Aims: Research has shown that the o

Aims: Research has shown that the ongoing rate of diabetes-related amputations remains significant despite the existence of prevention methods and that amputation in most cases can be prevented. The purpose of the study was to assess the relationship between the level of self-efficacy and performance of foot self-care in those with diabetes as they relate to the prevention of lower extremity amputation (LEA).
Methods: A descriptive correlational study was conducted using the theoretical framework of Bandura’s social cognitive theory. The Foot Care Confidence Scale (FCCS) and the Nottingham Assessment of Functional Footcare (NAFF) survey instruments were distributed to individuals over 18 years old with
diabetes Type 1 and 2 in the lower peninsula of Michigan (N ¼ 223).
Results: No significant correlation was identified between the level of self-efficacy and performance of foot self-care behaviors. Statistical significance was found between foot self-care behaviors and gender with males scoring higher than females.
Conclusions: This study adds to the body of knowledge regarding self-efficacy and diabetic foot self-care behaviors. Further research is needed to explore the relationship of gender, diabetes education attendance,and foot self-care behaviors as influencing factors in LEA prevention.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จุดมุ่งหมาย: วิจัยได้แสดงว่า อัตรา amputations ที่เกี่ยวข้องกับเบาหวานอย่างต่อเนื่องยังคงสำคัญแม้จะมีวิธีป้องกัน และว่า amputation ในกรณีส่วนใหญ่สามารถป้องกัน วัตถุประสงค์ของการศึกษาคือการ ประเมินความสัมพันธ์ระหว่างระดับของตนเองประสิทธิภาพและประสิทธิภาพของสุขภาพเท้าในผู้ที่มีโรคเบาหวานเกี่ยวข้องกับการป้องกันส่วนปลายล่าง amputation (LEA)วิธีการ: การอธิบาย correlational การวิจัยโดยใช้กรอบทฤษฎีของทฤษฎีรับรู้ทางสังคมของ Bandura เท้าดูแลมั่นใจขนาด (FCCS) และเครื่องมือสำรวจแฮมประเมินของหน้าที่ Footcare (NAFF) ได้แจกจ่ายให้กับบุคคลอายุ 18 ปีโรคเบาหวานประเภท 1 และ 2 ตัวล่างเพนนินซูล่าของมิชิแกน (N ¼ 223)ผลลัพธ์: ความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญไม่ได้ระบุระดับของตนเองประสิทธิภาพและประสิทธิภาพของพฤติกรรมสุขภาพเท้า นัยสำคัญทางสถิติถูกพบระหว่างพฤติกรรมสุขภาพเท้าและเพศ มีคะแนนสูงกว่าหญิงชายบทสรุป: การศึกษานี้เพิ่มร่างกายความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมสุขภาพเท้าตนเองประสิทธิภาพ และโรคเบาหวาน วิจัยเพิ่มเติมที่จำเป็นสำหรับการสำรวจความสัมพันธ์ของเพศ เข้าศึกษาโรคเบาหวาน และเท้าพฤติกรรมสุขภาพเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อในป้องกัน LEA

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มีวัตถุประสงค์: การวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าอัตราการอย่างต่อเนื่องของเนื้อตายเกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานยังคงอยู่อย่างมีนัยสำคัญแม้จะมีการดำรงอยู่ของวิธีการป้องกันและการตัดแขนขาที่ส่วนใหญ่สามารถป้องกันได้ วัตถุประสงค์ของการศึกษาคือการประเมินความสัมพันธ์ระหว่างระดับของการรับรู้ความสามารถของตนเองและประสิทธิภาพการทำงานของเท้าการดูแลตนเองในผู้ที่มีโรคเบาหวานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการตัดแขนขาขา (LEA).
วิธีการ: การศึกษาหาความสัมพันธ์พรรณนา โดยใช้กรอบทฤษฎีของทฤษฎีองค์ความรู้ Bandura สังคม การดูแลเท้าชั่งความเชื่อมั่น (FCCs) และน็อตติงแฮมประเมินการทำงาน Footcare (Naff) ตราสารสำรวจถูกแจกจ่ายให้กับประชาชนในช่วง 18 ปีที่มี
โรคเบาหวานประเภทที่ 1 และ 2 ในคาบสมุทรล่างของมิชิแกน (ยังไม่มี¼ 223).
ผล: ไม่มีนัยสำคัญ ความสัมพันธ์ระหว่างถูกระบุว่าระดับของการรับรู้ความสามารถของตนเองและประสิทธิภาพการทำงานของพฤติกรรมการดูแลตนเองด้วยการเดินเท้า อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติก็พบว่าเท้าระหว่างพฤติกรรมการดูแลตนเองและเพศกับเพศชายที่ทำคะแนนสูงกว่าเพศหญิง.
สรุป: การศึกษาครั้งนี้เพื่อเพิ่มองค์ความรู้เกี่ยวกับการรับรู้ความสามารถของตนเองและพฤติกรรมการดูแลตนเองเท้าเบาหวาน นอกจากนี้การวิจัยเป็นสิ่งจำเป็นที่จะสำรวจความสัมพันธ์ของเพศ, โรคเบาหวานที่เข้าร่วมประชุมการศึกษาและพฤติกรรมเท้าดูแลตนเองเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลในการป้องกันหน่วยงาน LEA

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัตถุประสงค์การวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าอัตราการต่อเนื่องของโรคเบาหวานที่สำคัญมีเนื้อตายยังคงมีอยู่ของวิธีการป้องกันและตัดขาในกรณีส่วนใหญ่สามารถป้องกันได้การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างระดับของสมรรถนะและประสิทธิภาพของการดูแลเท้าในผู้ที่มีโรคเบาหวานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน ลดขาขา ( Lea ) .
วิธีการ : การศึกษาเชิงสหสัมพันธ์โดยใช้กรอบทฤษฎีปัญญาสังคมของแบนดูรา ทฤษฎีการดูแลเท้าของระดับความมั่นใจ ( fccs ) และการประเมินการดูแลสุขภาพเท้าของการทำงาน ( น็อตติงแฮม ราคาถูกและมีคุณภาพแย่ ) เครื่องมือสำรวจได้แจกจ่ายให้กับบุคคลอายุเกิน 18 ปีกับ
เบาหวานชนิดที่ 1 และ 2 ในส่วนล่างคาบสมุทรมิชิแกน ( N ¼ 223 ) .
ผล : ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างระดับการรับรู้ความสามารถของตนที่ถูกระบุ และการแสดงพฤติกรรม การดูแลเท้าสถิติที่พบระหว่างเท้า พฤติกรรมการดูแลตนเอง และเพศกับผู้ชายให้คะแนนที่สูงกว่าเพศหญิง
สรุปการศึกษานี้เพื่อเพิ่มองค์ความรู้เกี่ยวกับการรับรู้ความสามารถของตนเองและพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานที่เท้า . การวิจัยเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างเพศ การเข้าร่วมการศึกษาโรคเบาหวานและเท้าการดูแลตนเองเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการป้องกันทุ่งหญ้า