วิธีการบำรุงรักษาหม้อน้ำหรือระบบหล่อเย็น และเทคนิคการเติมน้ำในหม้อน้ำ
วิธีการบำรุงรักษาหม้อน้ำหรือระบบหล่อเย็น
ในหน้าปัดรถของเรานั้นจะมีสัญญาณเตือนหรือเป็นเข็มบอก โดยจะใช้สัญลักษณ์เป็นตัว C ย่อมาจาก Cool คือเย็น และ H ย่อมาจาก HOT คือร้อน ปกติแล้วถ้าระดับน้ำถูกต้องเข็มวัดความร้อนจะอยู่ในระดับปานกลางระหว่าง C กับ H แต่ถ้าขาดการดูแลจนระดับน้ำแห้งความร้อนจะมีมากขึ้นจนเข็มชี้ไปที่ H นั้น แปลว่ารถเกิดความร้อนมากต้องรีบจอดรถและหาน้ำมาเติม การเติมน้ำจะต้องรอให้เครื่องเย็นเสียก่อน ที่สำคัญห้ามเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องร้อนจัดเพราะอาจจะได้รับอันตราย จากไอน้ำที่พุ่งออกมาได้
ดังนั้น เพื่อให้หม้อน้ำรถยนต์อยู่คู่กับรถยนต์ของท่านไปนานๆ ก็ควรดูแลรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหม้อน้ำเกิดปัญหาขึ้นมา เครื่องยนต์จะเป็นส่วนที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดเป็นลำดับต่อไป เครื่องยนต์อาจจะร้อนจัดขนาด OVER HEAT สิ่งที่ต้องเสียตามมาติดๆ คือเงินในกระเป๋าสตางค์ของท่าน ต้องถูกควักจ่ายเพิ่มขึ้นนั่นเอง ดังนั้นรักคุณ รักรถจะมาบอกวิธีในการดูแลรักษาหม้อน้ำโดยมีดังนี้
ควรตรวจดูระดับน้ำทุกๆ ครั้งก่อนสตาร์ตเครื่องยนต์ หรืออย่างน้อยทุกๆ 2-3 วัน สำหรับรถที่มีอายุเกิน 5 ปี และอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง สำหรับรถใหม่อายุไม่เกิน 5 ปี ซึ่งปรกติระดับน้ำควรอยู่ตรงคอหม้อน้ำพอดี หรืออยู่ระหว่างกึ่งกลางขีด MAX และ MIN สำหรับรถที่มีหม้อพักน้ำ
ควรเติมน้ำที่สะอาดลงไปในหม้อน้ำเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้หม้อน้ำ หรือทางเดินของหลอดรังผึ้งหม้อน้ำเกิดการอุดตัน ถ้าเป็นไปได้ น้ำที่เราใช้ดื่มดีที่สุดสำหรับใช้เติมหม้อน้ำ
หมั่นตรวจดูรอยรั่วตามที่จุดต่างๆ อย่างเช่น ท่อยางหม้อน้ำ ครีบรังผึ้ง ปั๊มน้ำ ฯลฯ หากพบรอยรั่วซึม ควรทำการซ่อมทันที
ตรวจดูสายพานหน้าเครื่อง ไม่ควรให้หย่อนหรือตึงเกินไป ตามปรกติเมื่อใช้มือกดลงบนสายพานควรยุบตัวลงประมาณ 1 นิ้ว
ตรวจดูครีบรังผึ้ง (FIN) ของหม้อน้ำ อย่าให้พับงอปิดช่องทางผ่านของลม ไม่ควรให้สกปรกด้วยดินโคลนและคราบน้ำมัน เพราะจะทำให้ระบายความร้อนได้ยาก เครื่องยนต์อาจร้อนจัด และหากครีบพับงอ ให้ใช้ใบเลื่อยหรือโลหะบางๆ ดัดให้ตรง หรือถ้าครีบสกปรกมากให้ทำความสะอาดโดยใช้ลมเป่าหรือน้ำร้อนที่มีความดันสูงพอพ่นย้อนทิศทางลมเข้า
พัดลมระบายความร้อนควรอยู่ในสภาพที่ดี ไม่แตกหัก หรือบิดงอเสียศูนย์ เพราะจะทำให้ปั๊มน้ำชำรุดได้ แต่ถ้าเป็นพัดลมไฟฟ้า ต้องคอยตรวจเช็คว่าพัดลมหมุนด้วยความเร็วเท่าเดิมหรือไม่ เพราะถ้าพัดลมหมุนด้วยรอบที่ช้าลง การระบายความร้อนให้หม้อน้ำรถยนต์ก็จะด้อยตามไปด้วย
ไม่ควรติดเครื่องยนต์โดยไม่ได้ปิดฝาหม้อน้ำเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดตะกรันในหม้อน้ำและภายในเครื่องยนต์ เนื่องจากน้ำในรังผึ้งหม้อน้ำระเหยออกมา เมื่อเกิดตะกรันในหม้อน้ำ หรือบริเวณท่อทางเดินน้ำในเครื่องยนต์มาก ๆ จะเป็นผลให้เครื่องยนต์ร้อนจัด เพราะการระบายความร้อนไม่ดีพอ
เกจวัดความร้อนต้องอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ หากเสียใช้การไม่ได้ให้เปลี่ยนใหม่ทันที
หากน้ำในหม้อน้ำแห้ง ในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน และมีอุณหภูมิสูง ไม่ควรดับเครื่องยนต์และเติมน้ำในทันที ให้ติดเครื่องเดินเบาๆ สักระยะหนึ่ง พอให้อุณหภูมิเครื่องยนต์ลดลง แล้วค่อยๆ เติมน้ำที่สะอาดลงไปทีละน้อยด้วยความระมัดระวัง
ควรถ่ายน้ำในหม้อน้ำทิ้งทุกๆ 4-6 เดือน หรือเมื่อเห็นว่าน้ำในหม้อน้ำสกปรกมากแล้ว เช่น มีสนิมหรือคราบน้ำมัน
เทคนิคการเติมน้ำในหม้อน้ำ
เทคนิคนี้หลายๆท่านอาจจะพอทราบวิธีเเล้ว แต่อยากจะนำเสนอให้อีกหลายๆท่านที่ยังไม่ทราบนะคับ
เปิดฝาหม้อน้ำเทน้ำให้เต็มทั้งหม้อพักเเละหม้อน้ำ
เปิดฝาหม้อน้ำทิ้งไว้เเล้วสตารท์เครื่องเเล้วเยี่ยบคันเร่งหรือเอามือดึงสายคันเร่งที่อยู่ตรงลิ้นปีกผีเสื้อ(ดึงเบาๆนะจ๊ะ ระวังมันจะดังหนวกหู)
ถ้ากรณีที่ดึงสายคันเร่งเเล้วมองไปที่รูเติมน้ำหม้อน้ำจะเห็นการเคลื่อนใหวของน้ำ ถ้าน้ำในหม้อน้ำเต็มเเล้วน้ำจะไม่ลดลง เเต่ถ้าน้ำในหม้อน้ำยังไม่เต็มน้ำจะลดลงไปอย่างชัดเจน ในเวลานั้นเองก็เทน้ำใส่ลงไปเลยโดยที่ไม่ต้องดับเครื่องพอเทจนเต็มก็เร่งเครื่องใหม่จนน้ำมันไม่ลดลงอีกเนอันเสร็จวิธีการเติมน้ำหม้อน้ำ เเล้วอย่าลืมปิดฝาด้วยนะจ๊ะ
โดยทั่วไปเเล้วปกติเราจะเติมน้ำในหม้อน้ำเราจะเติมในเวลาที่เครื่องยังไม่สตาร์ททำให้เวลาเราเติมจะรู้สึกว่ามันเติมเต็มเร็วทั้งๆที่อาจจะไม่ได้เติมน้ำมานานมากเเล้ว เวลาที่เครื่องดับการไหลเวียนของน้ำจะยังไม่ทำงานทำให้อาจเกิดช่องอากาศที่อยู่ท่อต่างๆของหม้อน้ำได้ พอเราสตาร์ทเครื่องน้ำก็จะไหลเวียนดันเอาช่องอากาศนี้ออกมาทางฝาของหม้อน้ำ ทำให้เราเห็นชัดเจนได้ว่าหม้อน้ำนั้นยังเติมน้ำไม่เต็มทั้งๆที่ก่อนหน้าที่จะสตาร์ทเครื่องเราเติมเต็มจนล้นออกมาเเล้วก็ตาม