Earth is our home planet. Scientist

Earth is our home planet. Scientists believe Earth and its moon formed around the same time as the rest of the solar system. They think that was about 4.5 billion years ago. Earth is the fifth-largest planet in the solar system. Its diameter is about 8,000 miles. And Earth is the third-closest planet to the sun. Its average distance from the sun is about 93 million miles. Only Mercury and Venus are closer.

Earth has been called the "Goldilocks planet." In the story of "Goldilocks and the Three Bears," a little girl named Goldilocks liked everything just right. Her porridge couldn't be too hot or too cold. And her bed couldn't be too hard or too soft. On Earth, everything is just right for life to exist. It's warm, but not too warm. And it has water, but not too much water.

Earth is the only planet known to have large amounts of liquid water. Liquid water is essential for life. Earth is the only planet where life is known to exist.


What Does Earth Look Like?
From space, Earth looks like a blue marble with white swirls and areas of brown, yellow, green and white. The blue is water, which covers about 71 percent of Earth's surface. The white swirls are clouds. The areas of brown, yellow and green are land. And the areas of white are ice and snow.

The equator is an imaginary circle that divides Earth into two halves. The northern half is called the Northern Hemisphere. The southern half is called the Southern Hemisphere. The northernmost point on Earth is called the North Pole. The southernmost point on Earth is called the South Pole.


How Does Earth Move?
Earth orbits the sun once every 365 days, or one year. The shape of its orbit is not quite a perfect circle. It's more like an oval, which causes Earth's distance from the sun to vary during the year. Earth is nearest the sun, or at "perihelion," in January when it's about 91 million miles away. Earth is farthest from the sun, or at "aphelion," in July when it's about 95 million miles away.

At the equator, Earth spins at just over 1,000 miles per hour. Earth makes a full spin around its axis once every 24 hours, or one day. The axis is an imaginary line through the center of the planet from the North Pole to the South Pole. Rather than straight up and down, Earth's axis is tilted at an angle of 23.5 degrees.


Why Do We Have Day and Night?
At all times, half of Earth is lighted by the sun and half is in darkness. Areas facing toward the sun experience daytime. Areas facing away from the sun experience nighttime. As the planet spins, most places on Earth cycle through day and night once every 24 hours. The North Pole and South Pole have continuous daylight or darkness depending on the time of year.


Why Does Earth Have Seasons?
Earth has seasons because its axis is tilted. Thus, the sun's rays hit different parts of the planet more directly depending on the time of year.

From June to August, the sun's rays hit the Northern Hemisphere more directly than the Southern Hemisphere. The result is warm (summer) weather in the Northern Hemisphere and cold (winter) weather in the Southern Hemisphere.

From December to February, the sun's rays hit the Northern Hemisphere less directly than the Southern Hemisphere. The result is cold (winter) weather in the Northern Hemisphere and warm (summer) weather in the Southern Hemisphere.

From September to November, the sun shines equally on both hemispheres. The result is fall in the Northern Hemisphere and spring in the Southern Hemisphere.

The sun also shines equally on both hemispheres from March to May. The result is spring in the Northern Hemisphere and fall in the Southern Hemisphere.


What Are Earth's Different Parts?
Earth consists of land, air, water and life. The land contains mountains, valleys and flat areas. The air is made up of different gases, mainly nitrogen and oxygen. The water includes oceans, lakes, rivers, streams, rain, snow and ice. Life consists of people, animals and plants. There are millions of species, or kinds of life, on Earth. Their sizes range from very tiny to very large.

Below Earth's surface are layers of rock and metal. Temperatures increase with depth, all the way to about 12,000 degrees Fahrenheit at Earth's inner core.

Earth's parts once were seen as largely separate from each other. But now they are viewed together as the "Earth system." Each part connects to and affects each of the other parts. For example:

Clouds in the air drop rain and snow on land.
Water gives life to plants and animals.
Volcanoes on land send gas and dust into the air.
People breathe air and drink water.
Earth system science is the study of interactions between and among Earth's different parts.


Why and How Does NASA Study Earth?
NASA studies Earth to learn about how the planet changes. Earth's parts - land, air, water and life - are always changing. Some of the changes are natural and some are caused by humans. Scientists want to understand how Earth has changed in the past and how it is changing now. This information helps them predict how Earth might change in the future.

NASA studies Earth using satellites. Satellites look toward Earth from space. They take pictures of, and collect information about, all of Earth's parts. NASA satellites are especially good for observing clouds, oceans, land and ice. They also measure gases in the atmosphere, such as ozone and carbon dioxide. They measure how much energy enters and leaves Earth's atmosphere. And they monitor wildfires, volcanoes and their smoke.

Information gathered by NASA satellites helps scientists predict weather and climate. It also helps public health officials track disease and famine. It helps farmers decide when to plant crops and what kinds to plant. And it helps emergency workers respond to natural disasters.

The more people know about Earth and its current and predicted changes, the better decisions they can make.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โลกเป็นดาวเคราะห์ของเรา นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าโลกและดวงจันทร์เกิดขึ้นทั่วกันส่วนที่เหลือของระบบสุริยะ พวกเขาคิดว่า ที่เป็นประมาณ 4.5 พันล้านปีที่ผ่านมา โลกเป็นดาวเคราะห์ที่ห้าที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ ของเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8000 ไมล์ได้ และโลกเป็นดาวเคราะห์ที่สามใกล้แดด ของระยะห่างเฉลี่ยจากดวงอาทิตย์ประมาณ 93 ล้านไมล์ได้ ดาวพุธและดาวศุกร์เท่านั้นอยู่ใกล้ชิดโลกมีการเรียก "Goldilocks โลก" ในเรื่องของ "Goldilocks และสามหมี" สาวน้อยชื่อ Goldilocks ชอบทุกอย่างเหมาะสม ข้าวต้มของเธอไม่ได้ร้อนเกินไป หรือเย็นเกินไป และเตียงของเธอไม่ได้ยากเกินไป หรืออ่อนเกินไป บนโลก ทุกอย่างถูกต้องในชีวิตที่เรามีอยู่ อบอุ่น แต่อบอุ่นเกินไปไม่ได้ และมีน้ำ แต่น้ำไม่มากเกินไปโลกเป็นดาวเคราะห์เท่านั้นที่ทราบว่ามีน้ำของเหลวจำนวนมาก น้ำน้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต โลกเป็นดาวเคราะห์เท่านั้นที่ชีวิตเป็นที่รู้จักกันอยู่อะไรไม่เอิร์ทเหมือนจากอวกาศ โลกดูเหมือนหินอ่อนสีขาว swirls และพื้นที่สีน้ำตาล สีเหลือง สีเขียว และสีขาว สีน้ำเงินคือ น้ำ ซึ่งครอบคลุมประมาณร้อยละ 71 ของพื้นผิวโลก Swirls สีขาวเป็นเมฆ พื้นที่สีน้ำตาล สีเหลือง และสีเขียวมีที่ดิน และพื้นที่สีขาวคือ น้ำแข็งและหิมะเส้นศูนย์สูตรเป็นวงกลมเป็นจินตภาพที่แบ่งโลกออกเป็นสองซีก ครึ่งทางเหนือเรียกว่าซีกโลกเหนือ ครึ่งทางภาคใต้เรียกว่าซีกโลกใต้ จุดเหนือสุดในโลกคือขั้วโลกเหนือ จุดทางตอนบนโลกเรียกว่าขั้วโลกใต้วิธีไม่โลกย้ายโลก orbits อาทิตย์ครั้งทุก 365 วัน หรือ 1 ปี รูปร่างของวงโคจรไม่ค่อนข้างกลม มันเป็นเหมือนวง ซึ่งทำให้โลกห่างจากดวงอาทิตย์จะแตกต่างกันในระหว่างปี โลกอยู่ ใกล้ดวงอาทิตย์ หรือ "perihelion ในเดือนมกราคมก็คงจะประมาณ 91 ล้านไมล์ออกไป โลกนี้ farthest from อาทิตย์ หรือ "aphelion ในเดือนกรกฎาคมจะเป็นประมาณ 95 ล้านไมล์ออกไปที่เส้นศูนย์สูตร โลกหมุนที่มากกว่า 1000 ไมล์ต่อชั่วโมง โลกทำให้หมุนเต็มรอบแกนของหนึ่งครั้งทุก 24 ชั่วโมง หรือ วันหนึ่ง แกนเป็นบรรทัดจินตภาพผ่านศูนย์กลางของโลกจากขั้วโลกเหนือไปขั้วโลกใต้ แทนที่จะตรงขึ้นและลง แกนของโลกจะยืดเป็นมุม 23.5 องศาทำไมเรามีกลางวันกลางคืนตลอดเวลา ครึ่งหนึ่งของแผ่นดินเป็นไฟส่องสว่างจากแสงแดด และครึ่งหนึ่งอยู่ในความมืด พื้นที่หันหน้าไปทางดวงอาทิตย์พบเวลากลางวัน พื้นที่ที่หันออกจากดวงอาทิตย์พบเวลากลางคืน ขณะที่โลกหมุน สถานส่วนใหญ่บนโลกวนรอบเมื่อกลางวันและกลางคืนทุก ๆ 24 ชั่วโมง ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้มีตามฤดูกาลอย่างต่อเนื่องหรือความมืดตามปีทำไมโลกไม่มีซีซั่นโลกมีฤดูกาลเนื่องจากแกนของมันยืด ดังนั้น รังสีเข้าชมส่วนต่าง ๆ ของโลกมากขึ้นโดยตรงตามปีจากเดือนมิถุนายน–สิงหาคม แดดตีซีกโลกเหนือตรงกว่าซีกโลกใต้ ผลคือ สภาพอากาศอบอุ่น (ร้อน) ในซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้อากาศเย็น (หนาว)จากเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ แดดตีซีกโลกเหนือน้อยโดยตรงมากกว่าซีกโลกใต้ ผลคือ อากาศเย็น (หนาว) ในซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้อากาศอบอุ่น (ร้อน)จากเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน ดวงอาทิตย์ส่องเท่า ๆ กันบนฟิลิปดาทั้งนั้น ผลที่ได้คือ ฤดูใบไม้ร่วงในซีกโลกเหนือและฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกใต้ดวงอาทิตย์ยังส่องเท่า ๆ กันในทั้งสองฟิลิปดาจากเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ผลคือ ฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกเหนือและฤดูใบไม้ร่วงในซีกโลกใต้ส่วนต่าง ๆ ของโลกมีอะไรบ้างโลกประกอบด้วยแผ่นดิน อากาศ น้ำ และชีวิต แผ่นดินประกอบด้วยภูเขา หุบเขา และพื้นที่ราบ อากาศถูกสร้างขึ้นจากก๊าซต่าง ๆ ไนโตรเจนและออกซิเจนส่วนใหญ่ น้ำมีมหาสมุทร ทะเลสาบ แม่น้ำ ลำธาร ฝน หิมะ และน้ำแข็ง ชีวิตประกอบด้วยของคน สัตว์ และพืช มีนับล้านสายพันธุ์ หรือชนิดของสิ่งมีชีวิต โลก ของขนาดตั้งแต่เล็กมากใหญ่มากใต้พื้นผิวโลกเป็นชั้นของหินและโลหะ อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นกับความลึก ไปทางประมาณ 12000 องศาฟาเรนไฮต์ที่แกนภายในของโลกส่วนของโลกเมื่อได้เห็นเป็นส่วนใหญ่แยกออกจากกัน แต่ตอนนี้ ดูกันเป็น "โลกระบบ" แต่ละส่วนเชื่อมโยง และส่งผลกระทบต่อส่วนอื่น ๆ แต่ละ ตัวอย่าง:เมฆในอากาศปล่อยฝนและหิมะบนพื้นดินน้ำให้ชีวิตพืชและสัตว์ในที่ดินส่งก๊าซและฝุ่นละอองในอากาศคนหายใจอากาศ และน้ำดื่มวิทยาศาสตร์ระบบโลกการศึกษาของการโต้ตอบระหว่าง และ ระหว่างส่วนต่าง ๆ ของโลกได้ทำไม และอย่างไรไม่ NASA เรียนโลกนาซ่าศึกษาโลกเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเปลี่ยนแปลงของโลก ชิ้นส่วนของแผ่นดิน -แผ่นดิน อากาศ น้ำ และชีวิต - จะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การเปลี่ยนแปลงบางอย่างเป็นธรรมชาติ และบางส่วนที่เกิดจากมนุษย์ นักวิทยาศาสตร์ต้องเข้าใจว่ามีการเปลี่ยนแปลงโลกในอดีตและวิธีนั้นมีการเปลี่ยนแปลงนี้ ข้อมูลนี้ช่วยให้พวกเขาที่ทำนายว่า โลกอาจเปลี่ยนแปลงในอนาคตนาซ่าศึกษาโลกโดยใช้ดาวเทียม ดาวเทียมมองไปทางโลกจากอวกาศ จะใช้รูปภาพของ และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ทุกชิ้นส่วนของโลก ดาวเทียมนาซ่าได้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสังเกตเมฆ มหาสมุทร ที่ดิน และน้ำแข็ง นอกจากนี้พวกเขายังวัดก๊าซในบรรยากาศ โอโซนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พวกเขาวัดเท่าใดพลังงานเข้าสู่ และออกจากบรรยากาศของโลก และพวกเขาตรวจสอบ wildfires ภูเขาไฟ และควันของพวกเขาข้อมูลที่รวบรวม โดยดาวเทียมนาซาช่วยให้นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์สภาพอากาศและสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ยังช่วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขติดตามโรคและภาวะ ช่วยเกษตรกรกำหนดเวลาปลูกพืชชนิดใดปลูก และช่วยให้คนที่ตอบสนองต่อภัยพิบัติฉุกเฉินคนรู้เกี่ยวกับโลกของปัจจุบัน และคาดการณ์การเปลี่ยนแปลง ที่พวกเขาสามารถทำให้ตัดสินใจได้ดี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โลกเป็นดาวเคราะห์บ้านของเรา นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าโลกและดวงจันทร์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณเดียวกับส่วนที่เหลือของระบบสุริยะ พวกเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับ 4.5 พันล้านปีที่ผ่านมา โลกเป็นดาวเคราะห์ที่ห้าที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยจักรวาล เส้นผ่าศูนย์กลางของมันคือประมาณ 8,000 ไมล์ และโลกเป็นดาวเคราะห์ที่สามที่ใกล้เคียงกับดวงอาทิตย์ ระยะทางเฉลี่ยจากดวงอาทิตย์ประมาณ 93 ล้านไมล์ เพียงดาวพุธและดาวศุกร์มีความใกล้ชิด. โลกที่ได้รับการเรียกว่า "โลก Goldilocks." ในเรื่องของ "Goldilocks และหมีสาม" สาวน้อยชื่อ Goldilocks ชอบทุกอย่างเพียงขวา โจ๊กของเธอไม่สามารถจะร้อนเกินไปหรือเย็นเกินไป และเตียงของเธออาจจะไม่แข็งหรืออ่อนเกินไป บนโลกทุกอย่างเป็นเพียงที่เหมาะสมสำหรับชีวิตอยู่ มันอบอุ่น แต่ไม่อบอุ่นเกินไป และก็จะมีน้ำ แต่น้ำไม่มากเกินไป. โลกเป็นดาวเคราะห์เพียงรู้จักกันจะมีจำนวนมากของน้ำในสถานะของเหลว น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต โลกเป็นดาวเคราะห์ที่เดียวที่มีชีวิตเป็นสิ่งที่รู้กันอยู่. สิ่งที่โลกมีลักษณะอย่างไร? จากพื้นที่โลกดูเหมือนจะเป็นหินอ่อนสีฟ้าที่มี swirls สีขาวและพื้นที่ของสีน้ำตาล, สีเหลือง, สีเขียวและสีขาว สีฟ้าคือน้ำซึ่งครอบคลุมประมาณร้อยละ 71 ของพื้นผิวโลก swirls สีขาวเมฆ พื้นที่ของสีน้ำตาล, สีเหลืองและสีเขียวที่ดิน และพื้นที่สีขาวที่มีน้ำแข็งและหิมะ. เส้นศูนย์สูตรเป็นวงกลมจินตนาการที่แบ่งโลกออกเป็นสองส่วน ทางเหนือเรียกว่าซีกโลกเหนือ ภาคใต้เรียกว่าซีกโลกใต้ จุดเหนือสุดในโลกที่เรียกว่าขั้วโลกเหนือ จุดใต้สุดบนโลกที่เรียกว่าขั้วโลกใต้. วิธีย้ายโลกไม่? โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ทุกๆ 365 วันหรือหนึ่งปี รูปร่างของวงโคจรของมันไม่ได้ค่อนข้างเป็นวงกลมที่สมบูรณ์แบบ ก็มากขึ้นเช่นรูปไข่ซึ่งเป็นสาเหตุของโลกระยะทางจากดวงอาทิตย์ที่แตกต่างกันในระหว่างปี โลกที่ใกล้ที่สุดคือดวงอาทิตย์หรือที่ "ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด" ในเดือนมกราคมเมื่อมันเป็นเรื่องของ 91 ล้านห่างออกไป โลกเป็นไกลจากดวงอาทิตย์หรืออย่าง "เฟรเลียน" ในเดือนกรกฎาคมเมื่อมันประมาณ 95 ล้านห่างออก. ที่เส้นศูนย์สูตรโลกหมุนที่เพียงกว่า 1,000 ไมล์ต่อชั่วโมง ทำให้โลกหมุนรอบแกนเต็มรูปแบบของมันทุกๆ 24 ชั่วโมงหรือหนึ่งวัน แกนเป็นเส้นสมมุติผ่านศูนย์กลางของโลกจากขั้วโลกเหนือไปขั้วโลกใต้ แทนที่จะตรงขึ้นและลงแกนของโลกเอียงทำมุม 23.5 องศา. ทำไมเรามีกลางวันและกลางคืน? ทุกครั้งที่ครึ่งหนึ่งของโลกจะได้ลงจากดวงอาทิตย์และอีกครึ่งหนึ่งอยู่ในความมืด พื้นที่หันไปทางประสบการณ์ของดวงอาทิตย์ในเวลากลางวัน หันหน้าไปทางพื้นที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ประสบการณ์กลางคืน ขณะที่โลกหมุน, สถานที่มากที่สุดในรอบโลกผ่านวันและคืนหนึ่งครั้งทุก 24 ชั่วโมง ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้มีเวลากลางวันต่อเนื่องหรือความมืดขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของปี. ทำไมโลกมีซีซั่น? โลกมีฤดูกาลเพราะแกนของมันเอียง ดังนั้นรังสีดวงอาทิตย์ตีส่วนต่าง ๆ ของโลกโดยตรงขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของปี. ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมรังสีดวงอาทิตย์ตีซีกโลกเหนือโดยตรงกว่าซีกโลกภาคใต้ ผลที่ได้คือความอบอุ่น (ฤดูร้อน) สภาพอากาศในซีกโลกเหนือและเย็น (ฤดูหนาว) สภาพอากาศในซีกโลกใต้. ตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์รังสีดวงอาทิตย์ที่ตีซีกโลกเหนือน้อยโดยตรงกว่าซีกโลกภาคใต้ ผลที่ได้คือเย็น (ฤดูหนาว) สภาพอากาศในซีกโลกภาคเหนือและอบอุ่น (ฤดูร้อน) สภาพอากาศในซีกโลกใต้. ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายนดวงอาทิตย์ส่องอย่างเท่าเทียมกันในซีกโลกทั้งสอง ผลที่ได้คือฤดูใบไม้ร่วงในซีกโลกเหนือและฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกภาคใต้. ดวงอาทิตย์ยังส่องสว่างอย่างเท่าเทียมกันในซีกโลกทั้งสองเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ผลที่ได้คือฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกเหนือและฤดูใบไม้ร่วงในซีกโลกใต้. อะไรคือส่วนที่แตกต่างกันของโลกหรือไม่โลกประกอบด้วยที่ดินอากาศน้ำและชีวิต ที่ดินมีภูเขาหุบเขาและพื้นที่ราบ อากาศที่ถูกสร้างขึ้นของก๊าซที่แตกต่างกันส่วนใหญ่เป็นไนโตรเจนและออกซิเจน น้ำรวมถึงมหาสมุทรทะเลสาบแม่น้ำลำธารฝนหิมะและน้ำแข็ง ชีวิตประกอบด้วยคนสัตว์และพืช มีล้านชนิดหรือชนิดของสิ่งมีชีวิตบนโลกเป็น ขนาดของพวกเขามีตั้งแต่ขนาดเล็กมากที่จะมีขนาดใหญ่มาก. ด้านล่างพื้นผิวโลกมีชั้นของหินและโลหะ อุณหภูมิเพิ่มขึ้นด้วยการเจาะลึกทุกทางไปประมาณ 12,000 องศาฟาเรนไฮต์ที่แกนของโลก. ชิ้นส่วนของโลกที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นส่วนใหญ่ที่แยกต่างหากจากกัน แต่ตอนนี้พวกเขาจะดูด้วยกันว่า "ระบบโลก." แต่ละส่วนเชื่อมต่อและมีผลต่อแต่ละส่วนอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น:. เมฆในสายฝนลดลงอากาศและหิมะบนที่ดินน้ำให้ชีวิตแก่พืชและสัตว์. ภูเขาไฟบนที่ดินส่งก๊าซและฝุ่นละอองในอากาศ. คนสูดอากาศและน้ำดื่ม. วิทยาศาสตร์ระบบโลกคือการศึกษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างและ ในหมู่ส่วนต่าง ๆ ของโลก. ทำไมและอย่างไรโลกนาซาศึกษา? ศึกษานาซาโลกที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเปลี่ยนแปลงโลก ชิ้นส่วนของโลก - ที่ดินอากาศน้ำและชีวิต - มีการเปลี่ยนแปลงเสมอ การเปลี่ยนแปลงบางอย่างเป็นธรรมชาติและบางส่วนที่เกิดจากมนุษย์ นักวิทยาศาสตร์ต้องการที่จะเข้าใจวิธีการที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงในอดีตที่ผ่านมาและวิธีการที่จะมีการเปลี่ยนแปลงในขณะนี้ ข้อมูลนี้จะช่วยให้พวกเขาคาดการณ์ว่าโลกอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต. ศึกษานาซาโลกโดยใช้ดาวเทียม มองไปทางดาวเทียมโลกจากอวกาศ พวกเขาถ่ายภาพและเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทุกส่วนของโลก ดาวเทียมนาซ่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดีสำหรับการสังเกตเมฆมหาสมุทรที่ดินและน้ำแข็ง พวกเขายังวัดก๊าซในชั้นบรรยากาศเช่นโอโซนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พวกเขาวัดพลังงานเท่าใดเข้ามาและออกจากชั้นบรรยากาศของโลก และพวกเขาตรวจสอบไฟป่าภูเขาไฟและควันของพวกเขา. ข้อมูลที่รวบรวมโดยดาวเทียมของนาซ่าจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์สภาพอากาศและสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ยังช่วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขติดตามการเกิดโรคและความอดอยาก มันจะช่วยให้เกษตรกรตัดสินใจเมื่อจะปลูกพืชผลและสิ่งที่ชนิดที่จะปลูก และมันจะช่วยให้พนักงานฉุกเฉินตอบสนองต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ. คนที่รู้เกี่ยวกับโลกและในปัจจุบันและคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจที่ดีกว่าพวกเขาสามารถทำให้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โลกเป็นดาวเคราะห์บ้านของเรา นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า โลก และดวงจันทร์ของมันเกิดขึ้นเวลาประมาณเดียวกับส่วนที่เหลือของระบบพลังงานแสงอาทิตย์ พวกเขาคิดว่าประมาณ 4.5 พันล้านปีมาแล้ว โลกเป็นดาวเคราะห์ที่ 5 ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 8 , 000 ไมล์ และแผ่นดินโลกเป็นดาวเคราะห์ที่สามใกล้ดวงอาทิตย์ ระยะห่างเฉลี่ยจากดวงอาทิตย์ประมาณ 93 ล้านไมล์แต่ดาวพุธและดาวศุกร์อยู่ใกล้

โลกได้รับการเรียกว่า " ดาวเคราะห์ Goldilocks " ในเรื่องของ " Goldilocks และหมีสามตัว " สาวน้อยที่ชื่อ Goldilocks ชอบทุกอย่างเพียงขวา ข้าวต้มของเธอไม่อาจจะร้อนเกินไป หรือหนาวเกินไป และเตียงที่เธอไม่อาจจะยากเกินไปหรืออ่อนเกินไป บนโลกนี้ ทุกอย่างเป็นเพียงที่เหมาะสมสำหรับชีวิตมีอยู่ มันอุ่น แต่ไม่ร้อนด้วย และมันมีน้ำแต่อย่ามากเกินไปน้ำ

โลกเป็นดาวดวงเดียวที่รู้จักกันมีจำนวนมากของของเหลว ของเหลวน้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต โลกเป็นดาวเคราะห์เพียงที่ชีวิตรู้จักอยู่


อะไรที่โลกมีลักษณะอย่างไร
จากอวกาศ โลกเหมือนลูกแก้วสีฟ้ากับสีขาว swirls และพื้นที่สีน้ำตาล สีเหลือง สีเขียว และสีขาว สีฟ้าคือน้ำ ซึ่งครอบคลุมถึง 71 เปอร์เซ็นต์ของพื้นผิวโลกวงสีขาวเมฆ พื้นที่สีน้ำตาล สีเหลือง และสีเขียวที่ดิน และพื้นที่สีขาวมีน้ำแข็งและหิมะ

เส้นศูนย์สูตรเป็นจินตภาพ วงกลมที่แบ่งโลกออกเป็นสองส่วน ครึ่งเหนือเรียกว่า ซีกโลกเหนือ ส่วนภาคใต้เรียกว่า ซีกโลกใต้ จุดเหนือสุดบนโลกเรียกว่าขั้วโลกเหนือจุดใต้สุดบนโลกเรียกว่าขั้วโลกใต้


ทำไมโลกย้าย ?
โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ทุกๆ 365 วัน หรือ 1 ปี รูปร่างของวงโคจรเป็นวงกลมค่อนข้างสมบูรณ์แบบ มันเหมือนเป็นวงรี ทำให้โลกของระยะห่างจากดวงอาทิตย์แตกต่างกันไปในระหว่างปี โลกใกล้ดวงอาทิตย์ หรือ " เพริฮีเลียน " ในเดือนมกราคมเมื่อประมาณ 91 ล้านไมล์โลกไกลสุดจากดวงอาทิตย์ หรือ " ความคล้ายคลึง " ในเดือนกรกฎาคมเมื่อประมาณ 95 ล้านไมล์

ที่เส้นศูนย์สูตร โลกหมุนด้วยความเร็วเพียงกว่า 1 , 000 ไมล์ต่อชั่วโมง ที่ทําให้โลกหมุนเต็มรอบแกนของมันทุกๆ 24 ชั่วโมง หรือหนึ่งวัน แกนเป็นจินตภาพเส้นผ่านศูนย์กลางของโลกจากขั้วโลกเหนือไปขั้วโลกใต้ แทนที่จะตรงขึ้นและลงแกนโลกเอียงเป็นมุม 23.5 องศา


ทำไมเราได้วันและคืน
ตลอดเวลา ครึ่งหนึ่งของโลก คือ แสงจากดวงอาทิตย์และครึ่งหนึ่งอยู่ในที่มืด พื้นที่ที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์ประสบการณ์ในเวลากลางวัน พื้นที่ซึ่งอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ประสบการณ์ฝันร้าย ในขณะที่โลกหมุน สถานที่ส่วนใหญ่ในรอบโลกผ่านวันและคืน ทุกๆ 24 ชั่วโมงขั้วโลกเหนือ และขั้วโลกใต้ มีแสงสว่างหรือความมืดอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของปี


ทำไมโลกมีฤดู ?
โลกมีฤดู เพราะแกนมันเอียง . ดังนั้น รังสีดวงอาทิตย์ตีส่วนต่างๆของโลกโดยตรง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของปี

ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม แสงอาทิตย์ส่องกระทบโดยตรงมากกว่าซีกโลกเหนือซีกโลกใต้ผลที่ได้คือความอบอุ่น ( ฤดูร้อน ) สภาพอากาศในซีกโลกเหนือ และเย็น ( หนาว ) อากาศในซีกโลกใต้ .

จากธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ รังสีดวงอาทิตย์ตีซีกโลกเหนือน้อยโดยตรงมากกว่าซีกโลกใต้ ผลที่ได้คือความเย็น ( ฤดูหนาว ) สภาพอากาศในซีกโลกเหนือ และอบอุ่น ( ฤดูร้อน ) อากาศในซีกโลกใต้ .

ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนดวงอาทิตย์ส่องแสงอย่างเท่าเทียมกันทั้งสองซีก ผลที่ได้คือฤดูใบไม้ร่วงในซีกโลกเหนือ และฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกใต้ .

พระอาทิตย์ยังส่องแสงอย่างเท่าเทียมกันทั้งสองซีก ตั้งแต่ เดือนมีนาคม ถึง เดือนพฤษภาคม ผลที่ได้คือฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกเหนือ และฤดูใบไม้ร่วงในซีกโลกภาคใต้


ว่ามีโลกส่วนต่างๆ ?
โลกประกอบด้วยที่ดินอากาศ น้ำ และชีวิต ที่ดินประกอบด้วยภูเขาหุบเขาและพื้นที่ที่แบน อากาศประกอบด้วยแก๊สต่าง ๆส่วนใหญ่เป็นไนโตรเจนและออกซิเจน น้ำ รวมถึง มหาสมุทร ทะเลสาบ แม่น้ำ ลำธาร ฝน หิมะ และน้ำแข็ง ชีวิตประกอบด้วย คน สัตว์ และพืช มีเป็นล้านชนิด หรือชนิดของชีวิตบนโลก ขนาดของพวกเขาช่วงจากขนาดเล็กมากและขนาดใหญ่มาก

ใต้ผิวโลกเป็นชั้นของหินและโลหะอุณหภูมิเพิ่มขึ้นตามความลึก ที่ประมาณ 12 , 000 องศาฟาเรนไฮต์ ที่แกนของโลกภายใน ส่วน

โลกเคยเห็นส่วนใหญ่แยกต่างหากจากแต่ละอื่น ๆ แต่ตอนนี้พวกเขามองกันเป็น " ระบบโลก " แต่ละส่วนเชื่อมต่อและส่งผลกระทบต่อแต่ละส่วนอื่น ตัวอย่าง :

เมฆในอากาศ หยดฝนและหิมะบนพื้น น้ำช่วยให้ชีวิต

พืช และสัตว์ภูเขาไฟบนที่ดินส่งก๊าซและฝุ่นในอากาศ .
คนสูดอากาศและน้ำ .
วิทยาศาสตร์ระบบโลกคือการศึกษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างชิ้นส่วนที่แตกต่างกันของโลก


ทำไมและทำไมนาซาศึกษาโลก
นาซาศึกษาโลกเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการที่โลกเปลี่ยนแปลง ของโลกส่วน - ที่ดิน อากาศ น้ำ และชีวิตเปลี่ยนได้เสมอบางส่วนของการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติและเกิดจากมนุษย์ นักวิทยาศาสตร์ต้องการที่จะเข้าใจวิธีการที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงในอดีตและวิธีการที่มีการเปลี่ยนแปลงในขณะนี้ ข้อมูลนี้จะช่วยให้พวกเขาทำนายว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงในอนาคต

นาซาศึกษาโลก โดยใช้ดาวเทียม ดาวเทียมดูต่อโลกจากอวกาศ พวกเขาถ่ายรูปและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับทุกส่วนของโลกดาวเทียมนาซาจะดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเมฆ สังเกตมหาสมุทร แผ่นดิน และ น้ำแข็ง พวกเขายังวัดก๊าซในชั้นบรรยากาศ เช่น ก๊าซโอโซน และคาร์บอนไดออกไซด์ มันมาตรการเท่าใดพลังงานที่เข้าและออกจากชั้นบรรยากาศของโลก และพวกเขาตรวจสอบไฟป่า , ภูเขาไฟและควัน

รวบรวมข้อมูลจากดาวเทียมของนาซ่า จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์สภาพอากาศและสภาพภูมิอากาศมันยังช่วยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขติดตามโรคและความอดอยาก มันช่วยให้เกษตรกรตัดสินใจปลูกพืช และชนิดที่จะปลูกพืช และมันช่วยให้คนงานฉุกเฉินรับมือภัยพิบัติทางธรรมชาติ

ยิ่งคนรู้เรื่องโลกและการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันและคาดการณ์ของพวกเขาสามารถทำให้การตัดสินใจที่ดี .