หน้าที่ของนาม นามทั้ง 5 ชนิดที่กล่า

หน้าที่ของนาม
นามทั้ง 5 ชนิดที่กล่าวมานั้น เวลานำไปพูดหรือเขียน สามารถทำหน้าที่ได้ 7 อย่างคือ
1. เป็น Subject ของกิริยาในประโยคได้.
2. เป็น Object ของกิริยาในประโยคได้.
3. เป็น Object ของ Preposition (บุรพบท) ได้.
4. เป็น Complement คือส่วนสมบูรณ์ของกิริยาได้.
5. เป็น Appositive คือเป็นนามซ้อนนามได้.
6. เป็น Address คือเป็นนามเรียกขานได้(และต้องใส่ , Comma ด้วย).
7. เป็น Possessive คือเป็นนามแสดงความเป็นเจ้าของได้ (และต้องใส่ Apostrophe’s ด้วย)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หน้าที่ของนาม นามทั้ง 5 ชนิดที่กล่าวมานั้นเวลานำไปพูดหรือเขียนสามารถทำหน้าที่ได้ 7 อย่างคือ1. ความเรื่องของกิริยาในประโยคได้2. ความวัตถุของกิริยาในประโยคได้3. ความวัตถุนั้น ๆ วิเศษณ์ (บุรพบท) ได้4. ความเติมเต็มคือส่วนสมบูรณ์ของกิริยาได้5. ความ Appositive คือเป็นนามซ้อนนามได้6. ความอยู่คือเป็นนามเรียกขานได้ (และต้องใส่ จุลภาคด้วย)7. ความคือเป็นนามแสดงความเป็นเจ้าของได้ปากช่อง (และต้องใส่ Apostrophe ด้วย)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นามของหน้าที่
นามทั้ง 5 ชนิดที่กล่าวมานั้นเวลานำไป พูดหรือเขียนสามารถทำหน้าที่ได้ 7 อย่างคือ
1 เป็นเรื่องของกิริยาในประโยคได้.
2 เป็นวัตถุของกิริยาในประโยคได้.
3 เป็นวัตถุของบุพบท (บุรพบท) ได้.
4 เป็นส่วนประกอบคือส่วนสมบูรณ์ของกิริยาได้.
5 เป็น Appositive คือเป็นนามซ้อนนามได้.
6 เป็นอยู่คือเป็นนามเรียกขานได้ (และต้องใส่จุลภาคด้วย).
7 เป็นครอบงำคือเป็นนามแสดงความเป็นเจ้าของได้ (และต้องใส่ Apostrophe ของด้วย)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หน้าที่ของนามนามทั้ง 5 ชนิดที่กล่าวมานั้นเวลานำไปพูดหรือเขียนสามารถทำหน้าที่ได้ 7 อย่างคือ1 . เป็นเรื่องของกิริยาในประโยคได้ .2 . เป็นวัตถุของกิริยาในประโยคได้ .3 . เป็นวัตถุของคำบุพบท ( บุรพบท ) ได้ .4 . เป็นกว่าคือส่วนสมบูรณ์ของกิริยาได้ .5 . ซึ่งวางเคียงข้างกันเป็นคือเป็นนามซ้อนนามได้ .6 . เป็นที่อยู่คือเป็นนามเรียกขานได้ ( และต้องใส่จุลภาคด้วย )7 . เป็นแสดงความเป็นเจ้าของคือเป็นนามแสดงความเป็นเจ้าของได้ ( และต้องใส่เครื่องหมายวรรคตอนของด้วย )