Juliane lost consciousness,and she came to several hours latter,still strapped in her seat. Miraculously,she had survived,but she had fractured her collarbone,gashed her right are,and lost vision in one eye.And her ordeal was just beginning. She set out to find the plane and her mother,but all she found were some empty seats.And then suddenly she saw the bodies of three young women still in their seats. Of the 92 people on board the plane, Juliane was the lone survivor. Juliane then wandered away from the crash,wearing torn clothes and only one sandal to try to find help.
จูเลียนหมดสติไปกว่าจะฟื้นก็หลายชั่วโมงให้หลังโดยที่ยังรัดเข็มขัดติดกับที่นั่งอยู่ เธอรอดตายอย่างปาฎิหาริย์แต่ก็กระดูกไหปลาร้าหัก แขนขวามีบาดแผลฉึกขาด ตาข้างหนึ่งก็มองไม่เห็น ความทรมานของเธอเพิ่งจะเริ่มต้น เธอออกเดินค้นหาเครื่องบินและแม่ของเธอแต่ทั้งหมดที่ได้พบก็แค่ที่นั่งว่างเปล่าไม่กี่ที่ ทันใดนั้น เธอเห็นร่างของผู้หญิงสาวสามคนที่ยังคงติดอยู่ในที่นั่ง ในบรรดาคนทั้ง 92 คนบนเครื่อง จูเลียนเป็นคนเดียวที่รอดชีวิต เธอผละจากตำแหน่งเครื่องบินตกเพื่อพยายามหาความช่วยเหลือ นุ่งแต่เสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่งและสวมรองเท้าแตะข้างเดียว
Juliane had been raised by her parents on an ecological site in the jungle,and s he had had survival training.Although in shock,she remembered her father’s advice about surviving in the jungle:she had to locate flowing water and follow it downstream until the water turned onto a navigable river. Once on the river,she might come across natives or others who could help her. As she waded through jungle water,she fought off swarms of insects and leeches,not even caring when crocodiles dived in her path. She used a walking stick to make her way,prodding shapes in the water to protect herself from lethal sting rays.
พ่อแม่เลี้ยงดูจูเลียนให้เติบโตมาในสถานีพิทักษ์นิเวศน์วิทยาแห่งหนึ่งในป่าลึกและเธอเคยได้รับการฝึกอบรมวิธีเอาชีวิตรอดในป่ามาแล้ว ถึงแม้จะอยู่ในสภาพมึนงงแต่เธอก็จำได้ถึงคำแนะนำของพ่อเรื่องการเอาตัวรอดในป่า เธอจะต้องค้นหาลำน้าที่กำลังไหลรินสักสายหนึ่งแล้วก็เดินล่องตามน้ำไปเรื่อยจนกว่ามันจะนำพาไปเจอแม่น้ำสักสายที่เป็นเส้นทางคมนาคม เมื่อถึงแม่น้ำแล้วเธอจะมีโอกาสได้พบชาวพื้นเมืองหรือบุคคลอื่นที่อาจช่วยเธอได้ ขณะที่เธอเดินลุยตามน้ำในป่า เธอต้องต่อสู้กับฝูงแมลงและปลิงเป็นโขยง ไม่สนใจแม้แต่เมื่อจระเข้โดดลงน้ำต่อหน้าต่อตาขวางทางไป เธอใช้ไม้ท่อนหนึ่งทำไม้เท้าช่วยนำทางไป เห็นอะไรน่าสงสัยในน้ำก็เอาไม้แหย่ๆไว้ก่อนเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้โดนพิษร้ายถึงตายจากเงี่ยงปลากระเบน
Despite her broken collarbone and other injuries,Juliane hacked her way through the rainforest.She frequently heard planes overhead,but she had no way to signal them. She drank water,but she was too stunned to eat anything at all. On the tenth day,she stumbled onto a canoe and hut,where she was found hours later by some Peruvian lumbermen.They tried to treat her injuries.One of them used salt and kerosene to clean out the insects that were burued in her skin. Juliane remembers counting thirty-five worms that came out of her arms alone.The following day she was taken on a seven-hour journey by canoe down the river to the town of Tournavista,where a local pilot flew her to her father, in Pucallpa.
ถึงแม้กระดูกไหปลาร้าจะหักรวมทั้งการบาดเจ็บอื่นๆ จูเลียนก็ฟันฝ่าป่ารกชัฏอย่างทรหด เธอได้ยินเสียงเครื่องบินผ่านไปมาเหนือหัวอยู่บ่อยๆแต่เธอไม่มีหนทางจะส่งสัญญาณถึงเครื่องบินได้ เธอดื่มน้ำแต่ก็มึนงงเกินกว่าจะกินอะไร ในวันที่สิบเธอก็โซซัดโซเซมาถึงเรือขุดลำหนึ่งและกระท่อม อีกหลายชั่วโมงต่อมามีคนงานทำไม้ชาวเปรูมาพบเธอเข้า พวกเขาพยายามช่วยรักษาการบาดเจ็บของเธอ คนงานทำไม้คนหนึ่งใช้เกลือและน้ำมันก๊าดทำยาเพื่อล้างเอาแมลงที่ฝังตัวอยู่ในผิวหนัง จูเลียนจำได้ว่าแค่บาดแผลที่แขนก็นับตัวหนอนได้สามสิบห้าตัว วันต่อมาเขาพาเธอลงเรือขุดเดินทางล่องแม่น้ำไปเจ็ดชั่วโมงจึงถึงเมืองทูนาวิสตา นักบินที่นั่นคนหนึ่งพาเธอขึ้นเครื่องไปพบกับพ่อของเธอที่ปูคาลิปา
Julian recovered and went back to Germany,where she became a zoologist. In 1998 she came back to Peru as consultant to Werner Herzog’s documentary about her ordeal,which was called Wings of Hope.
จูเลียนหายดีและกลับไปเยอรมนีซึงเธอได้ไปเรียนจบสัตววิทยา ในปี 1998 เธอกลับมาเปรูอีกครั้งเป็นที่ปรึกษาให้กับการถ่ายทำสารคดีโดยเวอร์เนอร์ เฮอร์ซอก เกี่ยวกับความลำบากของ
Juliane สูญเสียสติ และเธอมาหลายชั่วโมงหลัง ถูกทำโทษยังคง นั่ง ปาฏิหาริย์ เธอรอดชีวิต แต่เธอร้าวกระดูกไหปลาร้าของเธอ gashed ของเธออยู่ด้านขวา และสูญเสียวิสัยทัศน์ในตาข้างหนึ่ง และการทรมานของเธอก็เพิ่งเริ่ม เธอกำหนดเพื่อค้นหาเครื่องบินและแม่ของเธอ แต่ทั้งหมดที่เธอพบถูกบางที่นั่งว่าง แล้ว ทันใดนั้นเธอเห็นร่างของหญิงสาวที่สามยังอยู่ในที่นั่งของพวกเขา 92 คนบนเครื่องบิน Juliane ถูกรอด Juliane แล้วเดินออกจากความล้มเหลว สวมเสื้อผ้าที่ฉีกและรองเท้าเดียวเพื่อพยายามค้นหาความช่วยเหลือจูเลียนหมดสติไปกว่าจะฟื้นก็หลายชั่วโมงให้หลังโดยที่ยังรัดเข็มขัดติดกับที่นั่งอยู่ เธอรอดตายอย่างปาฎิหาริย์แต่ก็กระดูกไหปลาร้าหัก แขนขวามีบาดแผลฉึกขาด ตาข้างหนึ่งก็มองไม่เห็น ความทรมานของเธอเพิ่งจะเริ่มต้น เธอออกเดินค้นหาเครื่องบินและแม่ของเธอแต่ทั้งหมดที่ได้พบก็แค่ที่นั่งว่างเปล่าไม่กี่ที่ ทันใดนั้น เธอเห็นร่างของผู้หญิงสาวสามคนที่ยังคงติดอยู่ในที่นั่ง ในบรรดาคนทั้ง 92 คนบนเครื่อง จูเลียนเป็นคนเดียวที่รอดชีวิต เธอผละจากตำแหน่งเครื่องบินตกเพื่อพยายามหาความช่วยเหลือ นุ่งแต่เสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่งและสวมรองเท้าแตะข้างเดียว Juliane had been raised by her parents on an ecological site in the jungle,and s he had had survival training.Although in shock,she remembered her father’s advice about surviving in the jungle:she had to locate flowing water and follow it downstream until the water turned onto a navigable river. Once on the river,she might come across natives or others who could help her. As she waded through jungle water,she fought off swarms of insects and leeches,not even caring when crocodiles dived in her path. She used a walking stick to make her way,prodding shapes in the water to protect herself from lethal sting rays.พ่อแม่เลี้ยงดูจูเลียนให้เติบโตมาในสถานีพิทักษ์นิเวศน์วิทยาแห่งหนึ่งในป่าลึกและเธอเคยได้รับการฝึกอบรมวิธีเอาชีวิตรอดในป่ามาแล้ว ถึงแม้จะอยู่ในสภาพมึนงงแต่เธอก็จำได้ถึงคำแนะนำของพ่อเรื่องการเอาตัวรอดในป่า เธอจะต้องค้นหาลำน้าที่กำลังไหลรินสักสายหนึ่งแล้วก็เดินล่องตามน้ำไปเรื่อยจนกว่ามันจะนำพาไปเจอแม่น้ำสักสายที่เป็นเส้นทางคมนาคม เมื่อถึงแม่น้ำแล้วเธอจะมีโอกาสได้พบชาวพื้นเมืองหรือบุคคลอื่นที่อาจช่วยเธอได้ ขณะที่เธอเดินลุยตามน้ำในป่า เธอต้องต่อสู้กับฝูงแมลงและปลิงเป็นโขยง ไม่สนใจแม้แต่เมื่อจระเข้โดดลงน้ำต่อหน้าต่อตาขวางทางไป เธอใช้ไม้ท่อนหนึ่งทำไม้เท้าช่วยนำทางไป เห็นอะไรน่าสงสัยในน้ำก็เอาไม้แหย่ๆไว้ก่อนเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้โดนพิษร้ายถึงตายจากเงี่ยงปลากระเบน Despite her broken collarbone and other injuries,Juliane hacked her way through the rainforest.She frequently heard planes overhead,but she had no way to signal them. She drank water,but she was too stunned to eat anything at all. On the tenth day,she stumbled onto a canoe and hut,where she was found hours later by some Peruvian lumbermen.They tried to treat her injuries.One of them used salt and kerosene to clean out the insects that were burued in her skin. Juliane remembers counting thirty-five worms that came out of her arms alone.The following day she was taken on a seven-hour journey by canoe down the river to the town of Tournavista,where a local pilot flew her to her father, in Pucallpa.ถึงแม้กระดูกไหปลาร้าจะหักรวมทั้งการบาดเจ็บอื่นๆ จูเลียนก็ฟันฝ่าป่ารกชัฏอย่างทรหด เธอได้ยินเสียงเครื่องบินผ่านไปมาเหนือหัวอยู่บ่อยๆแต่เธอไม่มีหนทางจะส่งสัญญาณถึงเครื่องบินได้ เธอดื่มน้ำแต่ก็มึนงงเกินกว่าจะกินอะไร ในวันที่สิบเธอก็โซซัดโซเซมาถึงเรือขุดลำหนึ่งและกระท่อม อีกหลายชั่วโมงต่อมามีคนงานทำไม้ชาวเปรูมาพบเธอเข้า พวกเขาพยายามช่วยรักษาการบาดเจ็บของเธอ คนงานทำไม้คนหนึ่งใช้เกลือและน้ำมันก๊าดทำยาเพื่อล้างเอาแมลงที่ฝังตัวอยู่ในผิวหนัง จูเลียนจำได้ว่าแค่บาดแผลที่แขนก็นับตัวหนอนได้สามสิบห้าตัว วันต่อมาเขาพาเธอลงเรือขุดเดินทางล่องแม่น้ำไปเจ็ดชั่วโมงจึงถึงเมืองทูนาวิสตา นักบินที่นั่นคนหนึ่งพาเธอขึ้นเครื่องไปพบกับพ่อของเธอที่ปูคาลิปา Julian recovered and went back to Germany,where she became a zoologist. In 1998 she came back to Peru as consultant to Werner Herzog’s documentary about her ordeal,which was called Wings of Hope.จูเลียนหายดีและกลับไปเยอรมนีซึงเธอได้ไปเรียนจบสัตววิทยา ในปี 1998 เธอกลับมาเปรูอีกครั้งเป็นที่ปรึกษาให้กับการถ่ายทำสารคดีโดยเวอร์เนอร์ เฮอร์ซอก เกี่ยวกับความลำบากของ
การแปล กรุณารอสักครู่..
