The theory of the privacy paradox i

The theory of the privacy paradox in an online environment states that internet users
are concerned about privacy yet do little to safeguard it (Barnes, 2006). This study reveals
Facebook users are taking protective action to ensure their online privacy and are demonstrating
caution in their online behaviour. However, the study also shows Facebook users
are willing to part with personal information and interact with a broad definition of online
‘friends’. Arguably, Facebook users’ desire for social interaction overcomes privacy anxieties.
A theoretical implication from this research is that the term ‘privacy paradox’ may
be too strong in the social networking environment and perhaps ‘privacy trade-off’ would
be a more appropriate term. Protective action is being taken in social networking sites but
users still willingly trade privacy for the social factor of social networking sites.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎีของ paradox ความเป็นส่วนตัวในออนไลน์ระบุว่า ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว แต่คุณจะปกป้องมัน (Barnes, 2006) การศึกษานี้พบผู้ใช้ Facebook จะมีการดำเนินการป้องกันเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาออนไลน์ และจะเห็นข้อควรระวังในพฤติกรรมของพวกเขาออนไลน์ อย่างไรก็ตาม การศึกษายังแสดงผู้ใช้ Facebookยินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งกับข้อมูลส่วนบุคคล และโต้ตอบกับคำจำกัดความอย่างกว้าง ๆ ของออนไลน์'เพื่อน' ว่า ความต้องการของผู้ใช้ Facebook สำหรับสังคม overcomes วิตกกังวลในช่วงความเป็นส่วนตัวปริยายทฤษฎีจากงานวิจัยนี้คือการ ที่คำว่า 'ความเป็นส่วนตัว paradox' อาจจะแข็งแกร่งเกินไปในสิ่งแวดล้อมเครือข่ายสังคม และอาจจะ 'trade-off ความเป็นส่วนตัว'เป็นคำที่เหมาะสม ป้องกันการถูกดำเนินการในเว็บไซต์เครือข่ายสังคม แต่ผู้ใช้ยังคงอาศัยค้าความเป็นส่วนตัวเว็บไซต์เครือข่ายสังคมปัจจัยทางสังคม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎีของความขัดแย้งความเป็นส่วนตัวในสภาพแวดล้อมออนไลน์ระบุว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ทำเพื่อปกป้องมัน (บาร์นส์, 2006)
การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ Facebook มีการดำเนินการป้องกันเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวออนไลน์ของพวกเขาและแสดงให้เห็นถึงความระมัดระวังในการทำงานออนไลน์ของพวกเขา แต่การศึกษายังแสดงให้เห็นผู้ใช้ Facebook ยินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งกับข้อมูลส่วนบุคคลและมีปฏิสัมพันธ์กับความหมายในวงกว้างของออนไลน์'เพื่อน' เนื้อหาที่ผู้ใช้ Facebook ของความปรารถนาที่จะมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมเอาชนะความวิตกกังวลความเป็นส่วนตัว. ความหมายทฤษฎีจากการวิจัยนี้คือคำว่า 'ความขัดแย้งความเป็นส่วนตัวอาจจะแรงเกินไปในสภาพแวดล้อมเครือข่ายสังคมและบางทีอาจจะเป็น' ความเป็นส่วนตัวการออก 'จะเป็นระยะที่เหมาะสมมากขึ้น. การดำเนินการป้องกันจะถูกดำเนินการในเว็บไซต์เครือข่ายสังคม แต่ผู้ใช้ยังคงเต็มใจที่จะค้าความเป็นส่วนตัวสำหรับปัจจัยทางสังคมของเว็บไซต์เครือข่ายสังคม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎีของความขัดแย้งส่วนบุคคลในสภาพแวดล้อมออนไลน์ระบุว่า ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต
มีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวเลยทำเล็ก ๆน้อย ๆเพื่อปกป้องมัน ( Barnes , 2006 ) การศึกษานี้พบ
ผู้ใช้ Facebook กำลังดำเนินการป้องกันความเป็นส่วนตัวออนไลน์ของพวกเขาและแสดงให้เห็นถึง
ข้อควรระวังในพฤติกรรมออนไลน์ของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ยังพบว่าผู้ใช้ Facebook
ยินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งกับข้อมูลส่วนบุคคลและโต้ตอบกับกว้างคำนิยามของออนไลน์
'friends ' arguably , ความปรารถนาของผู้ใช้ Facebook สำหรับการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมเอาชนะความวิตกกังวลความเป็นส่วนตัว .
นัยประหวัดทางทฤษฎีจากการวิจัยนี้คือคำว่า ' Paradox ' ความเป็นส่วนตัวอาจ
แรงเกินไปในสภาพแวดล้อมเครือข่ายทางสังคม และบางทีเรื่องส่วนตัวอัน ' จะ
เป็นในระยะที่เหมาะสมการกระทำป้องกันที่ถูกถ่ายในเว็บไซต์เครือข่ายทางสังคม แต่ก็ยังเต็มใจค้า
ผู้ใช้ความเป็นส่วนตัวสำหรับปัจจัยทางสังคมของเว็บไซต์เครือข่ายสังคม