In the very first chapter “the Func

In the very first chapter “the Functions of Money”, of his book, Mises provides a step by
step process of the origin of money. Misses significantly acknowledged the contribution of his
reference Carl Menger 1871, who is designated as a founder of Austrian Economics and gave for
the first time a satisfactory explanation on the origin of money. Menger contrived a step by step
evolution of money rather than assuming it a decree or an edict from a king or a government
(Mises, 1953b). Mises and his Austrian predecessors, whom he refers to generously, worked out
a logical explanation to the measurement of value. Referred to as Subjectivist/Marginal
Revolution, Mises and others explained the prices of commodity goods by the interplay of
subjective valuations in the market, which in turn explained the prices of producer goods that
are required to produce them. This was a breakthrough in valuing commodities as it negated
the classical economists’ labor theory of value, which explained the price of a good by the
amount of labor used in its production or cost of producing that good.
Mises goes forward in explaining that a government can never force a particular good (be it the
commodity money or fiat money) to command a specific purchasing power in the market. If the
government alters the value of the circulating money, the market will react by altering prices in
the opposite direction (Mises, 1953c). Mises was the first one to discuss the social consequences
of changes in the value of money, he discussed that inflation or monetary value reduction can
make businesses overestimate their profits which eventually lead to Capital Consumption. The
increased influx of money of any kind (be it gold or fiat currency) does not make the society
richer, its circulation spreads unevenly, benefiting only certain circles of the society which
remain primary beneficiaries on whom the money is spent first of all. Other segments of society
stand at the losing end, as they do not directly see increase in the income instead the value of
their savings is already deteriorated due to falling value of the money (Mises, 1953d).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในบทแรก "ฟังก์ชันของเงิน" หนังสือของเขา Mises แสดงขั้นตอนโดยกระบวนการขั้นตอนของมาของเงิน คิดถึงผลงานของเขาที่ยอมรับอย่างมากอ้างอิง Carl Menger 1871 ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ก่อตั้งเศรษฐศาสตร์ออสเตรีย และสำหรับครั้งแรกที่คำอธิบายที่น่าพอใจที่มาของเงิน Menger เชิญทีละขั้นตอนวิวัฒนาการของเงินมากกว่าโดยถือว่าพระราชกำหนดหรือพระราชกฤษฎีกาแห่งการจากกษัตริย์หรือรัฐบาล(Mises, 1953b) Mises และเขาออสเตรียรุ่นก่อน ซึ่งเขาหมายถึงกว้าง ทำงานคำอธิบายตรรกะในการประเมินมูลค่า เรียกว่ากำไร Subjectivistปฏิวัติ Mises และอื่น ๆ อธิบายราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยอิทธิพลของเรื่องการประเมินมูลค่าในตลาด ซึ่งจะอธิบายราคาของผู้ผลิตสินค้าที่จะต้องผลิตได้ นี้เป็นความก้าวหน้าในการประเมินค่าสินค้าโภคภัณฑ์เหมือนเมื่อตะกี้แรงงานของนักเศรษฐศาสตร์คลาสสิกทฤษฎีของค่า ซึ่งอธิบายราคาของดีโดยการจำนวนแรงงานที่ใช้ในการผลิตหรือต้นทุนการผลิตให้ดีMises ไปข้างหน้าได้อธิบายว่า รัฐบาลไม่สามารถบังคับให้ดีโดยเฉพาะ (ไม่ว่าจะเป็นการเงินสินค้าโภคภัณฑ์หรือเงินเฟียต) คำสั่งกำลังซื้อเฉพาะในตลาด ถ้าการรัฐบาลเปลี่ยนแปลงมูลค่าของเงินหมุนเวียน ตลาดจะตอบสนอง ด้วยการเปลี่ยนราคาในทิศตรงกันข้าม (Mises, 1953c) Mises ถูกอันแรกเพื่อหารือเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมการเปลี่ยนแปลงค่าเงิน เขากล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อ หรือสามารถลดมูลค่าเงินทำธุรกิจกำไรของพวกเขาซึ่งนำไปสู่การใช้ทุนในที่สุดก็ควรเลือก การไหลเข้าเพิ่มขึ้นของเงินชนิดใด ๆ (เป็นทองหรือเงินเฟียต) ทำให้สังคมยิ่งขึ้น การไหลเวียนกระจายคร้ง รับประโยชน์เฉพาะบางแวดวงของสังคมซึ่งยังคงอยู่ เกี่ยวกับผู้ที่จะใช้เงินของผู้รับ ส่วนอื่น ๆ ของสังคมเด่นที่ท้ายแพ้ ตามที่พวกเขาไม่ตรงเห็นเพิ่มรายได้แทนค่าของเงินออมของพวกเขาเสียแล้วหายเนื่องจากการลดลงค่าเงิน (Mises, 1953d)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในบทแรกมาก "ฟังก์ชั่นของเงิน" ของหนังสือของเขาคะเนมีขั้นตอนโดย
ขั้นตอนของการกำเนิดของเงิน บอลเฉียงไปอย่างมีนัยสำคัญได้รับการยอมรับผลงานของเขา
อ้างอิง Carl Menger 1871 ที่ถูกกำหนดให้เป็นผู้ก่อตั้งเศรษฐศาสตร์ออสเตรียและให้สำหรับ
ครั้งแรกที่มีคำอธิบายที่น่าพอใจเกี่ยวกับที่มาของเงิน Menger contrived ขั้นตอนโดยขั้นตอน
วิวัฒนาการของเงินมากกว่าสมมติว่ามันพระราชกฤษฎีกาหรือคำสั่งจากกษัตริย์หรือรัฐบาล
(คะเน 1953b) คะเนและทำประโยชน์ออสเตรียซึ่งเขาหมายถึงการไม่เห็นแก่ตัวทำงานออก
เป็นคำอธิบายที่มีเหตุผลที่จะวัดค่า เรียกว่า subjectivist / Marginal
ปฏิวัติคะเนและอื่น ๆ อธิบายราคาของสินค้าโภคภัณฑ์โดยมีอิทธิพลซึ่งกันและกันของ
การประเมินมูลค่าอัตนัยในตลาดซึ่งจะอธิบายราคาสินค้าผู้ผลิตที่
จะต้องผลิตพวกเขา นี่เป็นความก้าวหน้าในการประเมินมูลค่าสินค้าตามที่มันเมื่อตะกี้
​​แรงงานทฤษฎีเศรษฐศาสตร์คลาสสิก 'ของมูลค่าซึ่งอธิบายราคาของที่ดีโดย
จำนวนแรงงานที่ใช้ในการผลิตหรือต้นทุนการผลิตที่ดีว่า.
คะเนไปข้างหน้าในการอธิบายว่ารัฐบาล ไม่สามารถบังคับโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดี (ไม่ว่าจะเป็น
เงินหรือสินค้าโภคภัณฑ์พระราชกฤษฎีกาเงิน) ให้เป็นผู้บังคับบัญชากำลังซื้อเฉพาะในตลาด หาก
รัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงค่าของเงินหมุนเวียนในตลาดจะตอบสนองโดยการเปลี่ยนแปลงราคาใน
ทิศทางที่ตรงข้าม (คะเน 1953c) คะเนเป็นคนแรกเพื่อหารือเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคม
ของการเปลี่ยนแปลงในมูลค่าของเงินที่เขาพูดถึงว่าอัตราเงินเฟ้อหรือการลดค่าเงินสามารถ
ทำให้ธุรกิจประเมินค่าสูงกำไรของพวกเขาซึ่งในที่สุดนำไปสู่การบริโภค
ไหลบ่าเข้ามาของเงินที่เพิ่มขึ้นของชนิดใด ๆ (ไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินทองหรือ Fiat) ไม่ได้ทำให้สังคม
ยิ่งขึ้นการไหลเวียนของมันกระจายไม่สม่ำเสมอได้รับประโยชน์เฉพาะบางวงการของสังคมซึ่ง
ยังคงได้รับผลประโยชน์หลักซึ่งเงินที่ใช้ครั้งแรกของทั้งหมด ส่วนอื่น ๆ ของสังคมที่
ยืนอยู่ที่ปลายสูญเสียเช่นที่พวกเขาไม่ได้โดยตรงเห็นการเพิ่มขึ้นของรายได้แทนค่าของ
เงินฝากออมทรัพย์ของพวกเขาจะเสื่อมโทรมแล้วเนื่องจากมูลค่าที่ลดลงของเงิน (คะเน 1953d)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในบท " ครั้งแรกของการทำงานของเงิน " ของหนังสือ แบบมีขั้นตอน โดยกระบวนการขั้นตอนของที่มาของเงิน คิดถึงอย่างมาก ยอมรับว่าผลงานของเขาอ้างอิงคาร์ล เมนเกอร์ 2414 ที่เขตในฐานะผู้ก่อตั้งเศรษฐศาสตร์ออสเตรียและ ให้สำหรับครั้งแรกที่เป็นคำอธิบายที่น่าพอใจเกี่ยวกับที่มาของเงิน เมนเจอร์ contrived ทีละขั้นวิวัฒนาการของเงิน มากกว่า สมมติว่าประกาศหรือคำสั่งจากกษัตริย์หรือรัฐบาล( แบบ 1953b , ) แบบและรุ่นก่อนของออสเตรีย ซึ่งเขาหมายถึง พลั่ก ทำงานออกคำอธิบายสำหรับการวัดค่า เรียกว่า subjectivist / ?การปฏิวัติแบบและอื่น ๆ อธิบายว่า ราคาสินค้า Commodity โดยมีอิทธิพลของหัวข้อเรื่องการประเมินมูลค่าในตลาด ซึ่งจะอธิบายว่าราคาของผู้ผลิตสินค้านั้นจะต้องผลิตพวกเขา นี้เป็นความก้าวหน้าใน valuing สินค้ามันเมื่อตะกี้นักเศรษฐศาสตร์ " คลาสสิกทฤษฎีมูลค่าแรงงานซึ่งอธิบายราคาดีด้วยปริมาณแรงงานที่ใช้ในการผลิตหรือต้นทุนการผลิตที่ดีแบบไปข้างหน้าในการอธิบายว่า รัฐบาลไม่สามารถบังคับเฉพาะดี ( ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือเงิน FIAT เงิน ) เพื่อสั่งใช้บริการเฉพาะในตลาด ถ้ารัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงค่าของการไหลเวียนของเงิน ตลาดจะตอบสนองโดยการเปลี่ยนแปลงราคาในในทิศทางตรงกันข้าม ( แบบ 1953c , ) แบบเป็นคนแรกเพื่อหารือเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมการเปลี่ยนแปลงในมูลค่าของเงิน เขากล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อ หรือลดมูลค่าเงินสามารถให้ธุรกิจทั่วไปของผลกำไรซึ่งในที่สุดนำไปสู่การใช้ทุน ที่เพิ่มการไหลเข้าของเงินใด ๆ ( ไม่ว่าจะเป็นทองหรือสกุลเงิน fiat ) ไม่ได้ทำให้สังคมดีขึ้น , การไหลเวียนกระจายซึ่งให้ประโยชน์เพียงบางกลุ่มของสังคมยังคงผลประโยชน์หลักที่ใช้เงินเป็นอย่างแรก ส่วนอื่น ๆของสังคมยืนท้ายสูญเสีย พวกเขาไม่ได้โดยตรงดูเพิ่มรายได้แทนมูลค่าของเงินฝากออมทรัพย์ของพวกเขากำลังเสื่อมโทรมเนื่องจากตกค่าของเงิน ( แบบ 1953d , )