮด์ oxidase ตามลำดับ กรด glycolicออกซิไดซ์ให้กรด glyoxylic oxidase กรด glycolic หรือ dehydrogenase แล็กติก กรด Glyoxylic สามารถmetabolized ไปรูปแบบเอกสาร glycine มาลาเต ซึ่งอาจเพิ่มเติมแบ่งเพื่อสร้างCO2 ที่หายใจ หรือการที่กรดออกซาลิก ซึ่งจะ excreted ในปัสสาวะ ในส่วนที่เกิน กรดออกซาลิกสามารถสร้างแคลเซียมออกซาเลตผลึก จำกัดอัตราขั้นตอนในการเผาผลาญของ glycol เอทิลีนรวมถึงการก่อตัวเริ่มต้นของการแปลงของกรด glycolic glyoxylic กรด ซึ่งทั้งสองมี saturable และ glycolaldehydeกระบวนการทาง การแปลงของกรด glycolic glyoxylic กรดเป็นขั้นตอนสุดอัตราจำกัดในเอทิลีนเผาผลาญ glycol (Slikker et al. 2004)พบกรดออกซาลิกและกรด glycolic ในเลือดและปัสสาวะของ unexposed บุคคลเป็นผลมาจากปกติเผาผลาญโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต (NTP CERHR 2004) ช่วงของระดับพื้นเป็นกรด glycolic 0.0044-0.0329 มม. (พลาสมา) และ 0.075-0.790 มม. (ปัสสาวะ) (NTP CERHR 2004) สำหรับกรดออกซาลิก ช่วงพื้นหลัง 0.002-0.0233 มม. (พลาสมา) และ 0.086 – 0.444 มม. (ปัสสาวะ) (NTPCERHR2004)ในอาสาสมัคร ที่ช่วยใน 13C เอทิลีนเอทิ 4 ชั่วโมง ความเข้มข้นกรด glycolic ในพลาสมาpeaked ที่ประมาณ 4-5 ชั่วโมงหลังจากที่เริ่มดำเนินการเปิดรับแสง (Carstens et al. 2003) ประมาณ 1% ของการปริมาณที่ประเมินของ 0.96-1.51 มิลลิกรัม/กิโลกรัมถูก excreted ในปัสสาวะเป็นกรด glycolic, 0.08 – 0.28% ถูกexcreted เป็นกรดออกซาลิกกว่า 30 ชั่วโมง ไม่ได้วัด CO2 หมดอายุในการศึกษานี้ มีผลคล้ายกันได้สองอื่น ๆ สัมผัสรับอาสาสมัคร (Upadhyay et al. 2008)มีรายงานระดับพลาสมา glycolate 12.2 และ 15.4 mmol/L เมื่อเข้าโรงพยาบาลของทารกเพศหญิงและชาย ตามลำดับ กับเอทิลีน glycol intoxication หลังจากรับปากผู้ใหญ่ (Hewlett ร้อยเอ็ดal. 1986) ทารกรอดชีวิต ในขณะที่เพศชายผู้ใหญ่เสียชีวิต อาจเนื่องจากการรักษาที่ล่าช้า ในกรณี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เส้นทางการเผาผลาญของเอทิลีนไกลคอลสำหรับแสดงในรูปที่ 3-3 ดอกจันบ่งชี้ขั้นตอนการ จำกัด
อัตราการในทางเดิน การเผาผลาญอาหารของเอทิลีนไกลคอลที่ได้รับการตรวจสอบโดย NTP-CERHR (2004) และ Slikker et
al, (2004) เอทิลีนไกลคอลจะถูกแปลงเป็น glycolaldehyde โดย Nicotinamide adenine dinucleotide (NAD)
dehydrogenase แอลกอฮอล์ขึ้น ลดผลที่ตามมาของ NAD
ในรูปแบบของกรดแลคติกจากไพรู Glycolaldehyde มีครึ่งชีวิตสั้นและถูกแปลงอย่างรวดเร็วกรดไกลโคลิ (และ
glyoxal ระดับที่น้อยกว่า) โดย dehydrogenase ลดีไฮด์และ oxidase ลดีไฮด์ตามลำดับ กรดไกลโคลิถูกออกซิไดซ์ที่จะ glyoxylic กรดไกลโคลิก oxidase หรือกรดแลคติก dehydrogenase
กรด Glyoxylic
สามารถเผาผลาญไปยังรูปแบบ, glycine หรือ malate ซึ่งทั้งหมดอาจจะถูกทำลายลงไปเพื่อสร้าง
CO2 ระบบทางเดินหายใจหรือกรดออกซาลิซึ่งถูกขับออกมาในปัสสาวะ ในส่วนที่เกิน,
กรดออกซาลิสามารถสร้างแคลเซียมผลึกออกซาเลต ขั้นตอนการ จำกัด อัตราการในการเผาผลาญเอทิลีนไกลคอลรวมถึงการก่อตัวเริ่มต้นของ
glycolaldehyde และการเปลี่ยนแปลงของกรดไกลโคลิเพื่อ glyoxylic กรดทั้งสองซึ่งเป็น saturable
กระบวนการ การแปลงของกรดไกลโคลิกที่จะ glyoxylic กรดเป็นขั้นตอนการ จำกัด
อัตราการมากที่สุดในเอทิลีนเผาผลาญไกลคอล(Slikker et al. 2004). ทั้งกรดไกลโคลิกและกรดออกซาลิกที่พบในเลือดและปัสสาวะของบุคคลที่ยังไม่ได้ถ่ายเป็นผลมาจากการเผาผลาญอาหารปกติของโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต (NTP-CERHR 2004) ช่วงของระดับพื้นหลังของกรดไกลโคลิมี 0.0044-0.0329 มิลลิ (พลาสม่า) และ 0.075-0.790 มิลลิ (ปัสสาวะ) (NTP-CERHR 2004) สำหรับกรดออกซาลิช่วงพื้นหลังที่มี 0.002-0.0233 มิลลิ (พลาสม่า) และ 0.086-0.444 มิลลิ (ปัสสาวะ) (NTPCERHR 2004). ในอาสาสมัครที่สูดดมไกลคอลเอทิลีน 13C-4 ชั่วโมงความเข้มข้นของกรดไกลโคลิกในพลาสมาแหลมที่ประมาณ4 -5 ชั่วโมงหลังจากที่เริ่มต้นของการเปิดรับแสง (Carstens et al. 2003) ประมาณ 1% ของปริมาณประมาณ0.96-1.51 มิลลิกรัม / กิโลกรัมถูกขับออกมาในปัสสาวะเป็นกรดไกลโคลิและ 0.08-0.28% ถูกขับออกมาเป็นกรดออกซาลิกว่า30 ชั่วโมง CO2 หมดอายุไม่ได้วัดในการศึกษานี้ ผลที่คล้ายกันได้รับสำหรับอีกสองอาสาสมัครสัมผัสทำนองเดียวกัน (Upadhyay et al. 2008). พลาสม่าระดับไกลโค 12.2 และ 15.4 มิลลิโมล / ลิตรได้รับรายงานเมื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลของเด็กทารกหญิงและชายเป็นผู้ใหญ่ตามลำดับด้วยความมึนเมาไกลคอลเอทิลีนหลังจากที่ช่องปากการสัมผัส (Hewlett et al. 1986) ทารกที่รอดชีวิตในขณะที่ผู้ใหญ่เพศชายเสียชีวิตอาจเป็นเพราะการรักษาที่ล่าช้า ในกรณีที่